'อลงกรณ์' วิเคราะห์กรณี ’หุ้น itv' พิธา ถือหุ้นในนามผู้จัดการมรดก ไม่ใช่ในนามส่วนตัว เชื่อ เรื่องจบในชั้น กกต. เพราะไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 151 แม้เป็นคู่แข่งการเมือง แต่ต้องช่วยผดุงความยุติธรรม เมื่อเห็นว่ามีความไม่ยุติธรรม
นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรัฐมนตรีและอดีต สส.หลายสมัย โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นคดี ‘หุ้นitv’ ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่า กรณีหุ้นไอทีวี.จบในชั้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เรื่องง่ายๆไม่มีอะไรซับซ้อน
โดยสรุปว่านายพิธาไม่ได้เป็นเจ้าของ 'หุ้นitv' จึงไม่เข้าข่ายการกระทำความผิดตามมาตรา151 และชี้ว่าคดีนี้จะจบลงในชั้นกกต.ภายใน 45 วัน โดยมีข้อความดังนี้
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มีการระบุไว้ในมาตรา 98(3) ซึ่งว่าด้วยคุณสมบัติที่ห้ามลงสมัคร ส.ส. โดยระบุว่า “ห้ามเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ”
ดังนั้นกฎหมายลูกคือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 แก้ไขเพิ่มเติม 2566 จึงบัญญัติมาตรา 151 ความว่า “..ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร …(ลักษณะต้องห้ามเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นสื่อ)
นายอลงกรณ์ ระบุอีกว่า กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือครองเป็นเจ้าของ 'หุ้นitv' จะเข้าข่ายการกระทำความผิดตามมาตรา 151 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. พ.ศ.2561 แก้ไขเพิ่มเติม 2566 หรือไม่
เรื่องนี้มีหลายมุมมอง แต่สำหรับผมมีความเห็นดังนี้ครับ
1.ประเด็น 'หุ้นitv'ไม่มีอะไรซับซ้อนเพราะมีคำถามเดียวที่ต้องพิสูจน์คือ หุ้นไอทีวี.เป็นของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือเป็นของกองมรดกที่นายพิธาเป็นผู้จัดการมรดก เป็นปมสำคัญที่สุด
2.การพิจารณาข้อกฎหมายเรื่อง 'หุ้นitv' ของนายพิธาคือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โดยเฉพาะ บรรพ 6 ว่าด้วยมรดก
3.จากการประมวลข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบโดยปราศจากอคติจากทุกฝ่ายได้ความว่า นายพิธาถือหุ้นในนามผู้จัดการมรดกไม่ใช่ถือในนามส่วนตัวและในฐานะทายาทได้สละมรดกแล้วซึ่งมีผลว่าไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้นตั้งแต่ปี2550
4.เมื่อพิจารณาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงจึงสรุปได้ว่า นายพิธาไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 151
5.ดังนั้นประเด็นเรื่อง 'หุ้นitv' จะปิดสำนวนในชั้นกกต.ภายใน 30 วันหรือ 45 วัน
การพิจารณาประเด็น 'หุ้นitv' ต้องยึดหลักความยุติธรรมโปร่งใสเป็นบรรทัดฐานในการวินิจฉัย อย่าทำให้เป็นคดีการเมือง
"ผมสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งแข่งขันกับนายพิธาและพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่เป็นหน้าที่ที่เราต้องช่วยผดุงความยุติธรรมเมื่อเห็นว่ามีความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นกับใครก็ตามแม้แต่คู่แข่งทางการเมือง
เพราะความยุติธรรมที่เที่ยงธรรมจะไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกในบ้านเมือง
การบริหารประเทศด้วยหลักนิติรัฐและนิติธรรมสำคัญที่สุดสำหรับประเทศไทยในวันนี้และวันข้างหน้าครับ"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง