ข่าว

'เรืองไกร' จี้กกต. สอบย้อนหลัง 'พิธา' ลงสมัครสส. ปี 2562

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'เรืองไกร' จี้กกต. สอบลักษณะลงสมัครสส. ของ'พิธา'ย้อนหลังปี 2562 พร้อมให้ถ้อยคำกรณีถือครองหุ้นสื่อITV ครั้งแรก

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบย้อนหลังการเป็น สส. เมื่อปี 2562 ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกของพรรค โดยยื่นหลักฐานกรณีตัวอย่างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เคยวินิจฉัย นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ สส.พรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้น มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครสส. เนื่องจากถือครองหุ้นสื่อเป็นเหตุให้สมาชิกภาพความเป็นสส.สิ้นสุดลง โดยศาลให้มีผลนับแต่วันสมัครส.ส.คือวันที่ 6 ก.พ. 2562 


นายเรืองไกร เห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลดังกล่าว ยึดตามตัวบทกฎหมายเพียงว่า นายธัญญ์วาริน ถือหุ้นหรือไม่ และบริษัทยังประกอบกิจการหรือมีความสามารถที่จะกลับมาประกอบกิจการได้หรือไม่ โดยไม่ได้มีการวางหลักต้องถือมากน้อยแค่ไหน นายธัญญ์วาริน ถือหุ้นอยู่ใน 2 กิจการ ต่างจากนายพิธา ที่ถือหุ้นITV แต่ต่อมาในปี 2564 กกต.ก็ได้ยึดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนี้มาวินิจฉัยผู้สมัครสส.ที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสส.จากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 รวม 4 คำวินิจฉัย และมีการสั่งดำเนินคดีอาญาด้วย ทำให้เห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงนายพิธา ถือหุ้นITVตั้งแต่ปี 2551 และปี 2562 นายพิธาเป็นผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่ 

หากวันนี้กกต.จะวินิจฉัยเรื่องการถือหุ้นของนายพิธา ก็ต้องยึดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยของกกต. โดยจะต้องย้อนไปพิจารณาว่าการถือหุ้นITVดังกล่าวของนายพิธา ก่อนปี 2562 และถือต่อเนื่องมานั้น เป็นเหตุให้นายพิธา สิ้นสมาชิกภาพการเป็นสส. ปี 2562 โดยต้องมีผลย้อนหลังไปจนถึงวันที่นายพิธา ยื่นสมัครคือวันที่ 6 ก.พ.ใช่หรือไม่

 

"การที่นายพิธา ได้มาเป็น สส. มีการโหวตกฎหมายต่างๆไป ไม่ได้มีผลทำให้กฎหมายเหล่านั้นต้องเสียไป แต่เงินประจำตำแหน่ง หรือเงินเพิ่มผู้ช่วยผู้ชำนาญการรวมอีก 8 คน อาจจะมีปัญหาได้ จากข้อเท็จจริงนี้จำเป็นที่กกต.จะต้องย้อนกลับไปตรวจสอบคุณพิธา เมื่อปี 2562 ว่าสิ้นสมาชิกภาพส.ส.หรือไม่ โดยอ้างอิงคำวินิจฉัยของกกต.ที่ 1-4 /2564 1,2,3 และ 9/2564 ที่ลงนามโดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต.เอง" นายเรืองไกร กล่าวว่า 

 

โดยวันนี้นายเรืองไกรได้เข้าให้ถ้อยคำในกรณีที่ยื่นตรวจสอบการถือครองหุ้นITVของนายพิธา เมื่อพบว่าคงถือหุ้น ในการสมัครรับเลือกตั้งปี 2566 และในฐานะหัวหน้าพรรคที่เซ็นรับรองผู้สมัคร สส. เขตเกือบ 400 เขตและ ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ขอให้วินิจฉัยว่า นายพิธาจะมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 (3)  ในฐานะผู้สมัคร สส. หรือไม่ และในฐานะผู้ยินยอมให้พรรคก้าวไกลเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี จึงนำมาตรา 98 มาบังคับใช้ด้วย 

ส่วนที่นักวิชาการหญิงรายหนึ่งแสดงความคิดเห็นผ่านรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่งในลักษณะว่าไม่มีปัญหา เมื่อขายหุ้นเรื่องก็จบ นายเรืองไกรเห็นว่า เป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก จะทำให้สังคมและประชาชนเกิดความเข้าใจผิดอย่างมาก หากผิดก็ผิดตั้งแต่วันลงสมัครรับเลือกตั้ง ตนได้เก็บรวมรวมข้อมูลที่มีการเผยแพร่เรื่องผ่านสื่อออนไลน์แล้ว ทั้งนี้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. มาตรา 23 และ 24 บังคับครอบคลุมไปถึงบัญชีนายรัฐมนตรีด้วย เมื่อออกแล้วมาเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อให้ได้ 376 เสียง ตนก็เห็นว่าขาดคุณสมบัติ 

หากได้รับเลือกเป็นนายกฯตนก็จะร้องเรียน อาจจะส่งผลให้คณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ จึงอยากให้ทั้งนักกฎหมาย ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ไปทำความเข้าใจข้อกฎหมายอย่างถ่องแท้ อ่านกฎหมายให้แม่นๆ 


นอกจากร้อง กกต.โดยตรงตอนนี้แล้ว เมื่อ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งแล้ว ตนก็ไปขอร้องให้ สส.และ สว. หรือสมาชิกรัฐสภาเข้าชื่อส่งคำร้องให้ตรวจสอบคู่ขนานไปกับการตรวจสอบของ กกต. ตามแนวทางที่เคยยื่นคำร้องให้ตรวจสอบสมาชิกภาพ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เมื่อปี  2551 จนนายสมัครพ้นจากนายกฯ เพราะคำพิพากษาว่าเป็นลูกจ้าง จากหลักฐานใบหักภาษี ภงด.3  ไม่ได้ยึดตามพจนานุกรม  เช่นเดียวกับกรณีของนายพิธา ก็มีหลักฐานเป็นใบ บมจ.6 ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด จึงสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นหลักฐานที่ถูกต้อง ซึ่ง กกต.ควรจะต้องนำไปประกอบการพิจารณา  ส่วนผู้วินิจฉัยคือศาลรัฐธรรมนูญ  


นายเรืองไกรยังกล่าวอีกว่าวันนี้มาให้ถ้อยคำต่อ กกต.เป็นครั้งแรก แต่ได้ยื่นเอกสารเรื่องดังกล่าว 6 ครั้ง และยังมีเอกสารเพิ่มเติมอีก คือ คำสั่งศาลปกครองและมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับบริษัทITVและการรายงานสถานการณ์จนถึงปี 2564 ทั้งนี้นายเรืองไก้ได้พยายามยื่นหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อแสดงให้เห็นว่าบริษัทITVยังดำเนินการกิจการอยู่ 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ