'สุวัจน์' ยัน ดีลล่ม ไม่ใช่ปัญหา 'พรรคชาติพัฒนากล้า' ยังไม่ได้ตอบรับ ก้าวไกล

ภายหลังทนกระแสต้านไม่ไหว หลัง #มีกรณ์ไม่มีกู เดือดสนั่นโซเชียล พรรคก้าวไกล ประกาศถอน การดึง “พรรคชาติพัฒนากล้า” เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลทันที โดยล่าสุด ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ตั้งโต๊ะแถลง ที่ที่ทำการพรรคชาติพัฒนากล้า จ.นครราชสีมา

โดย นายสุวัจน์ ระบุว่า ไม่มีปัญหาที่พรรคก้าวไกล หักดีล ร่วมรัฐบาล เพราะอยู่ระหว่างหารือในพรรค เพื่อพิจารณาเนื้อหา MOU ว่าอยู่ในกรอบที่ร่วมได้หรือไม่ ขณะเดียวกัน ก็ยังไม่ตอบ ว่าจะโหวตให้ “พิธา” เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ต้องหารือในพรรคตามขั้นตอนก่อน

นายสุวัจน์ ลิปตภัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า แถลงว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อเทียบเชิญจากทางพรรคก้าวไกล ให้พรรคชาติพัฒนากล้า เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพราะยังได้เสียงไม่เพียงพอ ซึ่งทางพรรคฯ ไม่ได้เป็นฝ่ายติดต่อไปแต่อย่างใด 

จากนั้น ทางพรรคก็ได้พิจารณาว่า อยากเห็นการเมือง มีเสถียรภาพ อยากเห็นการจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากเสียงข้างมาก ไม่ใช่เสียงข้างน้อย เมื่อใครได้ก็ต้องเป็นคนริเริ่ม จึงพิจารณาว่า พรรคก้าวไกลได้อันดับ 1 รวมกันได้เสียงข้างมาก ถือว่ามีเสถียรภาพแล้ว ฉะนั้น จึงอยู่ในองค์ประกอบที่ทางพรรคคุยกันอยู่เสมอ จึงตอบรับคำเชิญ เพราะการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง มีการเซ็น MOU ถือเป็นมิติใหม่ในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของพรรคชาติพัฒนากล้า ในการที่จะต้องให้การสนับสนุน เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ แต่ต้องประชุม คณะกรรมการบริหาร เพราะต้องลงนามใน MOU ด้วย จะเป็นการผูกพันกับทางพรรค

พรรคชาติพัฒนากล้า จึงได้นัดประชุมกัน ในวันที่ 22 พ.ค. 2566 เพื่อพูดคุยกันว่า เมื่อได้รับคำเชิญจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งต้องพิจารณา ว่าสอดคล้องกัยนโยบายหรือไม่ เช่นเรื่อง เศรษฐกิจ ดูกรอบ MOU พูดไว้อย่างไร เรื่องสังคม การกระจายอำนาจ รายละเอียดเป็นอย่างไร สอดคล้องกับนโยบายหรือไม่  มีผลกระทบอะไรต่อประเทศหรือไม่ รวมทั้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ที่สำคัญ ม.112 ทางพรรคต้องการให้คงไว้  นี่คือเหตุผลว่า ทำไมถึงต้องนำเรื่องการตัดสินใจ เข้าสู่ที่ประชุม

หลังจากนั้นเมื่อคืน ได้ทราบข้อแถลงจากพรรคก้าวไกลว่า จะยุติการเจรจา ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีตามเอกสารที่มีออกมาตามสื่อต่างๆ  และขอบคุณพรรคก้าวไกล ที่ให้เกียรติมาเชิญพรรคชาติพัฒนากล้า เพราะทางพรรคให้การสนับสนุนแนวทางนี้อยู่แล้ว พรรคที่ได้อันดับ 1 ต้องได้จัดตั้งรัฐบาล

แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของขั้นตอนการประชุมหารือของพรรค ก็คงจะไม่เกิดขึ้นแล้ว แต่ทางพรรคยืนยันว่า ไม่มีปัญหาใดๆ ทุกอย่างแฮปปี้ ส่วนเรื่องการโหวตให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ต้องทำตามขั้นตอนของพรรค คือหารือร่วมกันก่อน