ข่าว

ทำความรู้จัก พรรคเป็นธรรม พรรคน้องใหม่ที่จะได้ร่วมรัฐบาล

ทำความรู้จัก พรรคเป็นธรรม พรรคน้องใหม่ที่จะได้ร่วมรัฐบาล

15 พ.ค. 2566

รู้จักพรรคการเมืองหน้าใหม่ พรรคเป็นธรรม 1 ใน 5 พรรคร่วมรัฐบาล ก้าวไกล หัวหน้าพรรค รุ่นใหญ่อวดวงการเมือง อดีตสส.เขตหลายสมัย

กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้ประกาศแถลงชัยชนะในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากโดยมีการพูดถึงพรรคการเมืองใหม่หนึ่งใน 5 พรรคที่จะร่วมกับก้าวไกลนั่นคือพรรคเป็นธรรมโดยในวิชาได้กล่าวในตอนหนึ่งของการแถลงข่าวว่าตนได้ไปเจอกับพรรคเป็นธรรมในตอนที่เดินทางลงไปหาเสียงที่จังหวัดปัตตานีและได้เห็นมุมมองและแนวคิดจึงได้ตัดสินใจทาบทามรรคนี้มาร่วมเป็น 1 ในรัฐบาลเสียงข้างมากที่กำลังจะเกิดขึ้น

พรรคเป็นธรรม

คมชัดลึกชวนคุณผู้ชมมาทำความรู้จักกับพรรคการเมืองใหม่ที่อาจจะเรียกได้ว่าเคยอยู่นอกสายตาทั้งคอการเมืองและประชาชนสังคมทั่วไปแต่ในวันนี้ได้เข้ามาอยู่เป็นหนึ่งในพรรคการเมืองที่พร้อมร่วมรัฐบาลใหม่

สำหรับพรรคเป็นธรรมนั้น เป็นพรรคการเมืองน้องใหม่ที่เข้าร่วมในการเลือกตั้ง2566 โดยได้มีการรับช่วงต่อของ พรรคกลาง และนำมารีแบรนด์เสียใหม่ ในภาพลักษณ์ของเรื่องสิทธิมนุษยชน 

ดร.ปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม
หัวหน้าพรรคเป็นธรรม ชื่อว่า  ดร.ปิติพงศ์ เต็มเจริญ ในอดีตนั้น เขาเคยสังกัดพรรคประชากรไทย และมีดีกรี สส. 3 สมัย และในยุคไทยรักไทยครองเมือง ดร.ปิติพงศ์ เป็นสส. เขต 30 กทม. 2 สมัยซ้อน แต่เมื่อก้าวสู่สมัยของพลังประชาชนและเพื่อไทย กลับไม่ประสบความสำเร็จ 

จากนั้นชีวิต เขาก็อยู่ในวงการเมือง เป็นข้าราชการการเมืองในรัฐบาลพลังประชาชน และเพื่อไทย อาทิ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ของนายนพดล ปัทมะ สมัยเป็นรมต.กระทรวงการต่างประเทศ รั่งในตำแหน่งที่ปรึกษาให้ชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ รวมทั้งยังเป็นเลขานุการ ของชัยเกษม นิติศิริ สมัยเป็นรมต.ยุติธรรม

ต่อมา ดร.ปิติพงศ์ เข้าร่วมกับพรรคเสรีรวมไทย แต่มีความขัดแย้งกับ พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียเวช
หัวหน้าพรรค เขาจึงแยกตัวออกมา ตามคำแนะนำและชี้แนะส่วนตัวของ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร หนึ่งในผู้กว้างขวางทางการเมือง 

พรรคเป็นธรรม ได้วางแนวทางและภาพลักษณ์ทางการเมืองที่ชัดเจนว่า เป็นพรรคใหม่ คนใหม่ เพื่อการเมืองใหม่ มีจุดยืนและอุดมการณ์ชัดเจน ประชาชนต้องเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยต้องเป็นธรรม พรรคเป็นธรรม มีนโยบายที่เป็นรูปธรรม ปฏิบัติได้เพื่อตอบสนองความต้องการของสามัญชน คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกพื้นที่ ภายใต้บริบทบริหารประเทศ 5 มิติ 

คือ เศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิต การศึกษา และ กฏหมาย โดยมี Motto นโยบายพรรคว่า SPEED นำไทยไปข้างหน้า