ข่าว

'เรืองไกร' ยื่นสอบคุณสมบัติ 'พิธา' ถือหุ้น ITV ชี้คล้ายกรณี 'ธนาธร'

'เรืองไกร' ยื่นสอบคุณสมบัติ 'พิธา' ถือหุ้น ITV ชี้คล้ายกรณี 'ธนาธร'

10 พ.ค. 2566

'เรืองไกร' มั่นใจหลักฐานยื่น กตต. สอบคุณสมบัติ 'พิธา' ถือหุ้น ITV ชี้แค่ถือครองหุ้นมีความผิดแล้ว พร้อมยื่น ป.ป.ช.สอบซุกหุ้น คล้ายกรณี 'ธนาธร'

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นหนังสือขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขาดคุณสมบัติผู้สมัครหรือไม่ หลังมีข้อมูล ถือหุ้นITV หรือ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) 42,000 หุ้น ซึ่งได้ข้อมูลมาจากผู้ที่เห็นบัญชีผู้ถือหุ้น ทักท้วงมายืนยันไม่ใช่ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กรมธุรกิจการค้า 

โดยขณะนี้พบว่า ITV ยังประกอบธุรกิจสื่อตามที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าแสดงไว้และตามรายงานการประชุมเมื่อ 26 เมษายน 2566 ที่ผ่านมานี้ รายงานตอนท้ายมีผู้ถือหุ้นถามว่าเป็นสื่อประกอบกิจการหรือไม่ ผู้บริหารของ ITV ตอบและเป็นบันทึกการประชุม ว่า เป็นบริษัทสื่อฯ

จึงจำเป็นต้องร้องให้ กกต.ตรวจสอบ ซึ่งการที่นายพิธาออกมาระบุเหมือนภาคเสธ รับครึ่งไม่รับครึ่ง แม้จะระบุว่าหุ้นดังกล่าวไม่ใช่ของตนเอง เป็นกองมรดก และตัวเองเป็นผู้จัดการเท่านั้น แต่อยากให้ดูรัฐธรรมนูญมาตรา 98 ( 3 ) เขียนเพียงว่าผู้จะลงสมัคร สส.ต้องไม่เป็นผู้ถือครองหุ้นสื่อเท่านั้น  

ข้อมูลจากนายเรืองไกร

นายเรืองไกร ยืนยันข้อมูลที่ได้มาได้ให้ทีมงานตรวจสอบในเว็บกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทันที พบ ข้อมูลการจดทะเบียน ข้อมูลการส่งงบการเงิน5 ปี ตรงกันหมด และบริษัทไอทีวี เป็นบมจ.6 ชัดเจน คือ เป็นบริษัทมหาชน ผู้ถือหุ้นเป็นชื่อของนายพิธาโดยตรงไม่มีการห้อยท้าย ยืนยัน มีเอกสารหลักฐานครบถ้วน

 

ส่วนที่นายพิธา อ้างว่าได้มีการหารือและชี้แจงกับ ป.ป.ช.แล้ว เป็นกฎหมายคนละฉบับกัน เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติการลงสมัคร สส. สิ่งที่นายพิธาอ้างน่าจะเป็นเรื่องการถือครองหุ้นและแจ้งบัญชีทรัพย์สิน โดยตนได้ไปตรวจสอบการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของนายพิธาระหว่างดำรงตำแหน่ง สส. ก็ไม่พบว่ามีการแจ้งหุ้นดังกล่าวต่อ ป.ป.ช. เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาจึงได้ไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ว่านายพิธาแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จหรือไม่     

 

ดังนั้นจึงขอให้ กกต.ทำตามหน้าที่และอำนาจโดยเร็ว ไม่ปล่อยให้เวลาเนิ่นนานไปกว่านี้ หากกกต.รับรองเรื่องก็จะขาดคุณสมบัติเรื่องก็จะไปศาลรัฐธรรมนูญ เหมือนกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ศาลวินิจฉัยว่า ขาดคุณสมบัติเนื่องจากถือหุ้นวีลัค มีเดีย ความเป็น สส.สิ้นสุดลงเฉพาะตัว 

 

ส่วนจะถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ หากย้อนไปถึงกรณีของนายธนาธรถูกพิพากษาคคดีถือหุ้นดีลักซ์ดีมีเดีย แต่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบเพราะเงินกู้ เป็นข้อกฎหมายคนละตัว

 

ทั้งนี้เมื่อมีความปรากฏมีผู้ร้องกกต.ต้องใช้ดุลพินิจเป็นธรรม จะก่อนหรือหลังเลือกตั้งมีผลต่างกัน รอจับตาความเคลื่อนไหวหลังจากนี้ เพราะไปถึงขั้นศาลตัดสินจะเป็นเรื่องใหญ่มาก และตนมีข้อกฎหมายอีกส่วนหนึ่งรออยู่แล้ว แต่รอให้ศาลตัดสินก่อน เป็นเรื่องเดียวกันแต่มีผลกระทบมหาศาล

ข้อมูลจากนายเรืองไกร ข้อมูลจากนายเรืองไกร