ข่าว

Exclusive เปิดใจ 'ประยุทธ์ จันทร์โอชา' สูตรสู้เลือกตั้ง ฝ่ากระแสไม่เอาลุง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สัมภาษณ์พิเศษ เปิดใจ 'พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา' เจาะเกมสู้ศึกเลือกตั้ง66 ท่ามกลางกระแสเพื่อไทย-ก้าวไกล ผนึก 'ไม่เอา 2 ลุง' พร้อมเปิดเบื้องหลังในวันที่ตัดสินใจแยกตัว 'พี่ป้อม' ออกมาตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ  

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดใจให้สัมภาษณ์พิเศษกับเนชั่นทีวี ผ่านรายการ 'Nation Insight' ดำเนินรายการโดย 2 บก. เครือเนชั่น 'บากบั่น บุญเลิศ' และ 'วีรศักดิ์ พงศ์อักษร' 

Exclusive เปิดใจ \'ประยุทธ์ จันทร์โอชา\' สูตรสู้เลือกตั้ง ฝ่ากระแสไม่เอาลุง

การให้สัมภาษณ์พิเศษครั้งนี้ของพลเอกประยุทธ์ ท่ามกลางผลสำรวจหลายแห่งชี้ว่า 'บิ๊กตู่' เป็นรองแคนดิเดตนายกจากพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลอย่างชัดเจน

รวมถึงผลสำรวจ 'เนชั่นโพล ศึกเลือกตั้ง66’ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 ที่ระบุความนิยมแคนดิเดตนายกฯแบบภาพรวมทั้งประเทศ พลเอกประยุทธ์ ได้ 8.13% อยู่ในอันดับที่ 4 

 

ยังตกเป็นรอง แพทองธาร ชินวัตร ที่มาแรงอันดับหนึ่ง 33.81% และพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อยู่ในอันดับสอง 16.87%

 

ทว่าลำดับที่ 3 คือ ไม่แน่ใจ/ยังไม่ตัดสินใจ 22.58% เป็นโอกาสที่ลำดับที่สี่อย่าง พลเอกประยุทธ์ มีโอกาสจะโกยแต้มได้เช่นเดียวกับพรรคอื่นๆ 

Exclusive เปิดใจ \'ประยุทธ์ จันทร์โอชา\' สูตรสู้เลือกตั้ง ฝ่ากระแสไม่เอาลุง

น่าสนใจว่า ยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง เกมกลยุทธ์การหาเสียง และสูตรการจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต แบบฉบับของ พลเอกประยุทธ์ ครั้งนี้จะเป็นอย่างไรท่ามกลางกระแสที่ขั้วของเพื่อไทย และก้าวไกล และอีกบางพรรคใช้กระแส 'ไม่เอาลุง' โกยแต้มอยู่ในตอนนี้

 

พลเอกประยุทธ์ เริ่มต้นให้สัมภาษณ์พิเศษกับเนชั่นทีวี โดยบอกว่าจากการลงพื้นที่ไปทั่วทุกภาค กระแสตอบรับดีขึ้นพอสมควร ต้องขอบคุณคนในพื้นที่ และสื่อโซเชียลต่างๆที่ให้ความสนใจ เพราะเราเป็นพรรคใหม่ที่ผสมผสานระหว่างคนรุ่นเก่า รุ่นกลาง รุ่นใหม่ ยอมรับว่าการเป็นพรรคใหม่ก็ค่อนข้างยาก ซึ่งหลายพรรคมีความมั่นคงมายาวนาน แต่ก็จะพยายามต่อไป 

 

ส่วนการลงพื้นที่ถ้าเทียบกับปี 2562 ต่างกันอย่างไร ตอบไม่ได้เพราะตอนนั้น พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินการ แต่ตอนท้ายตอนก็ลงไปเยี่ยมพื้นที่ต่างๆ เมื่อประชาชนเห็นหน้าก็พึงพอใจ ประกอบกับกระแสพรรคในตอนนั้นก็ดี ลุงป้อมทำไว้ดี 

 

สำหรับปัจจุบันมองว่ามีคน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่อยากร่วมมือ กลุ่มที่อยากทำอย่างที่เราออกแบบไว้ แต่อีกกลุ่มหนึ่งต้องการเปลี่ยนแปลงให้เร็วและเร็วที่สุด ซึ่งตรงนี้ก็น่าเป็นห่วง เพราะบางอย่างทำได้ ทำไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญก็อยู่ที่ประชาชนต้องคิดให้ดี การทำอะไรต่างๆเร็วเกินไปก็มีผลเสีย ก็คงต้องฝากคนทั้ง 2 กลุ่ม

Exclusive เปิดใจ \'ประยุทธ์ จันทร์โอชา\' สูตรสู้เลือกตั้ง ฝ่ากระแสไม่เอาลุง

ซึ่งคนที่มีอายุก็จะเข้าใจหลักเกณฑ์หลักการหลายอย่าง เพราะมีประสบการณ์ เข้าใจการทำงานแบบนี้ว่าต้องใช้เวลาและระมัดระวัง รอบคอบเพื่อความมั่นคงและยังยืน 

 

ส่วนเด็กๆ วันนี้หลายคนก็จำไม่ได้ว่าประเทศชาติเคยเป็นยังไงมาก่อน พอโตมา ก็เห็นเทคโนโลยีแล้ว เจอความทันสมัยแล้วอย่างรถไฟฟ้า เขาจึงคิดว่าต้องทำให้เร็วกว่านี้ แต่ลืมนึกไปถึงเรื่องระเบียบ กติกา เหมือนวัยรุ่นใจร้อน แต่ก็ยินดีรับฟังทุกช่องทางการสื่อสาร

 

แต่ก็อยากให้ใคร่ครวญคิดให้ช้าลงสักนิด แล้วอยากให้ย้อนกลับไปดูว่าสิ่งที่ได้มาวันนี้ ต้องใช้เวลาเท่าไรกว่าจะได้มา บางเรื่องก็ใช้เวลาหลายปีมากกว่าจะได้มา 

 

ผมรู้ว่าทุกคนหวังดีกับประเทศตอนเป็นนายกฯ ก็ต้องไม่ไปไงทะเลาะกับใคร ส่วนความขัดแย้งจะเกิดอีกหรือไม่ ผมทำนายไม่ได้ ขึ้นอยู่กับประชาชน แต่จริงๆก็เป็นแบบนี้มาซัก 20 ปีแล้ว มาเป็นระยะปัจจุบันก็มีการปลุกเร้าในโซเชียลขึ้นมา ยอมรับว่าความคิดคนควบคุมไม่ได้ แต่เราต้องแสดงความจริงใจให้เห็น สามารถชี้แจงตอบคำถามได้ แต่อย่าขัดแย้งกัน

 

ถาม : ตอนนี้แบ่งเป็น 2 ขั้วคือ ขั้ว 2 ลุง ลุงตู่-ลุงป้อม อีกขั้วคือเพื่อไทย ก้าวไกล ?

 

พลเอก ประยุทธ์ : ตอนนี้ก็พูดกันไปพูดกันมา ท้ายสุดให้ดูการเลือกตั้งแล้วกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะเป็นอย่างที่พูดหรือไม่ ไม่รู้ แต่ใครพูดอะไรก็ถูกบันทึกไว้หมดแล้ว ดังนั้นผมไม่สามารถชี้ชัดอะไรได้ 

 

ยืนยันว่าไม่มีเงื่อนไขในการรวมพรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาล เพราะคาดว่าการเลือกตั้งคะแนนจะแตกต่างมากพอสมควร ก็ต้องไปดูว่าอะไรที่ตรงกัน หรือทำร่วมกันได้ เราก็ร่วมมือกัน 

 

ฝั่งเขา (ก้าวไกล) ประกาศแล้วว่าไม่มากับผม ก็ไม่ต้องมา ตอนนี้ก็รอดูช่วงโค้งสุดท้ายก่อน เพราะกระแสคนตรงกลาง พลังเงียบเฉียบขาด ก็มีอยู่ และเขายังไม่ตัดสินใจ ก็ขอฝากให้ครั้งนี้ช่วยกันออกมาเลือกตั้งกว่า 90 %

 

ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาเป็นแบบไหนตนก็รับได้ เพราะถ้าตนไม่อยู่ พรรคก็ยังอยู่ สส. ก็ต้องมี ก็รัฐมนตรีก็ยังอยู่ แต่ถ้าไม่ได้เป็นนายกฯ หรือ สส. ผมก็ยังมีโอกาสช่วยเขาอยู่ได้ วันนี้สำคัญที่สุดคือให้ประเทศชาติไปข้างหน้าได้ก่อน อย่ามัวมาติดกันหยุดตรงนี้เลย

 

ถาม : บัตรลุงตู่ทำแล้ว โครงสร้างพื้นฐานอะไรก็ทำ แล้วทำให้ความเชื่อมั่นลุงตู่ถึงลดลง

 

พลเอก ประยุทธ์ : ทุกอย่างมีคนชอบ-ไม่ชอบ เป็นการดำเนินการทางการเมืองที่มีคนกลุ่มใหม่ขึ้นมา ก็อยากถามกลับเหมือนกันว่าทำดีเกินไปหรือเปล่า แล้วคุณทำอะไรบ้างหรือยัง ผมน่ะทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ แต่พวกคุณเคยทำอะไรบ้างหรือยัง วิธีการทำอย่างไร ยังไม่รู้วิธีการเลย

 

วันนี้คนอ่านหนังสือน้อยลง คนไทยไถแต่โทรศัพท์ แต่ก็ว่าเขาไม่ได้ ก็ต้องสอนว่าทุกอย่างไม่ได้มาง่ายๆ แบบนี้ ถ้าเขารู้ว่ารถไฟสายต่างๆกว่าจะได้มาเป็นอย่างไร ต้องมีการวางแผน ศึกษาความเป็นไปได้ หาทุน ร่วมทุน กฎหมายร่วมทุน หาสถานที่เวนคืนที่ กว่าจะได้มาใช้เวลา 8 ปี

 

ถาม : เคยประเมินหรือไม่ว่าความนิยมที่เคยมีคะแนนสูง ค่อยๆลดลง เป็นเพราะคนเบื่อที่เราอยู่นาน 8-9 ปี หรือไม่

 

พลเอก ประยุทธ์  : ก็มีอยู่ 2 ประเด็น ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะอยู่นาน แต่อีกประเด็นคือคนอีกกลุ่มที่มาเดินแบบนี้ คนที่เคยต่อต้าน ไม่เห็นด้วย ก็ไม่มีขนาดนี้ ปัจจุบันเป็นการจัดตั้งหรือไม่ ผมก็ไม่แน่ใจ ขออย่าทำเลย หันกลับมาร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองดีกว่า ทำให้บ้านเมืองมีความสุข มีรอยยิ้ม

 

เพราะถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป วันข้างหน้าคิดหรือว่าจะบริหารได้ ในเมื่อมีทั้งคนเบื่อและไม่เบื่อ ทำไปทำมาเดี๋ยวจะกลายเป็นเบื่อทุกคน ถ้าคนไทยเบื่อหน้ากันทั้งประเทศแล้วจะทำยังไง

 

คำว่าอยู่นานของผม บางทีก็อย่างที่เขาบอก ก็อาจมีบุคลิกที่เป็นทหารมาก่อน หลายคนอาจจะไม่ชอบทหารบ้างก็เรื่องของเขา แต่ผมก็คือตัวตนของผม ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นนายกฯไม่ควรเป็นอย่างนี้ แต่เวลาทำงานผมก็ซีเรียส แต่บางเวลาผมก็ไม่ได้ตลกอะไรมากมาย ผมเป็นคนอารมณ์ขัน แต่ก่อนก็ชอบหัวเราะกับเพื่อน เป็น ผบ.ทบ.ก็ยังตลก เพื่อให้ลูกน้องฟังเวลาประชุมกัน ไม่งั้นก็หลับหมด

 

เวลาว่างๆที่ผมอยู่กับเพื่อน เจอเพื่อนสนิท เจอประชาชนเวลาไปหาเสียง ที่ ผมก็ตลกกับเขา ให้เห็นอีกบทบาทหนึ่ง ผมเป็นลุงก็ได้ เป็นพี่ก็ได้ ผมคิดเดี๋ยวนั้น ในเมื่อเบื่อลุง ก็รักพี่แทน

 

ถาม : ผลโพล ทำไมความนิยมภาคใต้ สูง มาก มองอย่างไรและเพราะอะไร?

 

พลเอก ประยุทธ์  : ผมอยู่มาหลายปีสังเกตว่าประชาชนแต่ละภาคเป็นอย่างไร ภาคใต้ก็ต้องชื่นชมเพราะเขาชอบการเมือง พูดจาติดตามข่าวสารคุยกันทั้งวัน พอเราไปคุยเขาก็รู้เรื่องเพราะมีฐานข้อมูล แต่ภาคอื่นอาจจะน้อย อาจไม่ค่อยได้คุยกัน อาจจะเสพสื่อจากโซเชียลทั้งหมด

 

ก็อาจจะเป็นปัญหาว่าความคิดไปกันไม่ได้ แต่ผมไม่ได้เน้นไปที่ภาคใต้ เพราะที่อื่นก็ไปมาแล้ว ผมทำให้แต่ละภาคเยเะ ถึงแม้จะชอบ-ไม่ชอบ ก็ทำให้ทุกจังหวัด

 

ถาม : พรรคที่จะชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล นอกจากจะได้เสียงจากภาคอีสาน เหนือ ใต้ แล้ว หัวใจสำคัญคือต้องชนะใน กทม. โค้งสุดท้าย 2 สัปดาห์จะลุยอย่างไรให้ชนะ?

 

พลเอก ประยุทธ์ : ผมก็ต้องลงพื้นที่เอง ตอนนี้ก็ให้ผู้รับผิดชอบช่วยขับเคลื่อน เพราะผู้สมัครทุกคนก็หน้าใหม่ ต้องหาคนมีประสบการณ์ลงไปเดินในพื้นที่ ช่วงนี้ก็เอาชื่อผมไปหาเสียงก่อนแล้วกัน แล้วจะเพิ่มเติมให้อีกที 

 

วันนี้ก็มีหลายช่องทางหาเสียง แต่ปัญหาคือแต่ละพื้นที่มีเจ้าของอยู่แล้ว มีคนจองหมดแล้ว แต่บางทีจองแล้วก็อาจมีคนที่เรารักเราออกมาเหมือนกัน ซึ่งก็คิดไว้ แต่ไม่ประเมินหรอกตัวเอง การเป็นนายกฯ หรือเป็นรัฐบาลมีหน้าที่ความรับผิดชอบที่ต้องทำให้ประชาชน ไม่ใช่เอามาต่อรอง ใครไม่ขอก็ต้องทำให้

 

บางโครงการ สส. ไม่ได้ขอมา แต่ผมเห็นเองก็ทำให้ จะดูที่วัตถุประสงค์และความคุ้มค่า ตรงตามความต้องการของประชาชนหรือไม่ ผมบริหารแบบพุ่งเป้า ว่าพื้นที่ไหนขาดอะไร แต่ถ้าให้ที่เดียวที่อื่นก็ไม่ได้

 

ผมเร่งทำเรื่องเศรษฐกิจฐานราก ช่วยเหลือประชาชน แต่ที่สำคัญประชาชนก็ต้องช่วยตัวเองด้วย อยากให้แต่ละกลุ่มรวมตัวกัน รัฐบาลจะได้ช่วยตรง เพราะถ้าหว่านไปหมดก็หายหมด

 

นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยอัตราว่างานต่ำที่สุด ไม่ถึง 1% แต่ก็ยังขาดแรงงานอีกเยอะ โดยเฉพาะเรื่องของทักษะฝีมือ ซึ่งผมก็สั่งให้กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการแล้ว 

 

ถาม : มองอย่างไรหลายพรรคการเมืองใช้นโยบายประชานิยมาหาเสียง? 

 

พลเอก ประยุทธ์ : คิดว่าทุกคนอาจจะหวังดีอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงประเทศเร็วขึ้น แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างมีระยะเวลาและขั้นตอนดำเนินการอยู่ กฎหมายระเบียบก็มี หลายคนออกมาพูดว่าการประชุมครั้งแรกจะลดอย่างนี้อย่างนั้น จะเปลี่ยนอย่างนี้อย่างนั้นทันที สิ่งที่สั่งยุบทุกวันสั่งได้

 

แต่ที่สั่งวันนี้อีก 10 ปีก็ทำไม่ได้ เพราะที่พูดกันก็ไม่ได้พูดถึงหลักการ เพราะไม่มีประสบการณ์พอสมควร ซึ่งการบริหารภาครัฐไม่ใช่แบบนั้น มีรายละเอียดที่เยอะกว่านั้น

 

ถาม : เจอกับ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ล่าสุดเมื่อใด ? 

 

พลเอก ประยุทธ์ : สัปดาห์ที่แล้ว เมื่อสงกรานต์ผมก็ไปกราบ พลเอกประวิตร แต่ไม่คุยการเมือง เพราะต่างคนต่างรู้สึกว่ายังไม่ถึงเวลา หลังเลือกตั้งเดี๋ยวก็มีคนคุยมากกว่า 2 คนอยู่แล้ว

 

ถาม : เคยได้สัมภาษณ์พลเอกประวิตร บอกว่าหากใครได้เสียงมากกว่าให้คนนั้นจัดตั้งรัฐบาล เรื่องนี้จริงหรือไม่

 

พลเอก ประยุทธ์ : พลเอก ประวิตร ไม่ได้คุยกับผมโดยตรง แต่พูดในที่ที่มีหลายคนนั่งอยู่ ก็คือพูดให้ได้ยิน ก็เอาตามสบายใจ อะไรมันเกิดขึ้นก็ได้ ไม่รู้

 

ถาม : แล้วจุดยืนของพลเอก ประยุทธ์ ใครได้คะแนนเสียงมาก คนนั้นก็จัดตั้งรัฐบาล?

 

พลเอก ประยุทธ์ : “เอ้อ ผมเห็นข่าวช่องไหนไม่รู้ มันมีอีกหลายสูตรนะ มีพรรคร่วมอีกด้วย แล้วถ้าเขารวมกันได้มากกว่าก็พร้อมเสนอใครก็ได้ แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้หรือเปล่า ไม่แน่ใจ” 

 

ถาม : หลักคิดของพลเอก ประยุทธ์ คือถ้าใครได้เสียงข้างมาก คนนั้นควรเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่? 

 

พลเอก ประยุทธ์ " “อันนี้ผมพูดเฉพาะพี่ป้อม 2 คน เพราะพี่ป้อมท่านว่าท่านก็พร้อมเป็นนายกฯ แล้วในพรรคก่อนหน้านี้ที่ผมออกมา สส.ก็มีนายกฯ ในใจ 2 คน ผมก็เลยถึงเวลาของพี่ก็เชิญตามสบายแต่ผมก็ออกมาเอง”

 

ถาม : พูดกับพลเอก ประวิตร อย่างนี้เลยหรือ ?

 

พลเอก ประยุทธ์ : “เปล่าสิ (หัวเราะ) แหมพูดกับพี่ก็พูดคนละอย่างสิ ผมพูดเรียบร้อย ว่าถ้าพี่พร้อมจะเป็นจะได้สบายใจ เพราะคนในพรรคสนับสนุน 2 คน ผมด้วยพี่ป้อมด้วยอะไรทำนองนี้ เพื่อความสบายใจผมออกเลยแล้วกัน ก็แค่นั้น ก็จบ”


พลเอก ประวิตร ก็พูดอีกทีว่า ใครคะแนนมาก คนนั้นเป็นนายกฯ ซึ่งตรงนั้นก็นั่งหลายคน แต่ไม่เห็นใครตอบอะไร (หัวเราะ) ผมก็ไม่ว่าอะไร ก็เราพูดกันไปแล้ว 2 คน ถ้าเกิน 2 คนขึ้นไปให้คนอื่นพูดบ้าง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ทะเลาะอะไรกับใคร

 

ถาม : นายกฯ เล่นโซเชียลเยอะเกินไปหรือไม่ ?

 

พลเอก ประยุทธ์ : ก็มีบางที เห็นบางคนวันไม่ทำอะไรนั่งไถโทรศัพท์ พอมาดูโอ้โหคนด่าผมเพียบเลย (หัวเราะ) ก็เลื่อนผ่านไป แต่บางทีก็ไปเจอคนที่มีความเดือดร้อน ไม่ทีที่อยู่อาผสัยพ่อแม่ตาบอด ผมก็สั่งให้หน่วยงานไปดู มันไม่ใช่เรื่องยากเย็น บางคนแม่ตาบอด พ่อพิการ ผมใจอ่อนรับกับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ ผมต้องช่วย

 

ถาม : ทำไมสิ่งที่นายกฯ ทำ กับถูกเรียกร้องมากขึ้น ?

 

พลเอก ประยุทธ์ : ความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ โลกเจริญแล้ว ความคิดก็ไม่มีกรอบ แต่เราต้องสอนให้คนมีกระบวนการคิดที่ถูกต้อง

 

ถาม : ประเมินแล้ว รวมไทยสร้างชาติได้เสียงเท่าไร ?

 

พลเอก ประยุทธ์ : แต่ละภาคไม่เหมือนกัน บางภาคก็รักชอบ บางภาคก็ไม่ชอบ แต่ตนคาดหวังกับคนที่ยังไม่แสดงความเห็น คนที่เงียบๆอยู่ตรงกลาง แต่คิดว่าเขาตัดสินใจแล้วเพียงแต่ยังไม่พูด ก็คิดว่าน่าจะดีขึ้น เพราะตอนแรกที่มาก็โดนดูถูกว่าไม่น่าจะได้ถึง 20 เสียง

 

"แต่ผมว่าน่าจะได้แล้ว แบบค่อยไต่ขึ้นไป แต่ก็ถูกต่อว่ามากขึ้น ก็ต้องยอมรับสภาพว่านี่คือนักการเมือง ถ้าดูจากโพลก็คิดว่า 40-50 คงได้ แต่ถ้าได้ซัก 100 ก็คงดี" 

 

ถาม : ตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลคิดว่านายกฯเป็นศัตรู เพราะไปแย่งพื้นที่ แย่ง สส. เขา ?

 

พลเอก ประยุทธ์ : คิดแบบนี้ได้ยังไง เลือกตั้งก็คือเลือกตั้ง ให้ประชาชนเป็นคนเลือก

 

ถาม : รวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคตั้งใหม่ อาจมีคนเก่ามาผสม คิดไหมว่าเป็นพรรคที่ใช้ต้นทุนลุงตู่มากที่สุด ?

 

พลเอก ประยุทธ์ : ก็ต้องให้กำลังใจ เพราะจำเป็น ผมบอกเลยว่าใช้ได้ทั้งผลงาน โครงการต่างๆ ไปประชาสัมพันธ์ เพราะเราเป็นหน้าใหม่ บางทีเข้าไปในพื้นที่เสือดุ ก็ต้องอ้างไว้โครงการเป็นตัวเลือกไว้ก่อน แต่ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร อย่าเอาผมไปทะเลาะกับใคร และคนอื่นก็อย่ามาทะเลาะกับผม 

 

ทุกคนก็เป็นพรรคร่วมนัฐบาลกันหมด ก็ให้เกียรติกัน แต่วันนี้ก็พวกเขาก็ยังโอเคกับตนในเรื่องส่วนตัว แต่ช่วงเลือกตั้งก็อาจจะต้องเป็นแบบนี้ ที่ผ่านมาทำงานก็ให้เกียรติกัน

 

ถาม : คิดหรือไม่ว่าการมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ อาจจะได้ไม่ถึง 30 เสียง

 

พลเอก ประยุทธ์  : ผมไม่ได้คิดแบบนั้น คิดแค่จะมีพรรคการเมืองที่ดีมีคุณภาพ ใครเชื่อมั่นศรัทธาก็มาอยู่กับผม ผมเชื่อมั่นศรัทธาใครผมไปอยู่กับด้วยกัน จะได้แค่ไหนก็เป็นพรรคการเมือง เริ่มต้นอาจจะไม่ถึงจุดสูงสุดก็ได้ ผมจะมีอะไรไปสู้กับเขาได้ นอกจากสิ่งที่ทำไปแล้ว เราใช้ผลงานเข้าสู้

 

ถ้าแพ้เลือกตั้ง กับประเทศชาติแพ้ มันคนละเรื่อง ประเทศชาติจะถอยกลับไปอยู่ที่เดิมหรือไม่ ผมไม่อยากให้ประเทศเป็นแบบนี้ ที่อยู่วันนี้ก็เพราะแบบนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมเก่งสุด ใครทำได้ก็เข้ามาทำ พร้อมถามกลับว่า ทำไมล่ะ มันแพ้แล้วหน้าตามันหายหล่อหรือ (หัวเราะ) 

 

ถาม : เราเป็นแชมป์เก่า มา 2 สมัย ถ้ากลับมาไม่ได้

 

พลเอก ประยุทธ์ : (ย้อนถามว่า) ก็ดูบอลโลกไหมล่ะ บางทีทีมเปลี่ยนคน เปลี่ยนสปอนเซอร์ บางทีก็ร่วงไปท้ายตาราง เป็นได้หมด

 

"ผมยอมรับกติกาได้หมด ชายชาติทหารรับได้หมด"

 

คลิก ที่นี่ย้อนชมคลิปสัมภาษณ์พิเศษ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รายการ 'Nation Insight' 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ