ข่าว

ศึกวิวาทะกัญชาแบ่งขั้ว '2 แคนดิเดตนายกฯ' พี่นิด ปะทะ น้องหนู

ศึกวิวาทะกัญชาแบ่งขั้ว '2 แคนดิเดตนายกฯ' พี่นิด ปะทะ น้องหนู

02 พ.ค. 2566

เลือกตั้ง 66 : สรุปศึกวิวาทะ 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 'เศรษฐกิจ ทวีสิน' กับ 'อนุทิน ชาญวีรกูล' ปมการจับขั้วที่มี 'กัญชา' เป็นเงื่อนไข 

'นโยบายกัญชา' กลายเป็นเส้นของการแบ่งขั้ว และปมวิวาทะเดือดของ 2 ดิเดตนายกรัฐมนตรี จาก 2 พรรค คือ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคภูมิใจไทย

 

วันที่ 27 เมษายน 2566

 

นายอนุทิน ปราศัยหาเสียง โดยมั่นใจว่า การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคภูมิใจไทยจะมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เพียงพอที่จะเสนอร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. .... ที่มีเนื้อหาครอบคลุมการนำกัญชา กัญชง มาใช้อย่างถูกวิธี เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน 

"คราวที่แล้วเป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาล คราวนี้แน่นอนว่าจะต้องอยู่ในเงื่อนไขนี้ จะต้องเป็นสิ่งแรกที่จะต้องดำเนินการ เพราะร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง สมบูรณ์แล้ว คราวที่แล้วเงื่อนไขคือปลดกัญชาออกจากยาเสพติด และเรามีวิธีการดำเนินการได้อยู่แล้ว เราออกกฎหมายกัญชาเพื่อให้มีความกระชับ ให้มีการควบคุม ลดความวิตกกังวลของสังคมให้มากที่สุด แต่จริงๆ ทุกวันนี้การใช้กัญชาไม่เคยทำร้ายสังคม ไม่เคยทำให้เป็นปัญหา แต่มีคนด้อยค่า พยายามกล่าวหาให้ร้าย

 

ก่อนทิ้งท้ายว่า “ถ้าใครจะมาร่วมกับพรรคภูมิใจไทย หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ต้องสนับสนุนกฎหมายกัญชาครับ”

ศึกวิวาทะกัญชาแบ่งขั้ว \'2 แคนดิเดตนายกฯ\' พี่นิด ปะทะ น้องหนู

วันที่ 30 เมษายน 2566

"เศรษฐา" นำทีมพรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศัยที่โดมอเนกประสงค์ โรงเรียนสตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ประกาศว่า ถ้าเพื่อไทย เป็นรัฐบาล นายกฯ จะนั่งหัวโต๊ะเป็นเจ้าภาพบัญชาการทุกเรื่อง เราจะบำบัดผู้เสพ ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า เราจะยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดินโดยเร็ว 

 

"ส่วนพรรคภูมิใจไทยที่เสนอเรื่องกัญชาเสรี ผมเป็นนักธุรกิจมา 30 ปี เชื่อเถอะว่าปลูกไปก็ราคาตก ไม่เจริญรุ่งเรือง เพื่อไทยเชื่อเรื่องกัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น ถ้า เพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะไม่มีกัญชากลางถนน ทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าพี่น้องไม่เลือก เพื่อไทยเข้าสู่สภาฯ ยืนยันว่า เราไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง ไม่จับมือกับใคร ขอให้พี่น้องกาพรรคเพื่อไทยทั้งสองใบให้แดงทั้งแผ่นดิน ขอให้ช่วยผลักดันผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ทุกเขต เพื่อผลักดันนโยบายดีๆ เข้าสู่สภาด้วย"

 

วันที่ 1 พ.ค. 2566

 

นายอนุทิน โพสต์ Facebook ยาวเหยียด 7 ข้อ ตอบโต้นายเศรษฐาโดยใช้ชื่อเรื่องว่า "จาก หนู ถึง พี่นิด"

 

เนื้อหาใน 7 ข้อสรุปได้ว่า นายอนุทิน บอกว่า "พี่นิด" (ชื่อเล่นของนายเศรษฐา) เปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่เข้ามาสู่การเมือง พร้อมกับยืนยันว่าภูมิใจไทย ไม่สนับสนุนกัญชาเสรี เราจึงออกกฎหมายมาควบคุมการใช้กัญชาทางที่ผิด ส่งเสริมการใช้กัญชาทางการแพทย์ สุขภาพ และ เศรษฐกิจ  และชี้ว่า พรรคเพื่อไทย ลงมติถอดกัญชา ออกจากประมวลกฎหมายยาเสพติด และ ลงมติรับหลักการร่างกฎหมายกัญชา กัญชง
  
และระบุว่า นายเศรษฐาทำให้พรรคเพื่อไทย มีทางเดินแคบลงทุกวัน สร้างเงื่อนไข ไม่จับมือพรรคนั้น พรรคนี้ ดูถูก ดูแคลนนักการเมือง ทั่วไป ไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ 

 

วันที่ 2 พ.ค. 2566

 

นายเศรษฐา ตอบโต้นายอนุทิน ผ่านโซเชียล โดยเริ่มต้นประโยคว่า "ขอบคุณคุณอนุทินที่ให้เกียรติเรียกผมว่าพี่และให้ข้อคิดกับรุ่นน้องทางการเมืองอย่างผม" และยืนยันว่ายังเป็นนายเศรษฐา ทวีสินคนเดิม 

 

พร้อมกับชี้ปัญหาเกี่ยวกับกัญชาว่า "ในช่วงที่ผ่านมาที่ผมลงพื้นที่ ผมสัมผัสถึงความทุกข์ใจของพี่น้องประชาชนด้วยตนเอง พวกเขาแสดงความไม่พอใจกับภาพ “การ” ปล่อยให้เกิดภาพนักเรียนอายุ 10 ขวบสูบกัญชาหรือ “การ” เกิดปัญหายาเสพติดอื่น ๆ มากขึ้นในชุมชนต่าง ๆ ซึ่งเป็นภาพที่ผมและพี่น้องประชาชนจำนวนมากรับไม่ได้ และไม่อยากเห็นอนาคตของลูกหลานใช้ชีวิตในบ้านเมืองแบบนี้ ผมได้แต่หวังว่าคุณหนูจะเห็นปัญหาที่ประชาชนเห็นเหมือนกับผม

 

"ผมก็พร้อมที่จะขัดแย้ง ที่อาจทำให้ทางเดินทางการเมือง “แคบลง” เพื่อ “เปิดกว้าง” อนาคตให้กับลูกหลาน มากกว่าที่จะเกรงใจคนนั้นคนนี้เพื่อ “เปิดกว้าง” ทางการเมืองแต่ทำให้ทางออกอนาคตของลูกหลานพวกเรา “แคบลง” ช่วงนี้โค้งสุดท้าย ผมขอให้คุณหนูดูแลสุขภาพ เพื่อจะได้ใช้เวลาลงไปพูดคุยกับประชาชน รับฟังเสียงความต้องการของพวกเขา และรอรับฟังฉันทามติจากพี่น้องประชาชนในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้พร้อมกันครับ"

 

ในวันเดียวกัน นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นฝ่ายกฎหมายของพรรคภูมิใจไทย กำลังพิจารณาว่า ส่วนไหนที่ทำให้เกิดความเสียหายกับพรรคภูมิใจไทย หรือผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ซึ่งใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมาย ผู้เสียหายสามารถร้องเรียนได้ เพราะคุณเสียหายจากการให้สัมภาษณ์ของใครคนใดคนนึงไม่ใช่หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะการบิดเบือนพูดเท็จด้วยค่านโยบาย คนที่เสียหายคือผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะให้ผู้สมัครทั้ง 400 เขตไปฟ้องร้องนายเศรษฐาหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า แล้วแต่ ตนเองไม่มีธงใดๆ เพียงแต่ถ้าผู้สมัครคนไหนรู้สึกว่าเสียหายก็เป็นสิทธิ์ของเขา ตนไม่สามารถไปชี้นำหรือสั่งการได้

 

ส่วนการร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย หลังจากนี้ นายอนุทินกล่าวว่าถึงเวลาก็จะรู้อยู่แล้ว ใครเป็นคนเคาะหรือตัดสินใจหรือใครได้แต่พูด คนวงการการเมืองเขารู้ดี ตนไม่รู้สึกกังวล