ข่าว

ส่อง 'นโยบายชาติพัฒนากล้า' รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ สู้ทุนผูกขาด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เลือกตั้ง66 มีไม่กี่พรรคการเมือง ที่อาจหาญประกาศท้าชน สู้ทุนผูกขาด ที่ฝังรากลึกในสังคมไทย หนึ่งในนั้นคือ 'ชาติพัฒนากล้า' ประกาศรื้อโครงสร้างเศรษฐกิจผ่าน 12 นโยบาย ภายใต้แนวคิด 'งานดี-มีเงิน-ของไม่แพง'

ผ่านมา 2 ปี "พรรคชาติพัฒนากล้า" (ชพก.) นำโดย สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค,กรณ์ จาติกวณิช  หัวหน้าพรรค, เทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรค. อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี และ วรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค พร้อมคณะผู้บริหารพรรคเปิดนโยบายสู้ศึกเลือกตั้ง 2566 และขับเคลื่อนประเทศ บนแนวคิด ‘งานดี-มีเงิน-ของไม่แพง’ สร้างแพลตฟอร์มเศรษฐกิจใหม่ สร้างรายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้านด้วยเศรษฐกิจเฉดสี

12 นโยบายรื้อโครงสร้างเศรษฐกิจสู้ทุนผูกขาด

1. หาเงินใหม่ให้ประเทศ 5 ล้านล้าน

2. ลดภาษีบุคคล เงินเดือน 40,000 บาทแรกไม่ต้องเสียภาษี

3. น้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้า ถูกลง รื้อโครงสร้างพลังงาน

4. ยกเลิกแบล็กลิสต์บูโร รื้อระบบสินเชื่อ

5. Gov-Tech ราชการในมือถือ รวดเร็ว ปลอดคอร์รัปชั่น รื้อระบบราชการ

6. เกษตรสร้างชาติ เพิ่มมูลค่าด้วยเทคโนโลยี-อุตสาหกรรม

7. สร้างเด็กไทย 3 ภาษา ไทย-ต่างประเทศ-Coding

8. ทุนธุรกิจสร้างสรรค์ สูงสุดรายละ 1,000,000 บาท ไม่จำกัดวุฒิและวัย

9. สูงวัยไฟแรง งานใหม่ 5 แสนตำแหน่ง

10. อารยสถาปัตย์ ปรับปรุงบ้าน 50,000 ให้ผู้สูงวัยและผู้พิการ

11. มอเตอร์เวย์ทั่วไทย 4 ทิศ 2,000 กม.

12. ท่องเที่ยวนำไทย เพิ่มนักท่องเที่ยว 2 เท่า

12 นโยบายชาติพัฒนากล้า รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ สู้ทุนผูกขาด

 

นโยบายลดภาษีให้มนุษย์เงินเดือน

นโยบายลดภาษีให้คนทำงาน ที่เงินเดือนไม่ถึง 40,000 บาท เพราะค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างมาก แต่ภาษีไม่เคยปรับลดเลย ขณะที่รัฐบาลลดภาษีนิติบุคคลของบริษัทขนาดใหญ่จาก 30% เหลือ 20% ตอนนี้รายได้รัฐเริ่มฟื้น สำนักงบประมาณประมาณการรายรับจะเพิ่มขึ้น 2.7 แสนล้านบาท จึงเป็นจังหวะที่ดีที่จะลดภาระคนทำงาน 4 ล้านคน ซึ่งนโยบายนี้ มีพรรคร่วมรัฐบาลเคยหาเสียงไว้ แต่ตลอด 4 ปีที่มาไม่ได้ทำ

นายอรรถวิทย์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และผู้สมัคร สส.กทมทั้ง 33 เขต

หาเงินใหม่ให้ประเทศ 5 ล้านล้าน

นโยบายรื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ ที่จะสร้างรายได้ให้ประเทศไทยได้อีก 5 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี ด้วยยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเฉดสี (Spectrum Economy) โดยเริ่มจาก

 

1.GreenEconomy เศรษฐกิจสีเขียว กรีนอีโคโนมี ซึ่งเป็นเศรษฐกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจด้านพลังงาน คมนาคม อุตสาหกรรม และเกษตร เพื่อให้สอดคล้องกับกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลกด้านสิ่งแวดล้อม การปฏิรูปพลังงานจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเพิ่มสัดส่วนการผลิตพลังงานหมุนเวียน ที่ประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตด้วย แต่แค่พูดไม่พอ ต้องรื้อโครงสร้างพลังงานเพื่อให้ความตั้งใจเกิดขึ้นจริง ต้องมีความกล้าที่จะทำ เหมือนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่ได้แยกท่อก๊าซออกจาก ปตท. เราต้องแยกระบบสายส่งออกจากการไฟฟ้า เพื่อให้ประชาชนสามารถซื้อขายไฟฟ้าผ่านระบบสายส่งของรัฐ

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้าว

 

พรรคชาติพัฒนา ประกาศความพร้อมที่จะทำเรื่องยาก เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้กับพี่น้องประชาชนคนไทย

 

ขยายพื้นที่ป่าเป็น 40% หรือ 26 ล้านไร่

ภาคเกษตรมีเป้าหมาย ขยายพื้นที่ป่า ของประเทศไปเป็น 40% หรือ 26 ล้านไร่ของประเทศ ที่ผ่านมามาตรการปลูกป่าล้มเหลว ตั้งงบปีละ 500 ล้านบาท อย่างมากปลูกได้แค่ 2 แสนไร่ กว่าจะครบ 26 ล้านไร่ ใช้เวลา 130 ปี ต้องมีนวัตกรรมทางนโยบาย เพื่อให้ประเทศไทยฟื้นฟูได้ ป่าไม้เศรษฐกิจจะกลับมาภายใน 5 ปี จะออกพันธบัตรป่าไม้มูลค่า 65,000 ล้านบาท สร้างรายได้ให้ประชาชน ทั้งการขายพืชเศรษฐกิจและคาร์บอนเครดิต

 

2.GreyEconomy เศรษฐกิจสีเทา หรือเปลี่ยนส่วยเป็นภาษี เราจะนำธุรกิจในที่มืดมาอยู่ที่สว่าง ธนาคารโลกระบุว่า ประเทศไทยมีเศรษฐกิจสีเทาแฝงอยู่ในระบบเศรษฐกิจมากเป็นอันดับต้นของโลก ส่งผลให้ขาดโอกาสในการเก็บภาษีเข้ารัฐ  ชาติพัฒนาจะเริ่มทำในพื้นที่ที่พร้อม สามารถออกใบอนุญาต เรื่อง กาสิโน ได้ 

 

ปัจจุบันสิงคโปร์มีรายได้ 2 แสนล้านบาท ต่อปี ซึ่งมั่นใจว่าประเทศไทยก็ทำได้ และจะสามารถแก้ปัญหาเงินสกปรกจากบ่อนใต้ดินที่มีอยู่ทั่วประเทศ ดึงนักท่องเที่ยวได้อีกด้วย รวมถึงเราสามารถนำล็อตเตอรี่มาอยู่ในระบบไม่ให้เงินเข้าไปอยู่ในโลกสีเทาอีกต่อไป

 

3.WhiteEconomy เศรษฐกิจสีขาว หรือเศรษฐกิจสายมู เราจะตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมให้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวสายมูที่เป็นเทรนด์ใหม่ในโลก จังหวัดละ 1 พันล้าน

 

4.RainbowEconomy เรนโบว์อีโคโนมี หรือ เศรษฐกิจสีรุ้ง จากความเท่าเทียมสู่โอกาสทางเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อสูงสุด 1 ล้านล้านบาททุกปี เริ่มด้วยการปรับกฎหมายให้สมรสได้และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการรองรับกำลังซื้อใหญ่จากทั่วโลก

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า

 

5.SilverEconomy เศรษฐกิจสีเงิน หรือเศรษฐกิจกลุ่มผู้สูงวัย ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ที่มีภาระด้านงบประมาณ ชาติพัฒนามองว่าเป็นโอกาสของผู้สูงอายุ ที่จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ โดยการจ้างผู้สูงอายุ 5 แสนราย ภายใน 10 ปี โดยเงินสนับสนุนผู้ประกอบการรายละ 5,000 บาท พร้อมสร้างบ้านผู้สูงอายุ ปรับปรุงบ้าน 5 หมื่นล้าน 1 ล้านครัวเรือน ลดสถิติคนสูงอายุล้มในบ้านปีละ 2 ล้านคน

 

6.YellowEconomy เศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ Soft Power เป็นโอกาสของคนไทย เพราะเราได้เปรียบทั้งด้าน ศิลปวัฒนธรรม อาหาร ประเพณี และแหล่งท่องเที่ยว รอเพียงแค่มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนและการสนับสนุนที่เป็นระบบจากภาครัฐสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ทุกแขนง Film Animation Music Event Wellness Food

ทีมพรรคชาติพัฒนากล้า

 

7.BlueEconomy ยุทธศาสตร์ของเศรษฐกิจสีน้ำเงิน หรือเศรษฐกิจสายเทค เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ เพราะกระแสความเปลี่ยนแปลงต่อโลก คือเรื่องนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ที่เป็นทั้งความความท้าทาย และโอกาส ดิจิทัลอีโคโนมี 1.75 ล้านล้านบาท ยังไม่มีการออกแบบที่ชัดเจน 

 

3 ยุทธศาสตร์สร้างโอกาสให้กับคนไทย ได้แก่ 

1. Transform โดยการเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม ที่ทำได้ก่อนคือการท่องเที่ยว สามารถจองห้อง จองโรงแรม และธุรกิจเกี่ยวเนื่องได้เอง โดยไม่ต้องแบ่งรายได้ให้กับเจ้าของแพลตฟอร์ม ทำให้เราสูญเสียโอกาสไปมาก

 

นอกจากนี้เทคจะมาช่วยแก้ปัญหาล็อตเตอรี่ 80 บาท ชพก.จะขยายเพิ่มเป็น 50 ล้านใบ เมื่อรัฐบาลขายเอง ผ่านแอปตัวเอง และไม่ต้องจ่ายค่าการตลาดให้กับยี่ปั๊ว ทำได้ เงินกลับเข้าสู่กระเป๋าประชาชนเกือบ 3 หมื่นล้านบาทต่อปี

 

“ทุกนโยบายเศรษฐกิจ ทุกการรื้อโครงสร้างเหล่านี้ จะทำให้คนไทยมีงานดี มีเงิน และของไม่แพง ชาติพัฒนากล้ามีนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่ได้มุ่งใช้เงิน แต่มียุทธศาสตร์หาเงินใหม่เข้าประเทศ รองรับการทำงานของรัฐบาลในอนาคตต่อไป”สุวัจน์ ระบุ

 

เศรษฐกิจเฉดสี สร้างรายได้ 5 ล้านล้าน

นโยบายชาติพัฒนากล้า มีแผนหารายได้จากเศรษฐกิจทันสมัย สร้างเงินใหม่เข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาท รายได้ใหม่นี้จะทำให้ประเทศไทยก้าวพ้นประเทศกับดักรายได้ปานกลาง หรือประเทศกำลังพัฒนา ไปสู่ “ประเทศพัฒนาแล้ว” ได้ ภายในระยะเวลา 4 ปี และตามสัดส่วนการจัดเก็บภาษี 17% จากรายได้รวมของประเทศ นโยบายเศรษฐกิจเฉดสีจะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มปีละ 850,000 ล้านบาท

 

ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเฉดสี (Spectrum Economy) คือ การมุ่งสู่อนาคตทางเศรษฐกิจใหม่ครั้งใหญ่ ด้วยการต่อยอดและรื้อโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิม เพื่อเปิดโอกาสในการมีงานดี ประชาชนมีเงิน รวมถึงการนำไปสู่ค่าครองชีพที่ถูกลง ของไม่แพงเพื่อคนไทยทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอีกด้วย

 

ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเฉดสี ประกอบด้วย

  • เศรษฐกิจสีรุ้ง RainbowEconomy เศรษฐกิจ LGBTQ+ 1 ล้านล้าน
  • เศรษฐกิจสีขาว WhiteEconomy เศรษฐกิจสายมู 5 แสนล้าน
  • เศรษฐกิจสีเทา GreyEconomy เปลี่ยนส่วยเป็นภาษี 1 ล้านล้าน
  • เศรษฐกิจสีเขียว GreenEconomy เศรษฐกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม 1 ล้านล้าน
  • เศรษฐกิจสีเงิน Silver(Age)Economy เศรษฐกิจกลุ่มสูงวัย 2.5 แสนล้าน
  • เศรษฐกิจสีเหลือง CreativeEconomy เศรษฐกิจสร้างสรรค์ 1 ล้านล้าน
  • เศรษฐกิจสีน้ำเงิน BlueEconomy เศรษฐกิจสายเทคและนวัตกรรม 2.5 แสนล้าน

 

ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเฉดสี จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ท้องถิ่น แรงงานทุภภาคส่วน โดยเฉพาะภาคบริการ ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นในระดับนานาชาติ และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อีกทั้งยังจะทำให้ประเทศไทยก้าวพ้นประเทศกับดักรายได้ปานกลาง หรือประเทศกำลังพัฒนา ไปสู่ประเทศพัฒนาแล้วได้ ภายในระยะเวลา 4 ปี

 

WhiteEconomy ‘เศรษฐกิจสายมู’ 

1 ใน 7 เฉดสี เพื่อหาเงิน 5 ล้านล้านเข้าประเทศ!

มูเตลู ความเชื่อและความศรัทธา เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มาช้านาน โดยเฉพาะคนไทยเรา หลอมรวมกลายเป็นประเพณี วัฒนธรรม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถต่อยอดให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

 

1 จังหวัด 1 พันล้าน สร้างแหล่งท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์

จังหวัดไหนไม่มีสถานที่ที่ดึงความน่าสนใจได้เพียงพอ ก็สร้างขึ้นใหม่ได้ จังหวัดไหนของดีอยู่แล้วก็พัฒนาต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานโดยรอบให้ดียิ่งขึ้น

 

ยกตัวอย่าง หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่อยุธยา ที่นายกอุ๊ วัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ผู้เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการสร้างขึ้นมา มีการวางแผนเป็นอย่างดี มีตลาดที่ชาวบ้านสามารถนำสินค้ามาค้าขายโดยรอบ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน สร้างรายได้ให้คนอยุธยา อย่างประเมินค่าไม่ได้

 

หรือแม้แต่พระพิฆเนศองค์ยืนที่จ.ฉะเชิงเทรา ที่เกิดขึ้นโดยมีนายกอุ๊เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง จนทำให้เกิดเส้นทางท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น

 

ส่งเสริมการท่องเที่ยวต้องมี 3 มิติควบคู่

  1.  เพิ่มนักท่องเที่ยว
  2.  เพิ่มเวลาที่นักท่องเที่ยวอยู่กับเรา
  3. เพิ่มเงินที่นักท่องเที่ยวใช้ตอนอยู่กับเรา

 

เพิ่มนักท่องเที่ยวต้องลงทุนในระบบสาธารณูปโภค ลงทุนในการอนุรักษ์ดูแลธรรมชาติ เพิ่มระยะเวลาอยู่กับเรา จาก 10 วันเป็น 12 วัน ต้องเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวให้หลากหลายและดึงดูด เพิ่มการใช้จ่ายจับจ่าย ต้องเพิ่มมูลค่าสินค้าเราให้มีราคามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นของฝาก อาหาร ที่พัก ฯลฯ

นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)ต้อนรับทีมพรรคชาติพัฒนากล้า เมื่อ 26 เม.ย.2566

 

พรรคชาติพัฒนากล้าเยือนเนชั่นกรุ๊ปฯ

 

ส่อง 'นโยบายชาติพัฒนากล้า'  รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ สู้ทุนผูกขาด

ส่อง 'นโยบายชาติพัฒนากล้า'  รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ สู้ทุนผูกขาด

ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2566 พรรคชาติพัฒนากล้า พบสื่อเครือเนชั่น นำโดย กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค, วรวุฒิ อุ่นใจ และ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค และผู้สมัคร สส.กทมทั้ง 33 เขต โดยมี ฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)และทีมผู้บริหารและสื่อเครือเนชั่นต้อนรับ

 

“ชาติพัฒนากล้า มีจุดยืนชัดเจน หลังการเลือกตั้ง2566 ใน 3 เรื่องใหญ่คือ 1.หนุนจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก 2.หนุนพรรคใหญ่หรือพรรคที่มีเสียงข้างมากต้องได้สิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาล 3. รื้อโครงสร้างผูกขาด ทั้งด้านพลังงาน ภาษี สินเชื่อ” กรณ์ ให้คำมั่น


14 พ.ค. 2566 เลือกคนที่ชอบ  เลือกพรรคที่ใช่ หากชอบพรรคชาติพัฒนากล้า กาเบอร์ 14

 

...กมลทิพย์  ใบเงิน...เรียบเรียง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ