ข่าว

'ไทยสร้างไทย' ชวนลงชื่อฟ้อง 'ค่าไฟแพง' เอื้อประโยชน์ให้เอกชน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'ไทยสร้างไทย' ชวนร่วมลงชื่อฟ้อง 'ค่าไฟแพง' ภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ชี้เอื้อประโยชน์ให้เอกชน ทำสัญญาสร้างโรงไฟฟ้าผลิตเกิน 60% ปชช.รับเคราะห์เสียส่วนเกิน 26,000 ล้านบาท/ปี 

เมื่อวันที่ 22 เม.ย. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เบอร์ 32 พร้อมด้วย น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี , นายรณกาจ ชินสำราญ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ , นายนรุตม์ชัย บุนนาค ผู้สมัคร ส.ส.บางคอแหลม-ยานนาวา ร่วมกันเชิญชวนประชาชนลงชื่อ (ลิงค์ด้านล่าง) "ฟ้องค่าไฟแพง" กับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำทุจริตหรือไม่ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้จริงให้เอกชน 0.7 บาท/หน่วย โดยที่เอกชนไม่ได้ผลิตไฟฟ้าแม้แต่หน่วยเดียว


หลังประชาชนต้องประสบปัญหาค่าไฟแพง เนื่องจากรัฐทำสัญญาให้เอกชนสร้างโรงไฟฟ้าเกินความจำเป็นถึงเกือบ 60% ทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟสูงเกินความเป็นจริง ทั้งที่เอกชนเจ้าของโรงไฟฟ้าไม่ต้องผลิตไฟแม้แต่ 1 MW. ซึ่งฟ้องครั้งนี้เป็นความผิด ฐาน "สร้างความเสียหายจากการดำเนินนโยบายที่ส่อไปในทางเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน"  มองว่า สัญญาระหว่างรัฐกับเอกชนเจ้าของโรงไฟฟ้า น่าจะส่อไปในทางเอื้อผลประโยชน์ให้เอกชน เพราะความต้องการใช้ไฟฟ้าจริงอยู่ที่ 33,000 เมกะวัตต์ แต่กลับอนุมัติให้สร้างโรงไฟฟ้าเพื่อผลิตไฟฟ้าสูงถึง 54,000 เมกะวัตต์ เกินความจำเป็นเกือบ 60% ทำให้คนไทยต้องจ่ายค่าไฟส่วนเกิน 26,000 ล้านบาท/ปี 

คุณหญิงสุดารัตน์ และ นายนรุตม์ชัย

ทั้งนี้หากพรรคไทยสร้างไทยได้เป็นรัฐบาล มีแนวทางปรับลดค่าไฟฟ้าให้เป็นธรรม ไม่เกิน 3.50 บาท/หน่วย ด้วย 3 ขั้นตอนดังนี้

1.  ปรับค่า FT ลดค่าพร้อมจ่าย (AP) 0.70 บาท/หน่วย และลดค่าประกันความร้อน (EP)  0.30 บาท/หน่วยทันที  จะสามารถลดค่าไฟฟ้า 1 บาท/หน่วย และจะเปลี่ยนนโยบายการจัดสรรแก๊ส LNG เพื่อให้มาใช้ผลิตไฟฟ้าให้ประชาชนก่อน เพื่อลดต้นทุนค่าไฟ 

2. เจรจากับเอกชนที่รับสัญญาโรงไฟฟ้าเก่าใกล้ปลดระวาง ให้ดำเนินการปลดระวางเร็วขึ้น โรงไฟฟ้าใหม่ ที่ยังไม่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ หรือ COD ให้ชะลอเวลา COD ออกไปก่อน ส่วนที่รับสัญญาไปแล้วแต่ยังไม่สร้างให้ชะลอการสร้างออกไป และที่สำคัญต้องหยุดการให้สัมปทานโรงไฟฟ้าใหม่กับเอกชนรายใหญ่

เพิ่มสัดส่วนการรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ 30-40% เช่น การรับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) เพราะราคาถูกเพียง 2.89 บาท/หน่วย สามารถใช้ได้ถึงกรุงเทพฯ โดยมีเงื่อนไขต้องไม่ใช่ไฟฟ้าที่มาจากเขื่อนกั้นแม่น้ำโขง

3. สนับสนุนให้เกิดโรงไฟฟ้าชุมชนอย่างจริงจัง เป็นพลังงานสะอาด เช่น แสงแดด ลม,ขยะ อย่างเต็มที่ บริหารจัดการอย่างโปร่งใส รวมถึงสนับสนุนการติดแผงโซลาร์เซลล์ ให้บ้านประชาชน โดยรัฐอุดหนุน ทำให้ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าฟรีบางส่วน ลดค่าใช้จ่าย  เพราะทุกวันนี้เป็นการจัดสรรทรัพยากรแบบคอร์รับชั่นเชิงนโยบายแบบบูรณาการณ์ ให้นายทุนทั้งสิ้น บนความทุกข์ยากและยากจนของประชาชน 

น.ต.ศิธา ทิวารี

สำหรับการฟ้องจะดำเนินการกับหน่วยงานภาครัฐ ใน 3ส่วน คือ 
1. สร้างความเสียหายจากการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด ด้วยการให้เอกชนทำสัญญาสัมปทาน ผลิตไฟฟ้ามากเกินความจำเป็นเป็นจำนวนมาก เป็นเหตุให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงกว่าที่ควรเป็น
2. การจัดสรรก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยซึ่งมีต้นทุนถูก ไปให้กับเอกชนไปใช้ในการผลิตสินค้าอื่น ส่งผลให้ต้องนำเข้า LNG จากต่างประเทศทดแทน ทำให้ต้นทุนการผลิตแพงกว่าถึง 5เท่า อันเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าไฟแพง ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 43 และมาตรา 57 
3. ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครอง ในส่วนข้อตกลงกับเอกชน ในการสร้างโรงไฟฟ้าที่ยังไม่จำเป็น (ดีมานด์ทิพย์) ให้พักการดำเนินการไว้ก่อน จนกว่าประเทศจะมีความต้องการจริง ในการใช้พลังงานเพิ่มเติม 

ลงชื่อ "ฟ้องค่าไฟแพง" ได้ที่ https://forms.gle/gWm2AoZbZP1Dwtj59

ไทยสร้างไทย เชิญลงชื่อฟ้องค่าไฟแพง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ