ข่าว

'ปชป.' ชี้ 'แจกเงินดิจิทัล' กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เสี่ยงเกิดเงินเฟ้อ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'เกียรติ' จี้ 'เพื่อไทย-กกต.' แจงนโยบาย'แจกเงินดิจิทัล' ให้ชัดเจน ชี้กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เสี่ยงเกิดเงินเฟ้อ ทวีคูณความเหลื่อมล้ำ แม้ระดับหัวหน้าพรรค แคนดิเดตนายกฯ เจ้าสัว ได้หมด

เมื่อวันที่ 19 เม.ย. นายเกียรติ สิทธีอมร อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย และประธานคณะกรรมการต่างประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กระแสโจมตีนโยบาย "แจกเงินดิจิทัล" 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทย ว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน เป็นหน้าที่ของอีกฝ่ายที่ต้องชี้แจงให้เกิดความชัดเจน ตนไม่มีหน้าที่ไปชี้แนะ แต่กังวลว่า จะสร้างความเหลื่อมล้ำ เงินไม่รู้เอามาจากไหน ทำให้เงินเฟ้อ ข้อมูลส่วนบุคคลคนเป็นอย่างไร ทำไมต้องเป็นเงินสกุลดิจิทัล มีวิธีที่ไม่ต้องวุ่นวายได้เป้าหมายเดียวกัน แต่ทำไมไม่ทำ ต้องตอบให้ได้ว่า วิธีนี้ดีกว่าอย่างไร 

โดยก่อนหน้านี้ทางฝ่ายนั้นได้ส่งคำอธิบายให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อย่างไร ยังไม่เห็น ได้ยินเฉพาะที่เขาพูด กกต.ต้องออกมาชี้แจงว่า อนุมัติหรือไม่ ตนเป็นคนตั้งคำถาม คนทำเเป็นคนให้คำตอบ ประชาชนเป็นคนตัดสินใจและเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่

นายเกียรติ กล่าวต่อว่า ตนไม่มีปัญหา หากใครจะทำนโยบายไม่เป็นความเสี่ยงกับประเทศและเป็นธรรม แต่นโยบายดังกล่าว เกิดคำถามว่า มีด้วยหรือ นโยบายที่เอาเงินจ่ายให้ตัวเอง หัวหน้าพรรค แคนดิเดตนายกฯ เจ้าสัวทุกคนก็ได้หมด ถือว่าเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ทำไมคนที่มีอันจะกินยังได้เงิน นักวิชาการทุกคนออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นการนำเงิน 5 แสนล้านบาทมาใช้ กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ต้องมีคำอธิบายที่ดีกว่านี้

 

ส่วนที่กระแสตอบรับจากประชาชน โดยเฉพาะระดับรากหญ้าชื่นชอบนโบายแจกเงินดิจิทัลมาก นายเกียรติ ตอบกลับว่า เมื่อถามในระดับคนชั้นกลางไม่เห็นเช่นนั้น ส่วนระดับรากหญ้ามองว่า ควรที่จะได้รับ หากไม่มีเงินในบัญชีหรือมีเงินในบัญชีไม่ถึง 10,000 บาท สามารถให้ได้เลย และตรงตามเป้า ลดการเหลื่อมล้ำทันที รวมถึงใช้งบประมาณน้อยกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจได้ผลเหมือนกัน ซึ่งก็มีคำถามอีกว่า ผู้ที่มีรายได้เยอะและได้เงินจำนวนนี้ต้องเสียเสียภาษีก้อนนี้หรือไม่

นายเกียรติ ระบุว่า นโยบาย แจกเงินดิจิทัล เป็นนโยบายที่ไม่เหมือนพรรคอื่น หากดูเชิงลึกนโยบายของหลายพรรค เห็นชัดเจนว่าให้คนที่ควรจะต้องดูแล แต่นโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายเดียวที่กระจายทั่วกันหมด โดยมีเพียง 10-15 ล้านคนที่ต้องการความช่วยเหลือ

ส่วนงบประมาณทำนโยบายของแต่ละพรรคการเมือง เหลือเพียง 2 แสนล้านบาท เท่านั้น นายเกียรติ กล่าวว่า ตนและนักวิชาการเห็นตรงกันหมดว่า เงินที่อย่างเก่งที่สุด 2 แสนล้านบาทนี้ ต้องมีการนำไปใช้กับอย่างอื่นแล้วด้วย แต่ในนโบายนี้ต้องใช้ถึง 5 แสนล้านบาท หากฝ่ายนั้นได้คะแนนเสียงมาก ก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะเป็นคนทำนโยบาย 

เมื่อถามว่าจะทันหรือไม่เพราะขณะนี้กกต.ศึกษาดูงานที่ต่างประเทศจะกลับมาวันที่ 24 เมษายนนี้ นายเกียรติกล่าวว่า เป็นความรับผิดชอบของกกต.

นายเกียรติ สิทธีอมร

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ