ทำความเข้าใจ 'บัตรเลือกตั้ง' 2 ใบต่างกันอย่างไร เช็คเลย!!

นับถอยหลังใกล้สิ้นสุดการรอคอยของคนไทยทั้งในและต่างประเทศ จะได้หย่อน ‘บัตรเลือกตั้ง’ เลือกคนที่ชอบ พรรคที่ใช่ ในวันที่ 14 พ.ค. 2566 แต่ตัวอย่าง ‘บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ’ ที่สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง หรือ กกต. ประกาศออกมานั้น ทำเอาคนไทยค่อนประเทศ มึนงงได้เหมือนกัน

‘บัตรเลือกตั้ง’ 2 ใบต่างกันอย่างไร

บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แตกต่างจาก ‘บัตรเลือกตั้ง’ เมื่อปี2562 โดยสิ้นเชิง กล่าวคือ บัตรเลือกตั้ง2566 แยกเป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ดังนี้ 

1. บัตรเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขต (สีม่วง) มีหมายเลขผู้สมัคร และ ช่องสำหรับกากบาท แต่ไม่มีชื่อผู้สมัคร ไม่มีภาพผู้สมัคร สส. และไม่มีโลโก้พรรคการเมือง 

2. บัตรเลือกตั้ง สส.บัญชีรายชื่อ หรือสส.ปาร์ตี้ลิสต์ (สีเขียว) มีสัญลักษณ์ หรือโลโก้พรรคการเมือง หรือเครื่องหมายของพรรคการเมือง และ มีชื่อพรรคการเมือง อีกทั้งมีเบอร์หรือหมายเลขพรรคการเมืองในบัตรเลือกตั้งด้วย แต่ไม่ภาพใดๆ

   (ดูตัวอย่างประกอบ)

เลือกตั้ง2566 ต้องเลือกยังไง?

จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง2566 ทั่วประเทศ 77 จังหวัด มีจำนวน 52,287,045 คน 52,287,045 ล้านเสียง แยกเป็นเพศชาย 25,136,051 คน เพศหญิง 27,150,994 คน

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งแต่ละคน เมื่อมาใช้สิทธิที่คูหาเลือกตั้ง จะได้ ‘บัตรเลือกตั้ง’ 2 ใบ ต่อผู้ใช้สิทธิหนึ่งคน เพื่อใช้สิทธิเลือกตั้ง ‘สส.แบบแบ่งเขต’ ใช้บัตรเลือกตั้งสีม่วง และใช้สิทธิเลือก ‘สส.บัญชีรายชื่อ’ ใช้บัตรเลือกตั้งสีเขียว

ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง2566 ก่อนมาลงคะแนนเลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ ควรตรวจสอบการใช้สิทธิเลือกตั้งให้เรียบร้อย ที่สำคัญต้องจำให้ขึ้นใจว่าในเขตเลือกตั้งที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงนั้น ผู้สมัครที่ชื่นชอบหมายเลข หรือเบอร์อะไร และพรรคการเมืองที่ใช่หมายเลขอะไร เมื่อจำได้ขึ้นใจแล้ว ก็กากบาทเลือกตั้งได้ทันที แต่ห้ามบันทึกใส่มือหรือกระดาษติดตัวเข้าคูหาเลือกตั้งเด็ดขาด เพราะผิดกกหมายเลือกตั้ง 

เลือกตั้ง2566 พร้อมกันทั่วประเทศ 77 จังหวัด ในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. 2566 ตั้งแต่ 8.00-17.00 น.

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Add Friends (เพิ่มเพื่อน) เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2566 ได้ที่ LINE Official Account : ECT Thailand https://lin.ee/jETxaeu

https://www.tiktok.com/@atirutkit/video/7222084904706673925?_t=8bVOBu27S7u&_r=1

หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1444

ที่มา: สำนักงานกกต.