ประชาธิปัตย์ อวดนโยบายเศรษฐกิจ ดีกว่า เพื่อไทย
ไม่จริงก็ชี้แจงมา ธนาคารหมู่บ้าน ธนาคารชุมชน ของพรรค ประชาธิปัตย์ ดีและยั่งยืนกว่า กระเป๋าเงินดิจิตอลของพรรค เพื่อไทย
นโยบายแจกเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท ของพรรคเพื่อไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั้งแง่บวกแง่ลบอย่างกว้างขวาง จากหลายพรรคการเมืองเช่นเดียวกับ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เชื่อมั่นว่า
นโยบายธนาคารหมู่บ้าน ธนาคารชุมชนของพรรคประชาธิปัตย์ดีกว่า ยั่งยืนกว่านโยบายเงินดิจิตอล1หมื่นของพรรคเพื่อไทย
เงินดิจิตอล VS ธนาคารหมู่บ้าน-ชุมชนความต่างของนโยบายพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์
กรณีมีการวิจารณ์กันมากเรื่องนโยบายแจกเงินดิจิตอล1 หมื่นบาท ของพรรคเพื่อไทย ขอสงวนความเห็นไม่กล่าวถึงประเด็นทำได้หรือไม่ ขัดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ แต่จะเสนอนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ให้เห็นเป็นการเปรียบเทียบ
นโยบายธนาคารหมู่บ้านธนาคารชุมชนทุกหมู่บ้านทุกชุมชนใน77 จังหวัดเป็นการจัดตั้งระบบธนาคารท้องถิ่นเพื่อให้บริการเงินฝากและสินเชื่อรวมทั้งบริการอื่นๆใช้เทคโนโลยีธนาคารดิจิตอล (Fintech) ปัญญาประดิษฐ์(AI)และบล็อคเชน(Blockchain) แบคอัพการบริหาร
โดยใช้เงิน 2 แสนล้าน เป็นทุนประเดิมเริ่มต้นเป็นเงินหมุนเวียน ไม่ใช่จ่ายครั้งเดียวจบแบบเงินดิจิตอล1หมื่นของพรรคเพื่อไทย
สรุปคือ ธนาคารหมู่บ้านและธนาคารชุมชนจะต้อง
- เป็นการปฏิรูประบบธนาคารใหญ่ที่สุดโดยให้มีระบบธนาคารหมู่บ้านธนาคารชุมชนเป็นครั้งแรกในรอบกว่า100ปีที่มีแต่ระบบธนาคารพาณิชย์ระดับชาติ
- เป็นสถาบันการเงินเพื่อสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ชุมชนและครัวเรือนเพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงสินเขื่อและทุนของชาวบ้านทั้งในชนบทและในเมือง
- ส่งเสริมระบบสินเชื่อเงินฝากและเงินออมโดยชุมชนของชุมชนเพื่อชุมชน
- เป็นเงินหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจแบบยั่งยืนสร้างโอกาสทางการค้าธุรกิจการลงทุนสร้างอาชีพสร้างรายได้และเป็นการแก้ปัญหาหนี้สินความยากจนและแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ
- กรณีต้องใช้สินเชื่อเพื่อการลงทุนจำนวนมากหลักล้านสามารถใช้บริการของกองทุนStartup SME 3 แสนล้าน
นโยบายธนาคารหมู่บ้านและธนาคารชุมชน 2 ล้านบาทตอบโจทย์ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเข้าถึงสินเชื่อของชาวบ้านและพ่อค้าแม่ขายรวมทั้งส่งเสริมการออมระดับครัวเรือนชุมชนหมู่บ้านอย่างยั่งยืนบนหลักการของวินัยการเงินการคลังท้องถิ่น
เชื่อว่าจะสร้างความยั่งยืนในระบบการเงินภาคประชาชนและรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศโดยกระทบหนี้สาธารณะน้อยที่สุดดีกว่านโยบายเงินดิจิตอลของพรรคเพื่อไทย หรือคุณเศรษฐา ทวีสินจะโต้แย้งชี้แจงก็ยินดีรับฟังแลกเปลี่ยนมุมมองกันตามวิถีทางประชาธิปไตย
ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ชี้แจง10 ประเด็น กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ดังนี้
- กระเป๋าเงินดิจิทัลไม่ใช่คริปโตเคอเรนซี่ ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ แต่เป็นเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิ์การใช้เงิน ที่ใช้ Blockchain เขียนเงื่อนไขลงไปในนั้น เพื่อนโยบายการคลังที่ตรงจุด สามารถเอามาแลกเป็นเงินบาทได้ทุกเมื่อ
- เหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิ์การใช้เงิน ที่ใช้ในกระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่มีความเสี่ยง ไม่มีการเก็งกำไร ไม่มีการถูกทุบ ไม่มีการขาดทุน ไม่มีการสร้างมูลค่า ไม่สามารถแลกเปลี่ยนด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นได้ ไม่มีราคาตก-ราคาขึ้น เพราะทุกเหรียญมีค่าเท่าเงินบาทเสมอ รับประกันโดยรัฐบาล
- กระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่มีผลกระทบใดๆทั้งสิ้นต่อความมั่นคงของระบบการเงิน ไม่เกี่ยวกับทุนสำรองระหว่างประเทศ เพราะไม่ใช่การสร้างสกุลเงินใหม่
- กระเป๋าเงินดิจิทัล เงิน 10,000 บาท ลงถึงมือประชาชนทุกคน (16 ปี ขึ้นไป) ทุกบาททุกสตางค์ ใช้จ่ายจริง ซื้อของได้จริง ไม่มีการสูญหายของงบประมาณ ตรวจสอบได้ทุกธุรกรรมตลอดเส้นทาง
- กระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่ใช่กรณีเดียวกับ Bitcoin Luna USDT ตามมีผู้กล่าวอ้าง เหล่านั้นออกโดยเอกชนและมุ่งหมายเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน กระเป๋าเงินดิจิทัลคือเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิ์การใช้เงิน ที่ใช้ Blockchain เขียนเงื่อนไขลงไป ออกโดยรัฐบาล ไม่ใช่สกุลเงินคู่ขนานกับเงินบาท
- กระเป๋าเงินดิจิทัลไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชนตามที่มีผู้กล่าวอ้าง ไม่เกี่ยวกับการซื้อบริษัท ไม่เกี่ยวกับการฟอกเงิน ไม่เกี่ยวกับการลงทุน เป็นข้อกล่าวอ้างที่ไม่ได้อยู่บนฐานของข้อเท็จจริง ทั้งหมดใช้งบประมาณจากภาครัฐและโอนตรงถือมือประชาชนทุกคน (16 ปีขึ้นไป) ง่ายๆและตรงไปตรงมา
- กระเป๋าเงินดิจิทัลกระตุ้นเศรษฐกิจระดับหมู่บ้าน ระดับชุมชน ในตลาด สร้างธุรกรรมระหว่างรายย่อย ตรงข้ามกับวิธีเดิมที่ต้องซื้อในร้านใหญ่หรือกลุ่มทุน
- กระเป๋าเงินดิจิทัล ใช้ระบบ Blockchain มีความปลอดภัยสูงสุด สูงกว่าระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน รู้เส้นทางการเงินทุกธุรกรรม รู้ผู้รับ รู้ผู้จ่าย เป็นระบบที่มีความโปร่งสูงสุด ตรวจสอบได้ทุกธุรกรรม
- กระเป๋าเงินดิจิทัลไม่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อ ปัจจุบันระดับกำลังซื้อของประเทศตกต่ำ เศรษฐกิจตกต่ำกว่าศักยภาพมาก สภาวะดังกล่าวไม่นำสู่เงินเฟ้อที่เกิดจากอุปสงค์ได้ รวมทั้งกระเป๋าเงินดิจิทัล สามารถจัดสรรเงินจากงบประมาณ ไม่มีการขึ้นอัตราภาษีใดๆ
- พรรคเพื่อไทยสนับสนุน Central Bank Digital Currency (CBDC) และเดินหน้าพัฒนาร่วมกันธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นแพลตฟอร์มเปิดสำหรับทุกคน เพื่อยกระดับระบบการเงินของประเทศเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล