ข่าว

ไพศาล ประเมิน เพื่อไทย ลุ้นตั้งรัฐบาลยาก หากไม่จับมือ ลุงป้อม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผุ้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี ประเมินสถานการณ์หลังเลือกตั้ง แลนด์สไลด์ 310 เสียงยาก เชื่อต้องจับมือพลังประชารัฐ ชี้ ก้าวไกล ยกโหวตให้เพื่อไทย

รายการ คมชัดลึก เนชั่นทีวี พูดคุยกับ นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผุ้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี ในประเด็น อดีต กุนซือ “บิ๊กป้อม” เปิดดีลลับ ตั้งรัฐบาล เริ่มต้นรายการเปิดด้วยคำถามว่า ทิศทางการตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร

ไพศาล ประเมิน เพื่อไทย ลุ้นตั้งรัฐบาลยาก หากไม่จับมือ ลุงป้อม

นายไพศาล ตอบว่า คำพูดนักการเมืองในช่วงเวลานี้ เชื่อถืออะไรไม่ได้ ใครจะร่วมกับใครจับมือกับใคร เชื่อถือไม่ได้ แต่ความเป็นไปได้ในการจะจัดตั้งรัฐบาล การเมืองเป็น 2 ขั้วชัดเจน ขั้วที่เป็นฝ่ายค้านเดิม พรรคเพื่อไทยเป็นกระแสที่ฮือฮามากว่าจะเป็นแลนด์สไลด์ ปัญหามีเพียงว่าจะแลนด์สไลด์ถึง250 เสียงหรือจะไปถึง 310 เสียง ซึ่งความหมายมันต่างกัน

ไพศาล ประเมิน เพื่อไทย ลุ้นตั้งรัฐบาลยาก หากไม่จับมือ ลุงป้อม

 

กับขั้วที่2 พวกที่มีอำนาจเดิม คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วันนี้เราก็เห็นอาการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ไม่ยอมเป็นหัวหน้าพรรค และไม่ยอมลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งแบ่งเขต หรือปาร์ตี้ลิสต์ เอาเรื่องเดียวคือเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ฝั่งนี้จะเรียกว่าขั้วเก่าก็ได้ ไม่ใช่ขั้วเก่าในปี 2562 อีกแล้ว แต่เป็นขั้วใหม่ในปี 2566 พลังประชารัฐได้สถาปนาตัวเองขึ้นหลังประกาศเอกราช แม้ในช่วงเวลาที่ผ่านมายังมีการสร้างภาพว่า 3 ป.ยังเป็นพวกเดียวกัน ถัดมาก็มาเปลี่ยนว่าใครมีเสียงมากคนนั้นเป็นนายกฯ 

ตอนนี้ พล.อ.ประวิตรประกาศชัดเจน 2-3 เรื่อง อย่างแรก แตกต่างกับพล.อ.ประยุทธ์ คือต้องการให้มีความสมานฉันท์ ก้าวข้ามความขัดแย้ง เป็นทิศทางการเมืองใหม่ ที่ทำให้การแยกตัวเห็นชัดเจน ต่อมาเรื่องประกาศความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 คำนี้ไม่มีใครได้ยินจากปากพล.อ.ประวิตร ส่วนมากจะเป็นคำว่า ไม่รู้ แต่ในความเป็นจริงรู้ทุกเรื่อง และความพร้อมในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล คนที่พูดแต่ไม่รู้ แต่มาประกาศความพร้อมต้องคิดบวกเพิ่มขึ้นไปด้วย การเมืองเวลานี้มีความชัดเจน ในการพร้อมจัดตั้งรัฐบาล เพื่อไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ 


ในเรื่องของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หนึ่งใน3 ป. ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าขณะนี้อยู่ฝ่ายไหน นายไพศาล บอกว่า พล.อ.อนุพงษ์มีความใกล้ชิดกับพล.อ.ประยุทธ์มากกว่า และเป็นกุนซือตัวจริง เป็นผุ้มีบทบาทหลักในรัฐบาลประยุทธ์ พล.อ.อนุพงษ์ดูมหาดไทยมาตลอด เดิมมหาดไทยดูแลการเลือกตั้ง ก่อนสำนักงานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกกต.ไม่มีคนจัด ก็ต้องอาศัยมหาดไทยสนับสนุน และตำแหน่งของพล.อ.อนุพงษ์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนตัวคิดว่าพล.อ.อนุพงษ์ไม่วางมือตามที่เป็นข่าว ใครจะตั้งรัฐบาลได้จะต้องประกอบด้วยเงื่อนไข 2 ข้อ อย่างแรก จะต้องมีเสียงหรือรวบรวมเสียงข้างมากในสภา ต้องมีอย่างน้อย 253 คน ความจริงก็ประมาณ 251 เสียง แต่ต้องมีคนไปทำหน้าที่ประธาน รองประธาน 3 คน โดยมารยาทลงเสียงไม่ได้ ถ้าไม่มีตัวนี้จะบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้ นอกจากแอบไปซื้อกล้วย ต่อมา ต้องได้รับเสียงจาก 2 สภา จำนวน 376 เสียง พอหลังเลือกตั้งก็ต้องเลือกประธานสภา ตามหลักพรรคเสียงข้างมากก็เป็นประธานสภาไป จากนั้นก็เป็นการประชุมสภา เลือกนายกฯ ตรงนี้จึงต้องการเสียง 376 เสียง ในการรวบรวมเสียง เช่น เพื่อไทยรวมได้ ถึง 310 เสียง เหลืออีกไม่มาก 

แม้ก้าวไกลจะมีท่าทีไม่ร่วมรัฐบาล แต่จากการตรวจสอบเชื่อว่า ก้าวไกลจะโหวตให้เพื่อไทยเป็นนายกฯ แต่จะไม่ร่วมรัฐบาล ซึ่งจะทำให้ได้การเมืองมาก แม้จะไม่มีสิทธิมีส่วนในการร่วมรัฐบาล แต่เคารพในฉันทามติของประชาชน เคารพระบอบประชาธิปไตย และเพื่อเป็นการสั่งสอน สว.บางคน ที่ออกมาพูดว่า ต่อให้เพื่อไทยได้เสียงข้างมาก แต่จะตั้งรัฐบาลไม่ได้ แม้ตนจะเอื้อเฟื้อกับทางรัฐบาล แต่ได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกไม่ดี เหมือนเหยียบย่ำหัวใจประชาชน 


และอย่ามองข้ามภูมิใจไทย หลังจากแกนนำสำคัญถูกพักหน้าที่ในการทำงานกระทรวงคมนาคม ก็มีการประสานเข้าไปกินข้าวที่บ้านป่ารอยต่อ และมีการจับมือพร้อมเป็นขั้วจับตั้งรัฐบาล มีแรงหนุนทั้งบ้านใหญ่บุรีรัมย์ และ บ้านใหญ่กรุงเทพ ในการจัดตั้งรัฐบาล ถ้าเสียงเพื่อไทยไม่ถึง 310 เสียง การจัดตั้งจะอยู่ที่พล.อ.ประวิตร รวมกับภูมิใจไทย ประเมินตัวเลข 120 เสียง ส่วนตัวเชื่อว่า เพื่อไทย ปากแข็งไปอย่งานั้น เพราะต้องรู้ดีในสถานการณ์ มีสิ่งที่แข็งตัวอยู่หลายอย่าง ถ้ามาเป็นรัฐบาลถามว่า ความขัดแย้งจะสิ้นสุดไหม ทันทีที่เพื่อไทยเป็นรัฐบาลก็จะเกิดขบวนการต่อต้านขึ้นมา ดังนั้นก็ต้องทำให้ไฟที่ร้อนแรงลดลงชั่วคราว จึงต้องเป็นพล.อ.ประวิตร 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ