'บิ๊กตู่' แจงปมไม่ลง สส.ปาร์ตี้ลิสต์ หวังส่งไม้ต่อ 'พีระพันธุ์'

เมื่อวันที่​ 3 เม.ย.66​ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยถึงกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์ สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ ตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต้องลง สส. บัญชีรายชื่อถึงจะสง่างาม ว่า ใครจะว่าอะไรก็ว่าไป ตนมองในเรื่องของการให้โอกาสคนอื่นเขาขึ้นมาเป็นบ้าง จึงให้นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็น สส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1 พร้อมยอมรับ เนื่องจากมีผลกับการอยู่ 2 ปีในฐานะนายกรัฐมนตรี หลายคนถามว่าตนอยู่ 2 ปีแล้วจะเป็นยังไง ก็นั่นไงคือคำตอบ ซึ่งเป็นตัวเลือกในการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป ถ้าตนได้อยู่ 2 ปี ก็จะมีคนสานต่อตรงนี้ ทุกอย่างมันคือยุทธศาสตร์ยุทธศาสตร์คือโทษระยะยาวไป 

เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแน่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มั่นใจตรงไหน ตนพูดว่าแค่ได้เป็น เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้เช่นนั้น ต้องเข้าใจว่าตนมีภาระหลายอย่างและมีบทเรียนมา แล้วเรื่องที่หลายคนพูดว่า เป็นคนทำให้สภาล่ม คนเราเป็นผู้ใหญ่แล้วพูดจาให้ระมัดระวังบ้างหลายคนมาโทษนายกในเมื่อวันนั้นตนก็ไม่ใช่ส.สหรือสมาชิกพรรคการเมือง ถูกเลือกโดยมีพรรคการเมืองสนับสนุน แล้วตนบังคับ สส. ได้ไหม ถ้าบังคับได้ตนก็อยู่พลังประชารัฐแล้ว 

ส่วนภาพที่นั่งติดกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า ก็พูดคุยกันไป สนุกสนานกันไป 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้มาในฐานะคู่แข่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่เห็นแข่งอะไรกับใครเลย เมื่อกี้นั่งคุยกัน ก็แหย่กันไปแหย่กันมา ท่านก็ทำของท่าน​ ตนก็ทำของตน แต่ให้รู้ว่าวันนี้เราอยู่คนละพรรคแล้ว ส่วนจะคิดว่าจะรวมกันวันหน้าหรือไม่ เคยแจ้งแล้วว่าตนแยกมา แยกก็คือแยก ไม่อย่างนั้นตนจะมานั่งสัมภาษณ์ตรงนี้ทำไม ก็ให้พล.อ.ประวิตรสัมภาษณ์ พรรคตนก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงลงการเมืองเต็มตัวครั้งแรก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้มาครั้งแรกก็เรียบร้อยดี ไม่มีใครทะเลาะกัน ไม่มีใครใช้ความรุนแรงต่อกัน แถมอยู่คนละพรรคก็มาทักทายกัน สวัสดีกัน ทุกคนก็คือคนไทยด้วยกัน บางคนก็คุ้นเคยกัน ก่อนหน้านี้ตนก็รู้จักกับแกนนำพรรคหลายคน คุ้นเคยกัน แต่หลายอย่างเปลี่ยนไป เพราะอยู่กันคนละพรรคแต่ความผูกพันส่วนตัวไม่มีปัญหา ความเป็นเพื่อน ความคุ้นเคย การทำงานร่วมกัน 

การที่เขาจะเลือกพรรคไหนก็เป็นเรื่องของเขา ขอว่าให้ทุกคนช่วยกันทำเพื่อบ้านเมือง ถ้าหวังเพียงหาเสียง สมมติว่า ได้จากนโยบายที่หาเสียง แล้วทำไม่ได้จะตอบประชาชนว่าอย่างไร บางอย่างที่ตนกลัวว่ามันอันตรายพอสมควร เช่น การใช้จ่ายงบประมาณ ถ้าทำตรงนี้ต้องบอกว่ารายได้จะเอามาจากไหน บางนโยบายล่อไป 9 แสนล้านบาท จะเอามาจากไหนนี่คือสิ่งที่อันตรายและต้องชั่งน้ำหนักให้ดี ต้องดูว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจเป็นอย่างไร