ข่าว

นักวิชาการ ประเมิน วันเลือกตั้ง ลงตัว 14 พ.ค.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ประเมินสถานการณ์ 2 นักวิชาการเชื่อ ลงตัววันเลือกตั้ง วันที่ 14 พ.ค. 'ยุทธพร' ชี้ ต้องไต่สวนฉุกเฉินปมแบ่งเขตเลือกตั้งกทม. หวั่นส่งผลกระทบหากลงคะแนนไม่พร้อมกัน 'สุขุม' มอง 'ประยุทธ์' ตัวเลือกเดียวของฝ่ายอนุรักษ์นิยม

การยุบสภา ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว นับจากนี้การเลือกตั้งจะคึกคักและร้อนแรงไปอีกขั้น รายการ คมชัดลึก เนชั่นทีวีพูดคุยกันในประเด็นดังกล่าว หัวข้อ 20 มีนา ยุบสภา!!! หา “นายกฯ” คนต่อไป

รายการคมชัดลึก พูดคุยประเด็น 20 มีนา ยุบสภา!!! หา “นายกฯ” คนต่อไป


รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวถึงเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งว่า เท่าที่มีประสบการณ์การเลือกตังในวันหยุดยาวไม่ค่อยเจอ จึงประเมินว่า การเลือกตั้งจะกำหนดในวันที่ 14 พ.ค. ส่วนในเรื่องการประเมินใครเสียเปรียบได้เปรียบ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่การเลือกกำหนดวันเลือกตั้งช่วงวันหยุดยาวหรือวันหยุดสั้น มีผลต่อคนไปลงคะแนนมากกว่า 

รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ด้าน รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มองไปในทิศทางวันที่ 14 พ.ค. เช่นกัน และได้กล่าวอีกว่า จากการคาดการณ์ว่า จะมีการยุบสภาก่อนหน้านี้คือ 15 มี.ค. เพราะต้องรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในเรื่องตีความนับจำนวนประชากรคนไทย รวมทั้งการรับฟังความเห็นการแบ่งเขตเลือกตั้ง ทุกอย่างต้องขยับไปพร้อมกันทั้งหมด และไม่ติดในเรื่องของประเด็นวันหยุด ส่วนเรื่องที่น่ากังวลขณะนี้ คือ การร้องศาลปกครอง ในเรื่องของการแบ่งเขตเลือกตั้งของ กทม.

รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

เพราะ กทม.มีพื้นที่การปกของ 50 เขต แต่เขตเลือกตั้งมีเพียง 33 เขต ส่วนประเด็นวันเรื่องตั้งที่จะส่งผลกับการได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่มีผลอะไรมากนัก ยิ่งการยืดเวลาออกไปเป็นสิ่งที่พรรคการเมืองมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเท่ากับยืดเวลาหาเสียงออกไป ส่วนการใช้เวลาในการหาเสียงไม่ได้จะหาเสียงในกรอบเวลาที่กำหนด แต่การหาเสียงเริ่มต้นมาก่อนหน้านี้แล้ว บางว่าที่ผู้สมัคร สส.แบ่งเขต  หาเสียงล่วงหน้าเป็นสองปี สามปี ส่วน สส.บัญชีรายชื่อไม่มีปัญหา ด้วยการรับรู้ข่าวสารในปัจจุบันมีความรวดเร็ว

ในเรื่องการร้องศาลปกครอง มีการกังวลในเรื่องการเลือกตั้งที่หากเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน รศ.ดร.ยุทธพร บอกว่า จะมีปัญหา เพราะเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ไม่ได้เป็นการเลือกตั้งซ่อม ต้องเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ ถ้าศาลปกครองเพิกถอนในเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง จะส่งผลกระทบ กกต.ก็ต้องไปขยับไทม์ไลน์การเลือกตั้งทั้งหมด ซึ่งสามารถขยับได้เล็กน้อยเท่านั้น เพราะฉะนั้นกระบวนการไต่สวนฉุกเฉินเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคดีนี้ เพราะถ้ากำหนดวันเลือกตั้ง รับสมัครไปแล้ว ถึงจะมีคำวินิจฉัยเป็นเรื่องใหญ่เลย ดังนั้นควรทำให้ชัดเจนก่อน


ส่วน รศ.สุขุม มองเป็นเรื่องไม่น่าหนักใจ ถ้ากกต.แบ่งเขตผิด ถือว่าผิดกฎหมาย ถ้าศาลปกครองชี้ว่าผิด กกต.ต้องรับผิดชอบ ในเรื่องการแบ่งเขตพื้นที่ใหม่ เป็นการแบ่งตามสัดส่วนจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ต้องผ่านการคิดรอบคอบมาแล้ว ถ้าทำผิดพลาดในเรื่องนี้ ก็จะมีปัญหาถูกฟ้องร้อง ขณะนี้ที่ อ.ยุทธพร มองว่า การแบ่งเขตในต่างจังหวัดทำง่ายกว่า เพราะสามารถที่จะปักหมุดพื้นที่ได้ แต่ละอำเภอจะสมดุลกับเขตเลือกตั้งหรือไม่ แต่ในกทม.ความหนาแน่นประชากรไม่เหมือนต่างจังหวัด เขตการปกครองกับเขตการเลือกตั้งก็ไม่เท่ากัน ปัญหาคือ กกต.ไปแบ่งเขตเป็นชิ้นเล็กๆ เหมือนการตัดแบ่งขนมเค้กแล้วนำมารวมเป็นก้อนใหญ่ ก็ทำให้เกิดปัญหากับว่าที่ผุ้สมัครบางรายที่มองว่าการทำแบบนี้ไม่เป็นธรรม ด้วยการที่ไปหาเสียงล่วงหน้าในพื้นที่ไว้แล้ว วิธีการแก้ไขในอนาคตคือควรนำระบบAIมาใช้ในการแบ่งเขตเลือกตั้ง แล้วให้พรรคการเมืองตรวจสอบ
 

ขณะที่การประเมิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะลง สส.บัญชีรายชื่อ หรือ จะเป็นเพียงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรครวมไทยสร้างชาติ เพียงอย่างเดียว รศ.สุขุม กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ลง สส.บัญชีรายชื่อ เพราะเชื่อว่าความนิยมมีมากแล้ว คิดว่ารวมไทยสร้างชาติสามารถไปได้ ไม่จำเป็นต้องลงสส.บัญชีรายชื่อ เพราะเคยยืนยันแล้วว่า การมาเป็นนายกฯหลังการเลือกตั้งปี2562 มาจากประชาธิปไตย เพราะถ้าลงสส.บัญชีรายชื่อในครั้งนี้จะเท่ากับว่าก่อนหน้านี้ไม่เป็นประชาธิปไตย

 

อ.ยุทธพร มองว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่สินค้าที่จะขายได้ จึงต้อ งเลือกเส้นทางการเมืองมาที่รวมไทยสร้างชาติ ในพลังประชารัฐจะเห็นได้ว่า เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ออกมา เส้นทางเปิดกว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจดหมาย 5 ฉบับของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ การประกาศเป็นนายกฯ ก้าวข้ามความขัดแย้ง แม้แต่ พล.ต.อ. เสรีพิสุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวไทย ยังประกาศว่าถ้าไม่มีพล.อ.ประยุทธ์ โอกาสที่ 2 พรรคจะรวมงานกันก็มีความเป็นไปได้ รวมไปถึงความเป็นไปได้ในการดีลระหว่างพลังประชารัฐและเพื่อไทย  การมาอยู่กับทีมที่ออกมาจากพลังประชารัฐ จึงเป็นตัวเลือกเดียว และควรที่จะลงสส.บัญชีรายชื่อ เพื่อความชัดเจนและต้องลง เพราะเป็นจุดขายเดียวของรวมไทยสร้างชาติ ไม่มีชื่อของคนที่มีชื่อเสียงในพรรค การดึงเสียงจากบัญชีรายชื่อจึงมีความสำคัญ การลงคะแนนของบัตรแบ่งเขต สามารถประเมินได้พอสมควร ใครจะได้ ใครจะไม่ได้ แต่การเลือกลงคะแนนของพรรค เป็นเสมือนการเลือกนายกฯทางอ้อม สถานการณ์ตอนนี้แต่ละฝ่ายทางการเมือง ยังไม่มีการประกาศชูใครที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ จึงทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลง สส.บัญชีรายชื่อ 

 


ในประเด็นการยุบสภาตอนใกล้ครบวาระ รศ.สุขุมต้องยอมรับว่า ความพร้อมของพรรคการเมืองที่ตั้งใหม่ ต้องขอใช้เวลาให้มากที่สุด เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องใช้ความได้เปรียบ ส่วนที่มองว่าพล.อ.ประยุทธ์เอาเปรียบในการลงพื้นที่ ก็ตำแหน่งหน้าที่เอื้ออำนวย เป็นเรื่องปกติของคนเป็นนักการเมือง  


ภาพการกินข้าวของ พล.อ.ประวิตร กับ นายอุทิน ชาญวีรกูล รศ.สุขุม บอกว่า เป็นการส่งสัญญาณอย่างแน่นอน เพราะมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เข้าพบด้วย ทำให้มองว่าเป็นส่งสัญญาณหลังที่ถูกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์โจมตีต่อเนื่อง ซึ่งมองได้ว่าฝ่ายชูวิทย์ มีสายสัมพันธ์กับทาง นายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือเสธ.หิ เสมือนเป็นการเตือนอีกฝ่าย อย่ารุกล้ำกันมากไป เพราะต่างฝ่ายต่างแข่งกันจริงจัง โดยเฉพาะ 2 บิ๊ก ตอนพล.อ.ประยุทธ์โดนหยุดปฏิบัติหน้าที่  มีอนุทินไปเยี่ยมที่กระทรวงกลาโหม ครั้งนี้ไปกินข้าวกับ พล.อ.ประวิตร เป็นการบอกโดยนัยว่ามีทางไป


ส่วนอ.ยุทธพร บอกว่า ภูมิใจไทยออกทะเลเจอคลื่นลมมรสุมเยอะ จึงต้องไปหลบในป่ารอยต่อ เป็นยุทธศาสตร์ของภูมิใจไทย เพราะสถานการณ์เจอมรสุมรอบด้าน จึงเป็นเหตุผลที่ภูมิใจไทยต้องสร้างตัวเองให้เป็นทางเลือกหลายทาง ทั้งการเข้าร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ต่ออีดหนึ่งสมัย หรือ ตัวอนุทินเองที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี พอมีประเด็นเกิดขึ้น ก็ต้องสร้างทางเลือก เช่นไปสนับสนุนพลังประชารัฐ ภูมิใจไทยพยายามสร้างสมดุลทางการเมือง และหากเกมภูมิใจไทยมาลักษณะนี้ อ.ยุทธพร มองว่าสะเทือนรวมไทยสร้างชาติ เพราะความเป็นไปได้ในการจัดมือของเพื่อไทยก็ยังมีอยู่ และกับอีกหลายพรรคก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน เพื่อไทยความนิยมก็มาแรง โอกาสจับมือกับภูมิใจไทย และมีความเป็นไปได้มีจำนวนสส.เกิน3หลัก พล.อ.ประยุทธ์เหนื่อยในการหาพันธมิตร และมีไม้เด็ดในเรื่อง สว.250 เสียง ส่วนเรื่องสภาผู้แทนราษฏรนั้น ก็ต้องดูในการรวมเสียง รวมทั้งมีบันได 4 ขั้น รัฐธรรมนูญที่ออกแบบมา ขั้นที่2คือการรวบรวมบ้านเล็กบ้านใหญ่ มุ้งทางการเมือง ขั้นที่3การดีลกันหลังเลือกตั้ง และสว. ขั้นที่4 เป็นนายกฯและเดินหน้าต่อ ต้องดุกันว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไปได้ครบทั้ง 4ขั้นบันไดหรือจะจบที่ขั้นไหน
ส่วนอ.สุขุม มองว่า พล.อ.ประยุทธ์มั่นใจในการเป็นตัวเลือกเดียวของฝ่ายอนุรักษ์นิยม และประชาชนที่อยู่ในง่ายนี้มองที่ พล.อ.ประยุทธ์มากกว่าพล.อ.ประวิตร ในภาพความเป็นทหาร คนมองพล.อ.ประยุทธ์มีความเด็ดขาดไปในทางจอมพลสฤษดิ์ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ส่วนพล.อ.ประวิตรไปในลักษระแบบพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี มีความประนีประนอมในทุกด้าน 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ