ข่าว

'สมชัย' จี้ 'บิ๊กตู่' ทำงานสมศักดิ์ศรี ใช้งบรัฐตรวจราชการ แฝงหาเสียง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'สมชัย' ร้องกกต. ตรวจสอบ 'บิ๊กตู่-พีระพันธุ์' ใช้งบและทรัพยากรรัฐตรวจราชการ แอบแฝงหาเสียง แซะหนักภารกิจไม่สมศักดิ์ศรี คล้ายเป็นนายกฯอบต.

เมื่อวันที่ 17 มี.ค.66 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบการลงพื้นที่ตรวจราชการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยมองว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่ทางราชการเอื้อประโยชน์ทางการเมือง

 

นายสมชัย กล่าวว่า วันนี้ได้นำข้อมูลภารกิจลงพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 2565 - จนถึงปัจจุบัน มามอบให้กกต. หลังวันที่ 20 ธ.ค. 2565 นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งนายพีระพันธุ์ ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันนายพีระพันธุ์ ก็มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ 

สำหรับตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่จัดตารางลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี พบว่า ตรวจราชการจำนวน 16 ครั้ง 18 จังหวัด มีการแอบแฝงการหาเสียง และยังนำว่าที่ผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติร่วมลงพื้นที่ด้วย

 

นอกจากนี้ยังพบว่า นายกรัฐมนตรีได้นำทรัพยากรของรัฐมาใช้ เช่น การใช้เครื่องบินของกองทัพอากาศจำนวน 8 เที่ยว และเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกจำนวน 18 เที่ยว เครื่องบินหรู ค่าน้ำมันเป็นแสน รวมถึงเกณฑ์ข้าราชการและชาวบ้าน มาต้อนรับ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารคอยรักษาความปลอดภัย ซึ่งการตรวจราชการแต่ละครั้งตนมองว่าไม่เหมาะสม เป็นการใช้งบประมาณ และทรัพยากรของรัฐตรวจราชการจอมปลอม 

นายสมชัย ยื่นหนังสือถึงกกต.

หากทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ตามที่พูด ก็จะไม่มีใครต่อว่า แต่มองว่าภารกิจไม่เหมาะสมกับการเป็นนายกรัฐมนตรี เช่น การไปทำพิธีเปิดแพขนานยนต์ หรือเปิดสวนสาธารณะ เหมาะสมหรือไม่ เป็นหน้าที่ของนายกอบต. หรือ ตรวจการก่อสร้างอาคารจอดรถโรงพยาบาล ตรวจเจดีย์ เปิดการสัมมนา เปิดสวนสาธารณะ เปิดแพขนานยนต์ ไม่ใช่สาระของนายกรัฐมนตรี อยากให้ทำงานให้สมศักดิ์ศรี

 

"ในฐานะที่ประสงค์จะลงการเมือง สิ่งแรกที่ต้องคิดและตัดสินใจ คือ รู้จักการแข่งขันที่เป็นธรรม ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของตน และพรรคการเมือง นี่คือ สปิริต เบื้องต้นของคนที่จะลงแข่งขันทางการเมือง ถ้าไม่รู้จักสิ่งนี้อย่ามาลงเลยครับ" นายสมชัย กล่าว

 

นายสมชัย กล่าวต่อว่า จึงเป็นหน้าที่ของกกต.ที่ต้องเข้ามากำกับดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต และเที่ยงธรรม ขณะเดียวกันต้องกำกับดูแลไม่ให้ข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลางทางการเมือง ตามมาตรา 78 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสส.  

 

เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ และนายพีระพันธุ์ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรครวมไทยสร้างชาติ วันนั้นก็จะถือว่าทำผิดกฎหมายตามมาตรา 132 ของพ.ร.ป.ว่า ด้วยการเลือกตั้งสส. โดยระบุว่า ผู้สมัครผู้ใดกระทำความผิดก่อนหน้าการประกาศผลเลือกตั้ง กระทำการอันใดที่ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต และเที่ยงธรรม กกต.สามารถให้ใบส้มได้ หรือเพิกสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้ง 1 ปี และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรือ ถ้าผู้สมัครรับเลือกตั้งบัญชีรายชื่อ ก็ถอดออกจากบัญชีรายชื่อได้ ซึ่งความผิดดังกล่าวครอบคลุมประกาศกกต.ในช่วง 180 วัน โดยผู้ที่จะประสงค์จะเป็นผู้สมัคร ให้ถือว่าเป็นผู้สมัคร 

 

นอกจากนี้ถ้าพบว่ากรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็นไม่มีการห้ามปรามสามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญ สั่ง ยุบพรรค ได้และตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต และดำเนินคดีอาญา ซึ่งในกรณีนี้จะครอบคลุมในกรณียุบสภาด้วย 

นายสมชัย ยื่นหนังสือถึงกกต.

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ