ข่าว

เพื่อไทยหนุน 'แบ่งเขตเลือกตั้ง' กทม.แบบที่1และแบบที่2

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'แบ่งเขตเลือกตั้ง' กทม.แบบที่7 เหมือนถูกรัฐประหาร ซอยเขตภาษีเจริญเป็นสามเขตเลือกตั้ง เพื่อไทยหนุนรูปแบบที่1และ2 ดีที่สุด

 

ภาคกทม.พรรคเพื่อไทย  มองว่า รูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง แบบที่1และแบบที่2 ของกทม.เหมาะสมที่สุด เพราะเขตหลักๆไม่ถูกแบ่งแยก สะดวกต่อประชาชนผู้ลงคะแนน โดยนาย วิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.  น.ส. ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรค และนาง สุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา ส.ส.กทม. ได้ร่วมกันแถลงข่าว เรื่อง การเสนอรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยในเขตพื้นที่ กทม. พบว่ารูปแบบแบ่งเขตเลือกตั้งแบบที่7ของกกต.กทม. มีปัญหามากที่สุด

วิชาญ มีนไชยนันท์ ประธานภาคกทม.พรรคเพื่อไทย

 

นาย วิชาญ อธิบายถึงปัญหาของการแบ่งเขตเลือกตั้งรูปแบบ 6-8 โดย กทม. มีทั้งหมด 30 เขต จำนวนประชากรประมาณ 5 ล้านคน จากการรวบรวมความเห็นของประชาชน และพิจารณาตามหลักของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. รวมถึงระเบียบของ กกต. เป็นเกณฑ์ เห็นว่าการแบ่งเขตแบบ 1-3 มีความชัดเจน พื้นที่มีความคาบเกี่ยวกัน การจัดรูปแบบดังกล่าวมีความสอดคล้องกว่า ไม่สร้างความสับสน มี 25 เขต จาก 30 เขต ที่ไม่ต้องแบ่งเขตเพิ่มเติมใหม่

 

อย่างไรก็ตาม การแบ่งเขตแบบที่ 6-8 มีโอกาสสร้างความสับสนให้ประชาชนมากกว่า หากมีการแบ่งพื้นที่ตามแขวง คงเรียก สส.เขต ไม่ได้ ต้องเรียกว่า สส.แขวง และจะสร้างผลเสียคือบัตรเสียจะมากขึ้น จากการฟังเสียงประชาชน พรรคเพื่อไทยจึงเสนอว่ารูปแบบการแบ่งเขตแบบที่ 1-2 มีความเหมาะสมมากที่สุด เพราะเขตหลักๆ ยังอยู่ ไม่ถูกแบ่งแยก จึงมีความสะดวกต่อประชาชนมากกว่า

 

 

ธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์ โฆษกพรรคเพื่อไทย

 

น.ส.ธีรรัตน์มองว่า การแบ่งเขตเลือกตั้งในพื้นที่ กทม. นั้น เดิมทีมี 5 รูปแบบ ซึ่งมากกว่าจังหวัดอื่นๆ อยู่แล้ว แต่ล่าสุด กกต. แบ่งออกมาเพิ่มอีกรวมเป็น 8 รูปแบบ ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนในการเลือกตั้ง สส.เขต เรียกได้ว่าเป็นการแบ่งเขตที่บิดเบี้ยว ไม่เป็นไปตามธรรมชาติของแต่ละพื้นที่

 

การแบ่งแขตรูปแบบที่ 6-8 นี้ไม่เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นๆ ก็ไม่เห็นด้วย เพราะจะเป็นการสร้างปัญหาให้กับประชาชน เกิดความไม่สะดวกเพราะต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ตรงกับที่อยู่อาศัย รวมถึงสร้างความลำบากต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเอง ทำให้ไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ซึ่งเคยทำงานมา

 

การแบ่งเขตดังกล่าวยังส่งผลให้ผู้สมัครพบปัญหา ว่าในเขตเดียวมีผู้สมัครถึง 3-4 คน ต่างพรรคต่างเบอร์กัน จะเป็นเหตุให้การเลือกตั้งครั้งต่อไปผิดพลาดบกพร่อง เกิดบัตรเสียจำนวนมาก และไม่เป็นผลดีต่อระบอบประชาธิปไตย กกต. ควรยึดตามหลักกฎหมายและความเป็นจริง

 

 

ขณะที่นาง สุภาภรณ์ ตั้งคำถามว่า กกต. ทำหน้าที่กี่วันภายใน 4 ปีที่ผ่านมา จึงได้แบ่งเขตขัดต่อมาตรา 29 ของรัฐธรรมนูญ ที่ต้องยึดถือการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบเดิมเสียก่อน แต่ในแบบที่ 6 และ 7 มีการยกการแบ่งเขตแบบเดิมกลับมาน้อยมาก และรูปแบบที่ 8 ไม่มีการแบ่งเขตแบบเดิมอยู่เลย การแบ่งแบบคร่อมแขวงคร่อมเขตจะส่งผลเสียต่อระบบการทำงานของทางราชการ

 

สส.กทม.พรรคเพื่อไทย ย้ำว่า สส.ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแก้ไขกฎหมายเท่านั้น แต่ยังต้องส่งเสียงถึงปัญหาในพื้นที่ด้วย สำหรับเขตของตนคือ ภาษีเจริญ ในรูปแบบที่ 7 นั้น ถูกแบ่งเป็นถึง 3 เขตการเลือกตั้ง คือเขตเลือกตั้ง 28 30 และ 32 จึงขอตั้งคำถามว่า กกต. ยึดหลักการใดในการแบ่งเขตเช่นนี้ เชื่อว่า ประชาชนกำลังถูกรัฐประหารผ่านการแบ่งเขตเลือกตั้ง

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ