ข่าว

กมธ.พัฒนาการเมืองฯ เชิญ กกต. แจงความพร้อม'เลือกตั้ง'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ เชิญ 'กกต.' ให้ข้อมูลวันพรุ่งนี้ ไม่มั่นใจ ว่าจะสามารถจัดการเลือกตั้งได้หรือไม่

 

ข้อกังวลเรื่องกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง มีสายสัมพันธ์กับหัวคะแนนในระดับท้องถิ่นต่างๆ หรือกระทั่งเป็นหัวคะแนนให้กับบางพรรคการเมืองเสียเอง ทำให้เกิดข้อสงสัย ว่าเหตุใดจึงไม่มีการเปิดรับกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งให้กว้างขวาง ได้สัดส่วนกรรมการที่เป็นคนหน้าใหม่มากขึ้น และมีความสัมพันธ์กับหัวคะแนนและผู้มีอิทธิพลในระดับท้องถิ่นน้อยลง  ทำให้คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง เชิญกกต.มาให้ข้อมูลในวันพรุ่งนี้

 

ปดิพัทธิ์ สันติภาดา รองประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร บอกว่าสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ยิ่งใกล้ครบกำหนดวาระของรัฐบาล ก็ยิ่งปรากฏกระแสข่าวเกี่ยวกับการยุบสภามากขึ้น หรือหากไม่มีการยุบสภาก็มีกำหนดที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าการเลือกตั้งจะต้องจัดขึ้นไม่เกินวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 แต่สิ่งที่น่ากังวล คือ กกต. ไม่ได้แสดงท่าทีว่ามีความพร้อมที่มากขึ้น ในทางกลับกัน ยิ่งแสดงตนถึงความไม่พร้อมในการจัดการเลือกตั้งมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ประเด็นที่ กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ตั้งคำถามอย่างมาก คือเรื่องของเทคโนโลยี ที่ กกต. เพิ่งออกมาระบุว่าตัวเองไม่มีความพร้อมในการจัดทำแอปพลิเคชันรายงานผลการเลือกตั้งแบบเรียลไทม์ ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการลดข้อผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นในการเลือกตั้งปี 2562 เช่น การใช้เวลาที่ยาวนานเกินควรมาก กว่าที่จะมีการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ การไม่มีการรายงานผลแบบเรียลไทม์ และการไม่มีผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งจากต่างประเทศเข้ามาร่วมสังเกตการณ์ด้วย

 

 

ข้ออ้างดังกล่าวถือว่าไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากที่ผ่านมาภาคประชาสังคม โดยเฉพาะในด้านการมีส่วนร่วมของพลเมือง หรือองค์กรสังเกตการณ์การเลือกตั้งอื่นๆ ต่างก็มีแพลตฟอร์มรายงานผลการเลือกตั้งอยู่แล้วเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จะบอกว่าไม่มีเทคโนโลยีนี้ไม่ได้

 

นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยหลายด้านที่กรรมาธิการเห็นตรงกับหลายคน ไม่ว่าจะเป็นการอัปเดตฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ซึ่งจะนำพาไปสู่การแบ่งเขตเลือกตั้ง ทั้งที่เป็นเรื่องที่ไม่ควรใช้เวลานาน การกำหนดค่าใช้จ่ายในการหาเสียงของผู้สมัคร ที่ กกต. เคยออกมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่าจะแบ่งออกเป็นสองกรณี คือกรณีที่มีการยุบสภาและกรณีที่ไม่มีการยุบสภา ซึ่งปรากฏว่าตัวเลขวงเงินมีความแตกต่างกันมากถึง 5 เท่า  เป็นต้น

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ