ภาคประชาชน ชวนจับตา "เลือกตั้ง66" อย่างโปร่งใส ขอร้องสว.เคารพเสียงประชาชน
ภาคประชาชน จัดเสวนาเชิญชวนจับตาเลือกตั้ง66 ทุกหน่วยทั่วประเทศ ด้าน"อ.ปริญญา" วอนสว.เคารพเสียงประชาชน คาดกติกาใหม่พบความผิดพลาดน้อยลง ขณะที่"อ.สิริพรรณ"เชื่อพปชร.ยังเนื้อหอม แนะสังเกตกลุ่มสามมิตร ตัวแปรพรรคร่วมรัฐบาล
วันนี้ 11 ม.ค. เครือข่ายประชาชนสังเกตการณ์การเลือกตั้งปี2566 จัดกิจกรรมเสวนา"เข้าคูหา จับตา เลือกตั้ง66" โดยมีผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , รศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , นายพงษศักดิ์ จันทร์อ่อน เครือข่ายเยาวชนสังเกตการณ์การเลือกตั้งเพื่อประชาธิปไตย และนาย ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ โครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) เป็นผู้ร่วมเสวนา รวมถึงมีการจำลองนับคะแนนการเลือกตั้งหน้าหน่วยเลือกตั้งด้วย
ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวว่า การเลือกตั้งปี62 มีปัญหามาจากบัตรใบเดียว พรรคการเมืองส่งผู้สมัครแต่ละเขตจำนวนมากกว่าปี54 กว่า5เท่า เพื่อให้ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนในปีนี้จะต่างจากปี 62 เชื่อว่าความผิดพลาด การบริหารจัดการเลือกตั้งจะมีความผิดพลาดน้อยลง ไม่มีปัญหาอะไร การเลือกตั้งครั้งนี้ดีกว่าบัตรเลือกตั้งใบเดียวหาร500แน่นอน ทุกคนที่สมัครลงคราวนี้หวังชนะ ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว ที่ลงสมัครเพราะเพียงแค่หาคะแนนมาเป็นส.ส.เท่านั้น
สมการการเป็นรัฐบาล คือ ต้องเกินกึ่งหนึ่งขอ2สภา แม้2ป.จะแตกกัน แต่เชื่อว่า ใกล้เลือกตั้งจะมี1ป.ถอย และยังมีกลุ่ม สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ก้อนใหญ่หนุนอยู่ แต่2สภาจะต้องได้250 เสียงได้อย่างไร คือเรื่องยาก หากไม่ถึง กฎหมายต่างๆก็ไม่ผ่าน และอาจถูกโหวตไม่ไว้วางใจได้ ดังนั้นต้องทำให้ตัวเลขส.ส.สูงที่สุดใกล้ตัวเลข250 เสียง สิ่งนี้ต้องจับตาว่า การเลือกตั้งโปร่งใสหรือไม่ ประชาชนต้องช่วยกันตรวจสอบและได้โปรด สว.อย่ามายุ่ง
ด้านรศ.ดร.สิริพรรณ ระบุว่า การเลือกตั้งปี62 ไม่ใช่ระบบเลือกตั้ง แต่เป็นเทคนิคเลือกตั้ง ไม่มีประเทศไหนในโลกใช้ระบบนี้ ข้อเสียที่เห็นชัด คือ ระบบจัดสรรปันส่วน เป็นระบบทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ เน้นตัวบุคคล ส่งผลมาถึงปัจจุบัน ย้ายพรรคกันอย่างไร้ยางอาย ซื้อส.ส. เกิดคะแนนไม่ตกน้ำ เกิดการลดทอนความเป็นสถาบันพรรคการเมือง และเกิดความแข่งขันกันเองภายในพรรค แย่งกันเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตนมองว่า เมื่อมีการยกเลิกระบบจัดสรรปันส่วนผสม เป็นสิ่งที่ดี และเชื่อว่า ระบบเลือกตั้งปี66 จะดีกว่า แต่ไม่ขอพูดว่าดีแล้ว พร้อมขอเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกวิธีการคำนวณก่อนการเลือกตั้งเพื่อความโปร่งใส เพราะครั้งนี้จะมี ส.ส.ปัดเศษเหมือนเดิม และพรรคที่ได้เศษสูงสุดจะได้ ส.ส.ปัดเศษไป
ส่วนวิธีการจัดการเลือกตั้งที่มองว่าเป็นปัญหาอยู่ คือ บัตรเลือกตั้งที่ ส.ส.เขต กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ คนละเบอร์กัน มองว่าจงใจลดความสำคัญพรรคการเมือง รวมถึงความรู้ความเข้าใจของ กกต. เช่น เรื่อง การนับบัตรที่มาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเดินทางมาช้าก็ต้องนับรวม และ ต้องประกาศผลการเลือกตั้งให้ครบ 100% ซึ่งตนอยากเห็นการเปลี่ยนถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ คือ การเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง หากไม่ยอมโดยใช้สว.250เสียงที่มีอยู่ และน้อยมากที่สว.จะเสียงแตก ดังนั้นขอให้สว.เคารพเสียงประชาชน รวมถึงขอให้พรรคการเมืองประกาศจุดยืนที่ชัดเจนว่า หลังเลือกตั้งเคารพเสียงข้างมากของประชาชน
ส่วนพรรคที่เป็นแม่เหล็ก เช่น ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ เชื่อว่า ยังมีโอกาสเป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาลสูงและยังเชื่อว่าแม้ 2 ป.แยกกันแต่พลังประชารัฐยังเนื้อหอม มีโอกาสยังพรรครัฐบาลมาก รวมถึงตัวแปรสำคัญ คือกลุ่มสามมิตร เลือกฝ่ายไหน ฝ่ายนั้นโอกาสตั้งรัฐบาลสูงมาก เพราะกลุ่มนี้ไม่เคยอยู่ฝ่ายค้าน
ด้านนายยิ่งชีพ กล่าวว่า การเลือกตั้งปี62 เนียนมาก การตั้งชื่อพรรคตัวเองเหมือนนโยบายที่เอาเงินไปแจก คือ พลังประชารัฐ และการแอบเปลี่ยนคะแนนนิดหน่อย มองไม่เห็น จับไม่ได้ เปลี่ยนสูตรคำนวณ ตอนนั้นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดูมั่นใจ แต่ปี66นี้ อำนาจเต็มในมือแบบคสช.หายไปแล้ว สภาควมคุมไม่ได้แล้ว การแก้ปัฐหาเศรษฐกิจและโควิด ที่ควบคุมไม่ได้ รวมถึง4ปีผ่านไปยิ่งเลือกตั้งช้า คนรุ่นใหม่มีสิทธิมากขึ้น ควบคุมไม่ได้ วิธีการเกณฑ์คน ใช้อิทธิพลบ้านใหม่ ก็ทำได้ ยากขึ้น
อย่างไรก็ตามตนยังเอนเอียงไปว่า เลือกตั้งครั้งต่อไป พลเอกประยุทธ์ยังอยู่ แต่เป็นเพียงคาดเดาเท่านั้น ซึ่งเราจะต้องช่วยกันตรวจสอบการเลือกตั้ง การนับคะแนนของกกต. ไม่ให้เกิดทำให้วิธีเนียนๆเหล่านั้นขึ้นอีก
อย่างไรก็ตามได้ขอเชิญชวนให้ประชาชนทุกคนในทุกเขตเลือกตั้งเข้าร่วมการสังเกตการณ์การเลือกตั้งทั่วไปที่กําลัง จะมาถึงโดยลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครฯ หรือส่งข้อมูลความผิดปกติหรือสถานการณ์การเลือกตั้งใน เขตของตนเองทั้งในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังวันเลือกตั้ง แก่ “เครือข่ายประชาชนสังเกตการณ์การ เลือกตั้งปี 2566”ผ่านทางเว็บไซต์ Vote62.com