ข่าว

ตั้งคณะกรรมการสอบ สาเหตุ "เรือหลวงสุโขทัย" อับปาง ส่งหมู่เรือเข้าสำรวจแล้ว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เสนาธิการทหารเรือ เข้าขี้แจง กมธ.ทหาร เผย ตั้งคณะกรรมการหาสาเหตุ "เรือหลวงสุโขทัย" อับปาง ขณะ ส่งหมู่เรือเข้าไปสำรวจ และเก็บกู้เรือแล้ว

ที่รัฐสภา พลเรือเอกชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ พร้อมด้วยโฆษกกองทัพเรือและเจ้ากรมอู่ทหารเรือเข้าชี้แจงกรณี "เรือหลวงสุโขทัย" อับปางต่อกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร โดย พลเอกชลธิศ กล่าวภายหลังการเข้าชี้แจง ว่า

 

 

ประเด็นแรกเรื่องของกำลังพลที่อาจติดอยู่ใน "เรือหลวงสุโขทัย" ที่ อับปาง จากการตรวจสอบ ก่อนที่เรือจะอับปางลง กำลังพล ทั้งหมดได้ขึ้นมาอยู่ในบริเวณที่ไม่จมน้ำแล้ว แต่เมื่อเรืออับปางไปแล้วอาจมีพลังดูดของน้ำ โดยขณะนี้ได้มีการส่งหมู่เรือเข้าไปสำรวจและกู้เรือไปถึงพื้นที่แล้ว เป็นเรือลากทำลายทุ่นระเบิด และได้ส่งยานลงไปสำรวจความเสียหายและวิธีเก็บกู้เรือขึ้นมา ซึ่งในการสำรวจครั้งนี้ จะเป็นการค้นหากำลังพลที่อาจถูกพลังน้ำดูดลงไปด้วย

 

นอกจากนี้ ทาง กองทัพเรือ ยังดำเนินการลาดตระเวณค้นหากำลังพลจำนวน 23 นาย ที่ยังประสบเหตุอยู่ในทะเล ซึ่งในส่วนนี้ได้มีการปฏิบัติงานร่วมกับกองทัพอากาศ ซึ่งได้สนับสนุนอากาศยาน รวมถึงยังมีการปฏิบัติงานร่วมกับกรมตำรวจ กรมเจ้าท่า และ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.)

 

 

"ทุกนาทีมีค่า กำลังพลที่อยู่ในน้ำ ก็เปรียบเสมือนครอบครัว เราคิดถึงเพื่อนร่วมงาน พี่น้อง เพราะฉะนั้นจะดำเนินการเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งในเรื่องของเรือ อากาศยาน อากาศยานไร้คนขับ และความร่วมมือของทุกหน่วยงาน"

 

 

สำหรับการแบ่งพื้นที่สำรวจจากจุดที่เรือ อับปาง ได้มีการแบ่งคร่าวๆ กว้างยาว ประมาณ 20 ไมล์ทะเล ซึ่งปัจจุบันมีทิศทางน้ำไหลมาทิศใต้ และทิศทางลมไหลเข้าแผ่นดิน แบ่งพื้นที่เป็นหน่วยย่อยออกมา 15 หน่วยแล้ว และใช้อากาศยานเป็นเครื่องมือหลัก ในการลาดตระเวน เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว และใช้เรือเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้พบสิ่งของที่มาจาก "เรือหลวงสุโขทัย" และซากเรืออื่นๆ เป็นการพิสูจน์ว่าการดำเนินการค้นหามีทิศทางถูกต้องแล้ว และจะดำเนินการต่อไป

 

 

ส่วนการ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง นั้น ขณะนี้ได้มีการดำเนินการอยู่ ซึ่งเรื่องสำคัญที่จะต้องทำให้ความจริงปรากฏคือ สาเหตุของ เรือหลวงสุโขทัยอับปาง เพราะตั้งแต่รับราชการมา 35 - 36 ปี ไม่เคยพบเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้ กองทัพเรือ เองจึงอยากหาสาเหตุ เพื่อดำเนินการแก้ไขป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ย้ำว่ากองทัพเรือเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

 

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ "เรือหลวงสุโขทัย" อับปางในครั้งนี้ มีคำสั่งว่าไม่ให้เรือจมใช่หรือไม่ พลเอกชลธิศ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ในขั้นนี้จะเสนอข้อเท็จจริงเท่านั้น ความเห็นหรือข้อคิดเห็นต่างๆ ไม่ขอพูดถึง แต่ต้องดำเนินการสอบสวนและหาข้อเท็จจริง

 

 

พลเรือเอกชลธิศ นาวานุเคราะห์

 

ขณะที่หลังการประชุม นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ โฆษกกรรมาธิการ เปิดเผยผลการเข้าชี้แจงของเสนาธิการทหารเรือและคณะ ว่า ทางกรรมาธิการได้ขอข้อมูลบันทึกการซ่อมบำรุงย้อนหลังของ "เรือหลวงสุโขทัย" , การใช้งบประมาณในการซ่อมแซม, บันทึกข้อมูลการประสานงานระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้การเรือ ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม จนถึงเวลาเรืออับปาง ว่ามีการพูดคุยกันระหว่างผู้บัญชาการทหารเรือกับผู้การ "เรือหลวงสุโขทัย" ในช่วงระยะเวลา 7 ชั่วโมงก่อนหน้านั้นอย่างไร

 

 

รวมถึงขอข้อมูลอุทกศาสตร์กองทัพเรือ ว่าขณะนั้นคลื่นมีความสูงเท่าไหร่, ความเร็วลมเป็นอย่างไร  และมีการเตือนภัยก่อนออกเรือหรือไม่, รวมถึงบันทึกจำนวนชูชีพย้อนหลัง 7 วัน ว่ามีเพียงพอต่อกำลังพลหรือไม่

 

 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า เรือพังจากจุดใด ต้องกู้เรือให้ได้ก่อนจึงจะสามารถทราบสาเหตุได้แน่ชัด โดย เสนาธิการทหารเรือ ได้ชี้แจงต่อกรรมาธิการว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุสุดวิสัย เนื่องจากภัยธรรมชาติที่มีคลื่นสูง 4 - 5 เมตร โดยมีการประคับประคองเรือให้ถึงที่สุดแล้ว

 

 

นอกจากนี้ กองทัพยังได้ชี้แจงถึงการเข้าให้ความช่วยเหลือของ เรือหลวงกระบุรี และเรืออื่นๆ ที่ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้เพราะคลื่นสูงมาก อีกทั้งผู้การเรือหลวงสุโขทัย แจ้งว่าเรือที่เอียงอยู่ระหว่าง 60 ถึง 80 องศา การอยู่บนเรือจะปลอดภัยกว่าอยู่บนผิวน้ำ ส่วนเฮลิคอปเตอร์ก็ไม่สามารถบินต่ำได้เพราะกระแสลมแรง

 

 

ทั้งนี้ จากการประเมินเบื้องต้น ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้การเรือหลวงสุโขทัย มีความเป็นห่วงตัวเรือมากพอสมควร เพราะใน กองทัพเรือ มีคำสั่งว่าเรือจมไม่ได้ เนื่องจากเป็นเรือหลักของกองทัพ ทำให้กำลังพลและผู้การ "เรือหลวงสุโขทัย" ตัดสินใจที่จะปกป้องเรือจนลืมคิดถึงชีวิตตัวเอง

 

 

นายมงคลกิตติ์ ยังกล่าวถึงการกู้ "เรือหลวงสุโขทัย" ขึ้นมาว่า สามารถกู้เรือได้ 100% แต่ต้องอาศัยเรือของเอกชนด้วย เนื่องจากต้องใช้เรือขนาดใหญ่และใช้เครนในการยก ส่วนโอกาสที่ กำลังพลที่สูญหายจะมีชีวิตรอดอยู่ ยอมรับว่ามีโอกาสน้อยเนื่องจากผ่านมาหลายวันแล้ว แม้จะมีเสื้อชูชีพก็ตามแต่การทำงานของชูชีพอาจจะมีประสิทธิภาพต่ำลง รวมถึงอุณหภูมิในน้ำทะเลจะมีความหนาวเย็น และยังมีเรื่องสัตว์ใหญ่ในทะเล แต่ก็ยังภาวนาให้พบผู้รอดชีวิต

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ