"นักการเมือง" ตบเท้าร่วม เทศกาลภาพยนตร์โลกคึกคัก ชูรัฐบาลดัน "Soft Power"
"นักการเมือง" ตบเท้าร่วม เทศกาลภาพยนตร์โลกคึกคัก ชูรัฐบาลดัน "Soft Power" ทุกด้าน หนูนวลหนังฟอร์มเล็ก เชื่อประเทศไทยไปได้ไกลกว่านี้
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ที่โรงภาพยนตร์เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลค์ มีการจัดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาณเอเชียตะวันออกเฉียงได้ "World Film Festival of Bangkok" หรือ "เทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพ" (ครั้งที่ 15) กลับสู่ประเทศไทยอีกครั้ง ภายใต้ "Return to Cinema" โดยมีเครือเนชั่น กรุ๊ป เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดงานโดยมีคนแวดวงภาพยนตร์ บันเทิง รวมถึงการเมืองเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
พรรคเพื่อไทย
น.ส.แพทองธาร ชินวิตร หรือ อุ๊งอิ๊ง ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ดีใจที่ได้มาร่วมงาน ดีใจที่เนชั่นจัดขึ้นอีกรอบ สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย คนออกมาใช้ชีวิตปกติ ซึ่งงานนี้เพิ่มโอกาสให้หนังฟอร์มเล็กได้ลงฉาย ค่าตั๋วก็ลดลง เพื่อให้คนดูเข้าถึงง่ายขึ้น ถือเป็นการเปิดโอกาสอย่างมากของSoft Power ในวงการภาพยนตร์
ทั้งนี้เพื่อไทยพร้อมจะพัฒนาตัวบุคคลและสกิลทันทีที่มีการเลือกตั้ง ขณะนี้เราเริ่มเก็บข้อมูลกับคนในหลายวงการ เพื่อนำไปสู่การผลักดันได้อย่างแท้จริง เชื่อว่า หากทำได้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้แน่นอน เพราะ Soft Power จะสามารถสร้างรายได้ก้อนใหญ่ให้ประเทศ ถ้ารู้จักส่งเสริม ไม่ใช่แค่ผลักดันเฉพาะภาพยนต์ แต่ยังสะท้อนไปถึงวัฒนธรรม เกษตรกร ที่แฝงอยู่ในเรื่อง รวมถึง ผู้เขียน ผู้ผลิต ที่จะโปรโมทประเทศเราไปยังทั่วโลก จะเป็นเครื่องนึงที่ทำให้ประเทศเกิดรายได้มหาศาล ที่ผ่านมา ส่วนตัวคิดว่า ไปได้มากกว่านี้ รู้สึกเสียดายที่ความสามารถคนไทยเหล่านี้ ยังไม่ถูกผลักดัน
ที่ผ่านมาอุปสรรคมากมาย เช่น หนังฟอร์มเล็กจะมีข้อจำกัดเยอะ เงินสนับสนุนน้อย จนทำให้การทำงานติดขัด ผู้สร้างต้องคำนวณการใช้จ่าย บางครั้งทำให้หยุดความคิดสร้างสรรค์ หากเพื่อไทยทำได้ อยากมีองค์ตั้งขึ้นมา มีกฎ เพื่อรับเงินสนับสนุนจากภาครัฐบาลเชื่อว่าคนหลายกลุ่มจะสามารถแสดงศักยภาพออกมาได้ หวังว่าถ้าเพื่อไทยได้มีโอกาสจะผลักดันเรื่องนี้
ด้านนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวขอบคุณเนชั่น กระทรวงวัฒนธรรม ผู้สร้าง ผู้ผลิต ผู้ขาย ซึ่งนโยบาย Soft Power ถือเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคจับต้องได้ เพียงเรานำมาเปิด ให้มีโอกาสเพิ่มศักยภาพมากขึ้น ส่งเสริมตั้งแต่กระบวนการค้นหาคนมีทักษะ ความสามารถ รวมถึงแก้ไขข้อติดขัดปัญหาต่างๆ เช่น การเข้าถึงข้อกฎหมาย และวางเป้าในการสร้างงานสร้างรายได้ เช่น เราวางเป้ารายได้ คนละไม่ต่ำกว่า2แสน ต่อปี เป็นจุดที่มาว่าเพื่อไทยทำอย่างไรให้ถึงเป้า นโยบายเด็ด "สร้างรายได้ ขยายโอกาส"
พรรคก้าวไกล
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่มีการจัดเทศกาลนี้อีกครั้ง หลังสถานการณ์โควิดดีขึ้น หลายประเทศกลับมาคึกคักมากขึ้น ในส่วนของประเทศไทย หลายอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับด้านเศรษฐกิจเผชิญปัญหาส่งออกไม่ได้ เนื่องจากมีโรคระบาด ซึ่งควรใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ เช่น ด้านวัฒนธรรม ด้านพรสวรรค์ มาผลักดัน หากรัฐบาลสนับสนุนเรื่องต่างๆอย่างเต็มที่ในทุกด้าน ประเทศไทยก็จะไปได้ไกล แต่สิ่งสำคัญคือ “เสรีภาพในการแสดงออก” ที่จะทำให้เกิดความสร้างสรรค์ ส่งต่อเป็นนวัตกรรมได้ แต่หากปิดกั้น เศรษฐกิจไทยคงจมอยู่กับที่ไม่ก้าวหน้าไปไหน
นอกจากนี้พรรคยังมีแนวทางการขับเคลื่อนของพรรค โดยจำแนกเป็นในส่วนอุปทาน ดึงชาวต่างชาติเข้ามาถ่ายคอนเทนต์ในประเทศไทยมากขึ้น อาจมีเงินสมทบในกับธุรกิจสตรีมมิ่งมากขึ้น , ผลักดัน พ.ร.บ.ภาพยนตร์ แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการเซนเซอร์ ดูแลศิลปินให้สามารถลองผิดถูกได้ มีสวัสดิการให้กับศิลปิน ส่วนอุปสงค์ คือ เรื่องของภาษีหากมีการอุดหนุนหนังไทย ยกเว้นภาษีได้ ทั้งหมดนี้รัฐบาลต้องรีบให้ความสำคัญ
พรรคชาติพัฒนากล้า
ด้านนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า รู้สึกดีใจเช่นกันที่มีงานนี้ ตนไม่ได้ชมภาพยนตร์มานาน วันนี้ถือว่าในรอบหลายปี ซึ่งมองว่า ดีที่ผลักดันเป็น Soft Power ตนเรียกว่า "อำนาจนุ่ม" อยากให้ภาครัฐเกิดการตื่นตัวมากกว่านี้ และควรมีกระบวนการที่ไม่ซับซ้อนจนเกินไป ในส่วนของพรรคชาติพัฒนากล้า เน้นเรื่องนี้อยู่แล้ว และเป็นพรรคแรกๆที่พูดเรื่องนี้