ข่าว

ท้า "บิ๊กป้อม" โชว์เก๋าเหนือ "บิ๊กตู่" แก้วิกฤตของแพงทั้งแผ่นดิน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"พรรคเสรีรวมไทย" ท้า "พลเอกประวิตร" โชว์ความกล้าเหนือ "พลเอกประยุทธ์" ตัดสินใจแก้ปัญหาของแพง สักเรื่องต่อลมหายใจประชาชน

เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 ที่รัฐสภา น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ตั้งกระทู้สดถาม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ (มอบหมาย รมต.อาคม เติมพิทยาไพสิฐ มาตอบแทน) เกี่ยวกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและพลังงานในช่วงข้าวยากหมากแพง สินค้าเกือบทุกชนิดยังขึ้นราคาไม่หยุด แต่รัฐบาลยังปล่อยให้ขึ้นค่าไฟฟ้าในอัตราสูง ขึ้นค่าแก๊สหุงต้มทันที ราคาน้ำมันไม่ลดลง โดยไม่มีมาตรการเยียยาช่วยเหลือรองรับหรือมีก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

คำถามแรก

การที่รัฐบาลปล่อยให้ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (ค่า FT)เพิ่มขึ้นอีก รวมแล้วคิดเป็นค่าไฟฟ้าหน่วยละ 4.72 บาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 18 % ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงเกินไปครั้งเดียว โดยไม่ยอมพิจารณามาตรการเยียวยาหรือลดค่าใช้ไฟฟ้าให้กับประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300-500 หน่วย ตามข้อเสนอของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง.โดยอ้างว่างบกลางไม่เพียงพอ ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อค่าครองชีพของประชาชนและต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะส่งผลไปถึงราคาสินค้าที่อาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้นอีก จากที่มีการปรับขึ้นราคามาแล้วอย่างต่อเนื่อง จนประชาชนไม่สามารถแบกรับภาระข้าวยากหมากแพงได้อีกต่อไป

น.ส.นภาพร ถามไปยัง พลเอกประวิตร  

"ทำไมการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมจึงไม่ยอมตัดสินใจออกมาตรการเยียวยาลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนในกลุ่มเปราะบาง " ตามข้อเสนอของ กบง. แม้รัฐบาลจะอ้างเรื่องงบกลางมีไม่เพียงพอเพราะต้องใช้งบสูงถึง 8,000 ล้านบาท แต่ก็เป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น เนื่องจากรัฐบาลยังเหลืองบกลางปี 2565 อยู่อีกจำนวนหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ได้ 

การอ้างว่าจะรองบประมาณประจำปี 2566 เพื่อไปเริ่มเยียวยาค่าไฟฟ้าในงวดเดือนตุลาคมหรืองวดต่อ ๆ ไป จึงถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ไม่เห็นความเดือดร้อนของประชาชนอยู่ในสายตาใช่หรือไม่ เพราะแม้งบประมาณที่มี อาจจะไม่สามารถช่วยเหลือเยียวยากลุ่มผู้เปราะบางได้ครบทั้ง 4 เดือน คือ เดือนกันยายนถึงธันวาคม แต่ก็สามารถเริ่มช่วยเหลือในเดือนกันยายนไปก่อนได้ หลังจากนั้นพอเดือนตุลาคมค่อยใช้งบปี 2566 หรืองบอื่น ๆต่อเนื่องไปได้ 

             

"ทำไมเรื่องแค่นี้ พล.อ.ประวิตรจึงไม่กล้าตัดสินใจ ท่านปล่อยให้การประชุม ครม.นัดสุดท้ายก่อนวันที่ 1 กันยายนผ่านไป โดยไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ได้อย่างไร ท่านเห็นความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนสำคัญน้อยกว่าการใช้งบของ กอ.รมน.ไปเลี้ยงกำลังพลผีใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่มีตัวตนจริงหรืออย่างไร" น.ส.นภาพร กล่าว 

 

คำถามที่ 2

รัฐบาลไม่ยอมออกมาตรการเยียวยา หลังประกาศขึ้นค่าไฟฟ้าที่แพงมหาโหด แค่ยังปล่อยให้ก๊าซหุงต้มขึ้นราคาสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ ล่าสุดขนาด 15 กิโลกรัมขึ้นราคาอีกถังละ 15 บาท ทำให้ราคาจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนถึงพฤศจิกายน จะอยู่ที่ถังละ 408 บาท ซึ่งถือเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าหรือภาคครัวเรือนทั่วไป ที่ต้องใช้ก๊าซหุงต้มเป็นหลักในการประกอบอาชีพหรือดำรงชีวิต 

“ซ้ำเติมทั้งร้านค้าและลูกค้าที่ต้องปรับราคาค่าอาหารสูงขึ้นจากต้นทุน ทำไมรัฐบาลไม่ใช้วิธีชลอการขึ้นราคาไว้ก่อน แม้จะมีส่วนลดให้กับผู้มีรายได้น้อยบ้าง แต่เมื่อเทียบในภาพรวมแล้ว ก็ถือว่าไม่เพียงพอกับค่าครองชีพที่แพงขึ้นทุกด้าน”

 

คำถามที่ 3

ราคาน้ำมัน รัฐบาลก็ปล่อยให้มีการขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง แม้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะลดลงบ้างแล้ว จนบางสัปดาห์ราคาน้ำมันดิบลดลงเท่ากับสภาวะราคาน้ำมันก่อนจะเกิดเหตถุการณ์ต่อสู้ในต่างประเทศ เสียอีก แต่ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไทย กลับยังคงมีราคาแพงอย่างต่อเนื่องไม่ลดราคาลงตามไปด้วย โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลที่ยังคงอยู่ที่ลิตรละประมาณ 35 บาท รัฐบาลอ้างว่าเพื่อต้องการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันที่อยู่ในภาวะขาดทุนนับแสนล้านบาท

ทำไมรัฐบาล จึงไม่ยอมเลื่อนการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันออกไปก่อนสัก 2-3 เดือน แล้วลดราคาขายปลีกน้ำมันหน้าปั๊มลง ให้อยู่ในระดับที่ประชาชนแบกรับไหว เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชนออกไปบ้าง 

"ใจคอจะโยนภาระทุกอย่างไปให้ประชาชนหมดเลยหรือ ทั้ง ค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน ทำไมไม่คิดแบ่งเบาช่วยเหลือประชาชนสักเรื่องหนึ่งบ้างก็ยังดี"

 

โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งถือเป็นต้นทุนสำคัญของภาคการผลิต การขนส่ง ภาคการเกษตร อุตสาหกรรม รวมทั้งประชาชนทั่วไป อย่างน้อยก็ควรให้เหลือลิตรละ 30 บาทไปก่อนสักระยะหนึ่ง จนกว่าประชาชนจะสามารถแบกรับภาระได้มากกว่านี้ จึงค่อยปรับขึ้นแล้วเก็บเอาเข้ากองทุนก็ยังไม่สาย

 

น.ส.นภาพร ถามถึงการทำงานของ เลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือ สมช. มานั่งหัวโต๊ะคณะกรรมการแก้วิกฤติพลังงาน สามารถแก้วิกฤตพลังงานอะไรสักเรื่องได้หรือไม่ ทำงานคุ้มค่ากับเบี้ยประชุมหรือไม่ พร้อมถามจี้ความคืบหน้าการเก็บเงินค่าการกลั่นจากบริษัทผู้ผลิตน้ำมัน นอกจาก ปตท.ที่ยอมจ่ายมานิดเดียวแล้ว บริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นๆ ว่าไงบ้าง

“การขึ้นราคามหาโหดพร้อม ๆ กัน ทั้งไฟฟ้า แก๊สหุงต้ม น้ำมันและสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วๆไป เปรียบเหมือนประชาชนถูกยิงด้วยกระสุน 4 นัด เป็นแผลฉกรรจ์ แต่แทนที่รัฐบาลจะกล้าผ่าตัดเอากระสุนออกสักนัดหนึ่งก็ยังดี แต่กลับให้เพียงยาบรรเทาปวดกับประชาชน ไม่กล้าผ่าตัดอะไรเลย จึงขอให้ พลเอกประวิตร หรือ พี่ป้อม แสดงความกล้าหาญให้เหนือกว่า พลเอกประยุทธ์ ที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจมานานแต่ไม่เคยกล้าตัดสินใจในเรื่องใหญ่ ๆ ด้วยการผ่ากระสุนปัญหาออกจากตัวประชาชนซักนัดหนึ่งก็ยังดี เพื่อให้เห็นว่าแม้เป็นรักษาการนายกช่วงสั้นๆ แต่ก็สามารถได้ต่อลมหายใจให้กับประชาชนได้” น.ส.นภาพรกล่าว

 

ติดตาม คมชัดลึก ที่นี่
เพิ่มเพื่อน Line: https://lin.ee/qw9UHd2
YouTube Official : https://youtube.com/user/KOMCHADLUEK 
 

เช็กรายชื่อศิลปินเข้าชิง "คมชัดลึก ลูกทุ่ง Awards 2565" ใครคือ 6 Candidate กับ 8  สาขา Popular Vote ได้ที่นี่   

 (https://awards.komchadluek.net/#)

logoline