ข่าว

สื่อญี่ปุ่นแพร่ภาพ‘บิ๊กแจ๊ด’ถูกจับครอบครองปืน

สื่อญี่ปุ่นแพร่ภาพ‘บิ๊กแจ๊ด’ถูกจับครอบครองปืน

24 มิ.ย. 2558

สื่อญี่ปุ่นแพร่ภาพ‘บิ๊กแจ๊ด’ถูกจับครอบครองปืน ทูตเผยทนายความเตรียมทิศทางสู้คดี โฆษกตร.ลุ้นอัยการญี่ปุ่นฟ้องไม่ฟ้องเย็นนี้

             24มิ.ย.2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานีโทรทัศน์ประเทศญี่ปุ่นช่อง FNN สำนักข่าวเครือข่ายของ fuji tv  ได้นำเสนอข่าวกรณีที่พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.)  ที่สนามบินนาริตะข้อหาพกพาอาวุธปืน  โดยขึ้นข้อความหน้าจอเขียนแปลความว่าอดีตหัวหน้าตำรวจนครบาลไทยโดนจับข้อหาครอบครองอาวุธปืน


ทูตเผยทนายความเตรียมทิศทางสู้คดี
 
              ทางด้านสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันนี้ (24 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวพล.ต.ท.คำรณวิทย์ไปสอบปากคำอีกครั้ง เนื่องจากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนรายละเอียดการดำเนินคดี คงจะต้องรออัยการสั่งฟ้อง เรื่องมายังทนายความชาวญี่ปุ่นที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ว่าจ้างและเป็นตัวแทนว่าความเสียก่อน ซึ่งจะบ่งบอกถึงทิศทางการสู้คดี โดยทางทนายความชาวญี่ปุ่นจะปรึกษาหารือกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ถึงแนวทางการสู้คดี โดยที่พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จะเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตัวเอง

             สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นได้ส่งสำนวนคดีของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ไปในชั้นอัยการแล้ว โดยอัยการได้นัดทนายความเข้าหารือในวันพรุ่งนี้ (25 มิ.ย.) ทั้งนี้ ตามกฎหมายญี่ปุ่นอัยการมีอำนาจในการควบคุมตัวผู้ต้องหาสูงสุด 20 วัน และในขณะนี้ไม่มีการเปิดเผยว่า ตอนนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ถูกควบคุมตัวอยู่ ณ ที่แห่งใด ขณะที่ระเบียบของทางการญี่ปุ่นกำหนดให้มีการอนุญาตเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาได้เพียงวันละ 1 ครั้งเท่านั้น ส่วนในชั้นอัยการก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของอัยการว่าจะให้ญาติเข้าเยี่ยมได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม สำหรับกฎหมายญี่ปุ่นกำหนดบทลงโทษสำหรับความผิดลักษณะดังกล่าว คือ จำคุกไม่เกิน 10 ปี

 

โฆษกตร.ลุ้นอัยการญี่ปุ่นฟ้องไม่ฟ้องเย็นนี้ 

             ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 24 มิถุนายนพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงกรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประจำสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น จับกุมตัวในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ขณะกำลังจะเดินทางกลับประเทศไทยว่า ล่าสุดตนได้รับการยืนยันจากสถานทูตไทยในประเทศญี่ปุ่นว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.00 น.ขณะกำลังจะเดินทางกลับประเทศไทย ที่สนามบินนาริตะ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นตรวจพบอาวุธปืนลูกโม่รีวอลเวอร์ ขนาดเล็ก อยู่ภายในกระเป๋าถือที่ถือเดินทางขึ้นเครื่อง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นกำลังควบคุมตัวอยู่ภายในสถานีตำรวจนาริตะ ข้อหาครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ตามวันนี้เวลา 17.00 น. ตามเวลาประเทศญี่ปุ่นตำรวจญี่ปุ่นจะส่งสำนวนให้กับอัยการและจากนั้นอัยการจะใช้ดุลยพินิจพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง จากนี้คงต้องรอความชัดเจนจากเจ้าหน้าที่อัยการของประเทศญี่ปุ่นอีกครั้งในช่วงเย็นวันนี้

             “หากอัยการพิจารณาสั่งฟ้องก็จะดำเนินการเตรียมประสานเกี่ยวกับการขอประกันตัวต่อไป หรือหากไม่สั่งฟ้องก็สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้เลย เรื่องนี้มีผู้เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือคือทางเอกอัคราชทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่น ได้ประสานหาเจ้าหน้าที่ทนายให้กับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เรียบร้อยแล้ว และยังได้รับรองว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เคยเป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในประเทศไทยจริง ซึ่งได้ร่วมเดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อดูงานเรื่องโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากขยะกับองค์กรบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่งของไทย ในจ.ปทุมธานี โดยผู้ที่เชิญคือท่านนายก อบต. และเป็นกลุ่มที่ได้รับเชิญจากประเทศญี่ปุ่นให้ไปดูงาน” พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวและว่า เบื้องต้นทราบว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ รับสารภาพว่าเป็นปืนของท่านจริง โดยลืมไว้ในกระเป๋าใส่ยา ซึ่งตอนเดินทางไปญี่ปุ่นได้โหลดใส่ไว้ใต้เครื่อง แต่พอขากลับนำมาใส่กระเป๋าสะพายที่กำลังจะเตรียมเดินทางออกจากญี่ปุ่นกระทั่งถูกจับตัวไว้ดังกล่าว

             ผู้สื่อข่าวถามว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ช่วยเหลืออย่างไร โฆษก สตช. กล่าวว่า กรณีนี้เนื่องจากท่านเป็นอดีตข้าราชการที่เกษียณอายุไปแล้ว และไม่ได้ไปฐานะที่ทำงานให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างไรก็ตามถ้าทางญี่ปุ่นประสานมาทาง สตช.ก็จะประสานให้ เบื้องต้นทาง พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ ได้ประสานเรื่องการรับรองเรียบร้อยแล้วว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เคยรับราชการตำรวจจริงและได้เกษียณอายุราชการไปแล้ว ทั้งยังไม่มีเรื่องอะไรเสียหายเกี่ยวกับเรื่องของการใช้อาวุธแต่อย่างใด นอกจากนั้นทางท่านทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่นได้จัดหาทนายให้แล้วเรียบร้อย และทนายได้รับทราบข้อมูลกรณีที่ญี่ปุ่นได้เชิญคณะเจ้าหน้าที่ไทยไปดูงานเรื่องโรงไฟฟ้าพลังงานขยะแล้ว ซึ่งจะใช้ในการให้ข้อมูลต่อศาลในช่วงเย็นวันนี้ด้วย

             เมื่อถามว่าปืนของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เป็นปืนที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เป็นปืนที่ถูกกฎหมาย แต่ยังไม่ทราบว่าชนิดใดแน่ชัด ถ้าให้เดาท่านคงมีปืนขนาดเล็กติดตัวไว้ โดยตั้งแต่รับราชการมาก็เคยใช้อยู่ตลอด ซึ่งเล็กมาก ใหญ่กว่าพวงกุญแจรถเบนซ์ไม่มาก

             ต่อข้อถามว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ รับสารภาพหรือไม่ โฆษก สตช. กล่าวว่า ทราบว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ให้การรับสารภาพเป็นปืนของท่านซึ่งลืมไว้อยู่ในกระเป๋าสะพาย ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าเพราะเหตุใดตอนที่เดินทางออกจากประเทศไทย จึงสแกนไม่พบอาวุธปืน พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่าถ้าเป็นปืนขนาดเล็กเมื่อผ่านเครื่องสแกนในแนวตั้งจะไม่เห็นว่าเป็นอาวุธปืน

             ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ถือว่าเป็นความผิดพลาดในเรื่องความปลอดภัยของสนามบินสุวรรณภูมิหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องตรวจสอบต่อไป โดยตอนนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้หาทางช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองร่วมกับเจ้าหน้าที่การท่าตรวจสอบการเดินทางขาออกจากประเทศไทยด้วยว่าผ่านเครื่องเอ็กซเรย์กระเป๋าหรือเครื่องสแกนออกไปได้อย่างไร โดยเก็บภาพวงจรปิดและภาพจากเครื่องเอ็กซเรย์กระเป๋า พร้อมตรวจสอบว่าออกเดินทางไปวันไหน เดินทางอย่างไร มีกระเป๋าต้องสงสัยหรือไม่กี่ใบ ในวันเดินทางมีใครไปบ้าง มีผู้มาหิ้วกระเป๋าให้หรือไม่ แต่จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเบื้องต้นไม่มี ท่านทำเองทุกขั้นตอน ทั้งหิ้วกระเป๋าและเดินผ่านเครื่องเอ็กซเรย์เองทุกอย่างไม่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเป็นพิเศษ อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเป็นที่รู้กันดีว่าการนำอาวุธปืนออกไปต่างประเทศนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่มีใครรอดการตรวจสอบแน่นอน

             “จากภาพการตรวจกล้องวงจรปิดขาออกพบว่า ขณะที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เดินผ่านเครื่องสแกนมีเสียงร้องเนื่องจากรองเท้าที่ใส่ จากนั้นท่านก็เดินกลับมาอีกครั้ง แล้วถอดรองเท้า เข้าเครื่องสแกนใหม่อีกครั้งโดยนำรองเท้าใส่ในตระกร้าตรวจสอบอีกด้วย จึงเชื่อว่าท่านคงลืมจริงๆ เพราะเอาปืนไปคงไม่รอดการตรวจสอบจากทางญี่ปุ่นอยู่ดี อย่างไรก็ดีกระบวนการยุติธรรมของญี่ปุ่นคงต้องดูในเรื่องของพฤติกรรมประกอบด้วย ส่วนตัวมองว่าท่านมีอายุมากแล้ว อาจจะมีอาการขี้หลงขี้ลืมได้บ้าง อย่างไรดีต้องเป็นไปตามรูปคดี แต่เบื้องต้นยังเป็นคำกล่าวอ้างของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ต้องขึ้นอยู่กับทางการญี่ปุ่น” โฆษก สตช. ระบุ

             เมื่อถามว่าหากอัยการสั่งฟ้องกระทั่งศาลตัดสินลงโทษ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จะต้องติดคุกที่ญี่ปุ่นหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า คงต้องถูกควบคุมตัวอยู่สักระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะขอทำเรื่องประสานขอโอนตัวนักโทษตามสนธิสัญญากลับมารับโทษที่ประเทศไทยต่อไป อย่างไรก็ดีต้องรอผลในช่วงเย็นนี้ว่าจะออกมาเช่นไร หากสั่งฟ้องก็จะประสานขอประกันตัวต่อไป เบื้องต้นทราบว่ากระบวนการของญี่ปุ่นต้องใช้เวลาไม่น้อย 20 วัน ในการพิจารณาสั่งหรือไม่สั่งฟ้อง หรืออาจจะใช้เวลา 1-2 วันก็เป็นได้

             “ที่ประเทศญี่ปุ่นมีความเข้มงวดเรื่องกฎหมายอาวุธปืน อาจมีโทษขั้นต่ำ 1-10 ปี ถ้ามีกระสุนด้วยก็เป็น 3-10 ปี ส่วนเรื่องโทษปรับนั้นไม่แน่ชัด และต้องพิจารณาข้ออ้างที่ว่าลืมปืนไว้ในกระเป๋าด้วยว่าญี่ปุ่นจะเชื่อหรือไม่ จะละเว้นกฎเกณฑ์อะไรให้เราได้บ้าง ต้องดูอีกครั้ง ขึ้นกับกระบวนการยุติธรรมและศาลของญี่ปุ่น สถานะของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ตอนนี้ถูกดำเนินคดีแล้ว เพียงแต่ต้องดูว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องยากลำบากพอสมควร” โฆษก สตช. ระบุ

...................................

(หมายเหตุ : ที่มาของภาพ http://www.fnn-news.com/…/headli…/articles/CONN00295697.html)