"เครือข่ายองค์กรต่อต้านการค้ามนุษย์"ร้อง "ประธาน ก.อ."ตรวจสอบ"อัยการ"สั่งไม่ฟ้อง"คดีวิคตอเรียฯ"

วันที่ 27 กรกฎาคม 2564 ชลีรัตน์ ทิมบุตร ตัวแทนเครือข่ายองค์กรต่อต้านการค้ามนุษย์ เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือร้องเรียนต่อนายพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.)เนื่องจากเห็นว่าการสอบสวนนายเนตร นาคสุข อดีตรองอสส.คดีสั่งไม่ฟ้องนายบอส วรยุทธ อยู่วิทยา จะได้ข้อสรุปภายในวันที่ 31 ก.ค.นี้ตามการให้สัมภาษณ์ของประธาน ก.อ.เมื่อ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา

 

ทำให้กลุ่ม 13 องค์กรต่อต้านการค้ามนุษย์ ที่ยังสงสัยกรณีที่นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด มอบหมายให้นายเนตร เป็นประธานสอบสวนอัยการที่สั่งไม่ฟ้องนางนิภา และธนพล วิระเทพสุภรณ์ ภรรยาและลูกนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครทว่าผลสอบที่นายเนตรเป็นประธานสอบนั้นสรุปว่าอย่างไร เพราะสำนักงานอัยการสูงสุด ปิดเรื่องนี้เงียบมาโดยตลอด ดังนั้น 13 องค์กรฯ จึงจะส่งจดหมายถึงประธานก.อ.ให้สอบสวนนายเนตร ในประเด็นนี้ด้วย โดยส่งจดหมายในวันพรุ่งนี้ 

 

สำหรับรายละเอียดจดหมายร้องเรียนระบุว่า เนื่องด้วยเครือข่ายองค์กรต่อต้านการค้ามนุษย์ 13 องค์กร เคยยื่นเรื่องต่อสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ก.ย.2562 กรณีการสั่งไม่ฟ้องนางนิภา และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ ผู้ต้องหาคดีสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท ซึ่งตามแนวทางการสืบสวนสอบสวน พนักงานสอบสวนดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาหลายราย

 

โดยพบว่าเจ้าของสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรียชีเครทที่แท้จริงคือ นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ นางนิภา วิระเทพสุภรณ์และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ ซึ่งพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สอบสวนและสั่งฟ้องออกหมายจับบุคคลทั้ง 3 แล้วและพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องบุคคลทั้ง 3 ในฐานความผิดค้าประเวณี ค้ามนุษย์ ทั้งในและนอกราชอาณาจักร

 

ต่อมาในระหว่างที่บุคคลทั้ง 3 หลบหนีหมายจับอยู่นั้น นายกำพลฯและพวกดังกล่าวซึ่งยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ร้องขอความเป็นธรรมพร้อมกันทั้ง 3 คน ปรากฎว่าประมาณเดือนสิงหาคม 2562 ทราบว่า อัยการสูงสุด หรือตัวแทนได้มีคำสั่งกลับคำสั่งเดิมในรายของนางนิภา ฯและนายธนพล ฯ จากคำสั่งฟ้องเป็นสั่งไม่ฟ้องคดี

 

ซึ่งในช่วงเวลานั้นเครือข่ายองค์กรต่อต้านการค้ามนุษย์ กลุ่มพิทักษ์สิทธิเด็กและสตรี องค์กรและมูลนิธิที่ทำงานด้านสิทธิสตรี ได้มีหนังสือขอสอบถามอัยการสูงสุด นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ ว่า เหตุใดอัยการพิเศษฝ่ายคดีค้ามนุษย์ ผู้รับผิดชอบในคดีนี้ จึงมีดุลพินิจในการสั่งไม่ฟ้องนางนิภาฯ และนายธนพลฯ ซึ่งในส่วนนี้โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเคยแถลงว่ากรณีของนายกำพลฯ ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ นั้น

 

ประกอบกับในเวลาต่อมาสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี แจ้งไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตรวจสอบการใช้ดุลพินิจขององค์กรอัยการในการพิจารณาสั่งไม่ฟ้องคดีนางนิภาฯและนายธนพลฯซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ดำเนินการแต่งตั้งอธิบดีอัยการฝ่ายวิชาการ เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จ 

 

แต่ต่อมาทราบภายหลังว่านายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ได้ดึงเรื่องกลับมาและตั้งนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งการ

 

และทราบจากหนังสือที่ อส๐๐๐๕ (คก ๑)1080 ลงวันที่ 12 พ.ค. 2564 สำนักงานคณะกรรมการอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด แจ้งความคืบหน้ามาที่ประธานกรรมการมูลนิธิรณสิทธิ์ ซึ่งเป็น 1 ในเครือข่าย 13 องค์กรฯ เรื่องขอทราบความคืบหน้าในการตรวจสอบการใช้ดุลพินิจในการสั่งคดีของพนักงานอัยการ ว่า ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เสร็จสิ้นแล้ว

 

และสำนักงานอัยการสูงสุด ได้รายงานผลให้สำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรีทราบ เมื่อวันที่ 5 ม.ค.2564 จึงเป็นเหตุสงสัยว่าการสรุปอย่างรวบรัดหรือไม่เพราะไม่เคยเรียกฝ่ายผู้ร้องไปให้ถ้อยคำเบื้องต้นเพียงครั้งเดียว ยังไม่ได้แสดงหลักฐานเอกสารใด ๆ ประกอบเลย

 

ดังนั้น เครือข่ายองค์กรต่อต้านการค้ามนุษย์ 13 องค์กร จึงสงสัยตัวนายเนตร นาคสุข ประธานกรรมการสอบสวนเหตุที่ไม่สั่งฟ้องนางนิภาฯ และนายธนพลฯ ซึ่งก็เป็นบุคคลเดียวกันกับที่สั่งไม่ฟ้องนายบอส วรยุทธ อยู่วิทยา ที่ ท่านประธาน ก.อ. กำลังสอบสวนเรื่องการใช้ดุลยพินิจของนายเนตร นาคสุข ในคดีสั่งไม่ฟ้องนายบอส วรยุทธ อยู่ในเวลานี้

 

ท่านในฐานะประธานคณะกรรมการอัยการคนใหม่ มีนโยบายอำนวยความเป็นธรรมและต้องการกำจัดขยะใต้พรม ในสำนวนการสอบสวนทางวินัยของพนักงานอัยการ จึงขอให้ท่านได้โปรดมีคำสั่งให้มีการตรวจสอบ กรณีการสั่งไม่ฟ้องนางนิภาฯ และนายธนพลฯ และให้ตรวจสอบกรณีการมีคำสั่งตามหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของนายกำพลฯ ว่า ดำเนินการไปถึงไหน อย่างไร

และขอทราบผลสอบสวนชุดที่นายเนตร นาคสุข เป็นประธาน เพื่อจะได้ขจัดข้อสงสัยและความเคลือบแคลงของประชาชนและสังคมที่กังวลว่าอาจมีการกระทำการโดยมิชอบในการสั่งคดีภายในสำนักงานอัยการสูงสุด

 

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ หากผลการดำเนินการเป็นอย่างไร กรุณาแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป