ข่าว

"นายกฯ"สั่งยกระดับ "โรงพยาบาลสนาม"รองรับผู้ป่วย"สีเหลือง"-"แดง"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"นายกฯ"สั่งเตรียมยกระดับ"โรงพยาบาลสนาม"ให้สามารถรองรับผู้ป่วย"สีเหลือง"และ"สีแดง"ให้มากขึ้นและเร่งจัดตั้ง"โรงพยาบาลสนาม"เพิ่มขึ้นเพื่อรับผู้ป่วยไวรัส"โควิด-19"

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประชุมติดตามการบริหารจัดการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงการบริหารจัดการโรงพยาบาลสนาม พร้อมรับฟังปัญหาและอุปสรรคการทำงานเพื่อนำไปสู่แนวปฏิบัติที่เหมาะสมต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน

 

โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา  รมว.มหาดไทย ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้แทนโรงพยาบาลสนามจากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงกลาโหมและกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมหารีอด้วย

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในทุกส่วนทั้งการบริหารสถานการณ์ให้เหมาะสมกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น การจัดสรรบุคลากร และการบริหารจัดการสถานที่ต่าง ๆ ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลให้ทุกฝ่ายได้เห็นภาพรวมและขับเคลื่อนไปด้วยกันทั้งนี้ได้มีข้อสรุปในเบื้องต้นว่า

 

1. เร่งจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นเพื่อรับผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 ที่มีอาการให้เข้าถึงการรักษาและสถานพยาบาลให้มากและเร็วที่สุด 

 

2. เพิ่มขีดความสามารถโรงพยาบาลสนามที่มีอยู่ในขณะนี้ ให้สามารถรองรับผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดงให้มากขึ้น

 

3.เห็นชอบแนวทางการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน(Home Isolation-HI)และการดูแลผู้ป่วยในชุมชน (Community Isolation - CI) อย่างเป็นระบบโดยจัดให้มีทีมแพทย์คอยติดตามอาการ  ชุดเวชภัณท์และยาที่จำเป็นเพี่อคัดแยกผู้ป่วย ลดการแพร่เชื้อภายในครอบครัวและชุมชน

 

สำหรับผู้ป่วยที่สามารถกักตัวที่บ้านได้(HI)จะมีการจ่ายยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดออกซิเจน สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้จะนำส่งศูนย์พักคอยหรือ(CI) ซึ่งกรุงเทพมหานครจะได้จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อให้ครบทั้ง 50 เขต

 

4.มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาร่วมช่วยเหลือ สำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย รวมถึงการจัดส่งอาหารและยาให้ผู้ติดเชื้อที่รักษาตัวที่บ้านและที่ชุมชนในแต่ละวันอย่างต่อเนื่อง

 

5.ให้รัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยประสานผู้ป่วยกลับไปรักษาตัวในภูมิลำเนาได้ตามมาตรการสาธารณสุขที่กำกับการเคลื่อนย้ายทุกขั้นตอนเพี่อลดปัญหาการได้เข้ารับการรักษาในพื้นที่ กทม.ที่มีข้อจำกัดเรื่องเตียง

 

6.สนับสนุนทีมปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 เชิงรุก (Comprehensive Covid-19 Response Team) หรือ CCRT อย่างต่อเนื่องโดยจะดำเนินการลงพื้นที่ทั้ง 50 เขตเพื่อตรวจคัดกรองเชิงรุกค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในชุมชนให้ครอบคลุมและทั่วถึงเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 โดยเร็วที่สุด

 

7.ปรับปรุงระบบการรับเรื่องผ่านโทรศัพท์สายด่วนต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันให้สามารถประสานข้อมูลร่วมกันเพื่อนำผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว

 

นายกรัฐมนตรี ยังได้ย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสารโดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์ในระดับพื้นที่เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่เป็นจริง ควบคู่ไปพร้อมกับการเดินหน้าจัดหาวัคซีนให้มากที่สุดเพื่อเร่งฉีดให้กับประชาชนโดยเร็วโดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงซึ่งในขณะนี้ในพื้นที่ กทม. ได้มีการฉีดวัคซีนเกินกว่าร้อยละ 50 ของประชากรแล้ว

 

นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้ให้การสนับสนุน การทำงานในทุกมิติเพื่อดูแลรักษาผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้พร้อมขอเป็นกำลังใจให้แพทย์ บุคลากรด้านสาธารณสุข และคนทำงานจากทุกหน่วยงานที่ร่วมใจดูแลผู้ป่วยอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย

 

โดยนายกรัฐมนตรียินดีและพร้อมรับฟังปัญหาและอุปสรรค เพี่อจะได้ร่วมช่วยหาวิธีแก้ไขและนำไปสู่แนวทางที่เหมาะสมในการทำงานของทุกหน่วยงาน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ