ข่าว

"โรม"ชี้ชัดแก้ รธน.แบบพลังประชารัฐคือมหากาพย์"'กินรวบประเทศ "

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"โรม"ชี้ชัด"แก้ รธน.แบบพลังประชารัฐ"คือ มหากาพย์"กินรวบประเทศ"บทใหม่ ย้ำแก้ ม.272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว.คือประเด็นเดียวเท่านั้นใน รธน.ที่ต้องทำให้เด็ดขาด  เรียกร้องประเด็นอื่นค่อยไปว่ากันต่อใน สสร. ]  

"รังสิมันต์ โรม"ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายญัตติการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยระบุว่าญัตตินี้มีตัวตั้งตัวตีหลักในการริเริ่มคือพรรคพลังประชารัฐเมื่อได้อ่านเนื้อหาและพิจารณาถึงบริบทแวดล้อมแล้ว บอกได้ว่าเป็นบทใหม่ของมหากาพย์แผนกินรวบประเทศไทยเพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการทำให้ประชาชนตัวหดลีบเล็กที่สุดต้องอยู่อย่างไม่มีศักดิ์ศรีทั้งที่เป็นเจ้าของอำนาจตัวจริงของประเทศนี้การรัฐประหารเมื่อปี 2549ได้ทำลายรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเปลี่ยนองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญให้ขาดหายจากการยึดโยงกับประชาชนตั้งคนของตัวเองเข้าไปใช้อำนาจกวาดล้างทำลายบรรดาผู้แทนราษฎรฝ่ายตรงข้ามสร้างบรรยากาศทางการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นเองแล้วเอามาผ่านประชามติจอมปลอมที่ทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่สามารถบริหารประเทศได้ค่อยๆรุกคืบผ่านการยุบพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามจากนั้นก็เชื้อเชิญบางกลุ่มก้อนในพรรคนั้นให้เข้ามุ้งของตัวเองจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารทำลายขบวนการประชาชนแม้มีรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยก็ค่อยๆใช้กฎหมายบั่นทอนให้อ่อนแอ และสร้างสถานการณ์ไปสู่การรัฐประหารอีกครั้งเมื่อปี 2557


รังสิมันต์ กล่าวต่อว่าเมื่อยึดอำนาจแล้วก็รวบหัวรวบหางข้าราชการ รวมศูนย์กลุ่มทุนต่างๆ ให้มาสนับสนุนตัวเอง สร้างความเหลื่อมล้ำทำประชาชนยากแค้นเพื่อให้เหลือความหวังกับแค่เศษเงินที่รัฐบาลโยนลงไปจากนั้นก็ดูดบรรดาอดีตส.ส.หัวคะแนนของพรรคตรงข้ามให้มาเป็นพวกเมื่อตัวเองพร้อมก็จัดเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญที่ร่างใหม่แล้วเอามาลงประชามติจอมปลอมอีกครั้งโดยใช้เครื่อข่ายอำนาจและอิทธิพลต่างๆที่สั่งสมมาเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองหนำซ้ำยังแผ่กิ่งก้านสาขาผ่านการดึงพวกพ้องน้องพี่ให้มาดำรงตำแหน่งต่างๆเพื่อเป็นหลักประกันให้รัฐบาลต่อมาบริหารประเทศไปสักระยะก็ตีความกฎหมายให้พวกตนถูกเสมออีกฝ่ายผิดเสมอทำแบบนี้ไปเรื่อยๆเพื่อที่ฝ่ายเผด็จการจะสถาปนาระบอบประยุทธ์ได้อย่างใจปรารถนาจะได้ไม่มีใครมาตั้งคำถามเรื่องตั๋วช้างจะได้ไม่มีใครมาตั้งคำถามเรื่องวัคซีนจะได้ไม่มีใครมาแฉเรื่องไอโอจะได้ไม่มีใครมาเสนอกฎหมายยกเลิกเกณฑ์ทหารหรือกฎหมายแก้ไขมาตรา112 จะได้ไม่มีใครมาตั้งคำถามเรื่องงบประมาณของกองทัพและงบประมาณที่ใช้เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์อีกต่อไป 
รังสิมันต์ ระบุว่าสาเหตุที่ไล่เรียงมาทั้งหมดก็เพื่อให้เห็นแผนการใหญ่ของฝ่ายเผด็จการแม้หลายเดือนที่ผ่านมาได้มีความพยายามหยุดยั้งความชั่วร้ายผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256และตั้ง ส.ส.ร.เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แต่สุดท้ายก็เกิดการล้มกระดานโดยตัวการไม่ใช่คนอื่นคนไกลคือส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐและส.ว.250 คนซึ่งบุคคลเหล่านี้ไม่อยากเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้นสิ่งที่พวกเขาต้องการจริงๆคือการแก้รัฐธรรมนูญเฉพาะบางมาตราที่หมดประโยชน์กับตัวเองเท่านั้น
“สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ตัวเองได้เข้ามามีอำนาจวาสนาก็เลือกกอดมันไว้อย่างนั้นไม่สนว่ามันจะทำลายหลักการประชาธิปไตยทำลายเสียงของประชาชนทำลายคุณค่าที่สังคมยึดถือไว้ไปแล้วขนาดไหนหลังจากคว่ำการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่สำเร็จพรรคพลังประชารัฐก็เดินหน้าแผนกินรวบต่อทันทีด้วยการเสนอแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราคัดมาเน้นๆตบแต่งเพื่อหลอกให้คนอื่นเชื่อว่านี่คือทางออกว่านี่คือการแก้วิกฤตแล้วนี่คือการกลับสู่ระบบดีระบอบเดิมที่เราคุ้นเคยทุกอย่างดูดีไปหมดแต่ต้องไม่ลืมว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ใช่พรรคการเมืองทั่วไปแต่เป็น‘แม่น้ำ’สายหนึ่งของฝ่ายคสช.ที่ไหลบ่าเข้ามายังสภาผู้แทนราษฎรซึ่งยังมีแม่น้ำอีกหลายสายหลายสาขาที่ไหลมารวมกันเพื่อออกไปสู่ทะเลแห่งการสืบทอดอำนาจและการที่แม่น้ำสายพลังประชารัฐขยับเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ขยับแค่สายเดียวแม่น้ำสายอื่นก็เตรียมขยับตามรัฐธรรมนูญที่จะถูกแก้เพื่อเข้าสู่บทใหม่ของการสืบทอดอำนาจด้วยเช่นกัน” 
 รังสิมันต์ ย้ำว่า การพิจารณาญัตติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มากถึง13 ญัตติในหลากหลายประเด็น พรรคก้าวไกลเห็นว่าประเด็นไหนที่สำคัญที่สุดจำเป็นเร่งด่วนที่สุดและต้องแก้ให้ได้โดยเด็ดขาดมีประเด็นเดียวคือการยกเลิกอำนาจของ ส.ว. ที่จะลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีตามมาตรา272ซึ่งพรรคก้าวไกลได้ลงชื่อในญัตติดังกล่าวร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆ
 “ต้องยอมรับความจริงว่าส.ว.250คนชุดนี้คือกลไกการสืบทอดอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ การที่ผู้ใดจะมีความชอบธรรมในการเลือกนายกรัฐมนตรีผู้ที่จะเลือกนั้นจะต้องได้รับมอบอำนาจจากประชาชนด้วยซึ่งพวกท่าน ส.ว.หามีไม่ มากไปกว่านั้นการมี ส.ว.ที่มาจากการเลือกโดยคสช.และมีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีแบบนี้ยังเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตามที่ประชาชนปรารถนาเพราะแม้ประชาชนจะอยากเห็นนายกรัฐมนตรีเป็นคนอื่นแต่หากส.ว.ไม่ยอมให้ประชาชนก็ยังต้องทนอยู่กับนายกรัฐมนตรีคนเดิมมาตรา 272 จึงเป็นการแช่แข็งประเทศไทยไม่ให้ไปข้างหน้า”
รังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า ส.ว.ชุดนี้ได้ใช้อำนาจที่ตัวเองมีทำลายความรู้สึกและความหวังของคนรุ่นใหม่และพี่น้องประชาชนชาวไทยที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองในหลายครั้งไม่ว่าจะโดยการอภิปรายที่ตีตราผู้ที่ออกมาเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองให้เป็นศัตรูการคว่ำร่างแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตั้ง ส.ส.ร.ไปจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จนประชาชนนึกไม่ออกว่าแบบนี้จะมี ส.ว.เอาไว้ทำไม ทำไมถึงต้องยอมเสียเงินภาษีเดือนละกว่า 28 ล้านบาทเพื่อให้‘เฒ่าหลวง’ กลุ่มนี้ขึ้นมาขี่คอประชาชน อวดดีว่าตัวเองเลือกผู้นำได้เก่งกว่าประชาชน
 วันนี้ข้อเสนอของสังคมกำลังไปไกลกว่าแค่ยกเลิกมาตรา 272 แล้วอาจจะคิดไปถึงการยุบส.ว.และเปลี่ยนไปสู่ระบบสภาเดี่ยวก็เป็นไปได้การยกเลิกมาตรา 272 จึงเป็นประตูแรกที่จะออกจากอำนาจเผด็จการที่กำลังปิดล้อมประชาชนหากเปิดประตูบานแรกสำเร็จหนทางสู่การจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนก็ไปต่อได้แต่ก็อย่างที่คาดหมายได้ร่างแก้รัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐไม่มีเรื่องนี้ แต่ต้องการแก้บางมาตราให้เป็นไปตามแผนการรวบอำนาจของคสช.เท่านั้น
“อย่างระบบเลือกตั้งที่เป็นเหยื่อล่อเพื่อเชื้อเชิญให้เปิดประตูเมืองต้อนรับม้าไม้เมืองทรอยรู้นะว่าคิดอะไรกันอยู่จะเปลี่ยนเขตเลือกตั้งก็เพราะต้องการให้ กกต.ขีดเส้นแบ่งเขตใหม่ใช่ไหมกกต.ชุดนี้ถูกเซ็ตซีโร่แล้วตั้งขึ้นมาใหม่ในยุคคสช. มื่อปี 2561 และในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาก็ได้เห็นสารพัดผลงานทั้งบัตรเขย่งทั้งบัตรต่างประเทศส่งไม่มาทันเวลานับทั้งสูตรคำนวณพิสดารทั้งความพยายามเอาผิดพรรคการเมืองแบบเลือกข้างเลือกฝ่ายสารพัดความไม่โปร่งใสและไร้มาตรฐานขีดเส้นแบ่งเขตเลือกตั้งแบบพิศดารเพื่อเอื้อให้พรรคการเมืองบางพรรคได้ประโยชน์ ตัวอย่างเช่นในหลายจังหวัดมีการแบ่งเอาพื้นที่ที่แทบไม่ติดต่อกันเลยจะไปมาหาสู่กันต้องอ้อมผ่านเขตอื่นไปยัดเยียดให้มาเป็นเขตเดียวกันจนได้ถามว่าทำแบบนี้เอื้อประโยชน์ใคร ประชาชนได้ประโยชน์อะไรจากการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบนี้”
รังสิมันต์ย้ำว่าเคารพในการตัดสินใจของประชาชนแต่ต้องยอมรับด้วยว่ากระบวนการบิดเบือนเสียงของประชาชนมีอยู่จริงซึ่งได้เกิดขึ้นแล้วผ่านบรรดากลไกต่างๆที่สร้างกันขึ้นมาตั้งแต่ยุค คสช.หรือบางเรื่องที่เสนอเข้ามาก็เป็นแค่แก้เพื่อโกงมาตรา 185 ยกเลิกข้อห้าม ส.ส. กับ ส.ว.แทรกแซงก้าวก่ายการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐและการไปร่วมใช้จ่ายงบประมาณหรืออนุมัติโครงการต่างๆ มาตรา 144 ยกเลิกการลงโทษ ส.ส.และ ส.ว. ที่ไปแปรญัตติเพิ่มงบประมาณหรือเพิ่มรายการงบประมาณ เท่ากับต่อจากนี้จะแทรกแซงจะก้าวก่ายก็เชิญถ้าโดนจับได้ว่าแอบโยกงบเข้าพื้นที่หรือกลุ่มของตัวเองก็ไม่ว่าทีหลังไปทำให้แนบเนียนขึ้นอย่างนั้นใช่หรือไม่ไม่เอาแล้วหรือกับคำว่ารัฐธรรมนูญปราบโกงที่อวดอ้างกันนักกันหนา
 เรื่องการแก้ในเรื่องสิทธิเสรีภาพมีแต่เพียงการแต่งเติมในรายละเอียดปลีกย่อยทั้งๆที่‘ระบอบประยุทธ์’ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากที่สุดหากเรามีรัฐธรรมนูญที่เคารพต่อเสียงของประชาชน ยกอำนาจของประชาชนและสถาบันที่ยึดโยงกับประชาชนให้เป็นใหญ่ปราศจากกลไกการสืบทอดอำนาจเผด็จการ สิทธิเสรีภาพในรายละเอียดปลีกย่อยเหล่านั้นย่อมได้รับการคุ้มครองอยู่แล้วแต่หากการแก้รัฐธรรมนูญยังเป็นแบบที่พรรคพลังประชารัฐเสนอมายังแก้รายมาตราเพื่อการสืบทอดอำนาจของตัวเองต่อให้แก้เรื่องสิทธิเสรีภาพให้ดูสวยงามเพียงใดเมื่อประชาชนออกมาใช้สิทธิเสรีภาพออกมาตั้งคำถามคัดค้าน วิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอำนาจสุดท้ายพวกเขาเหล่านั้นก็จะยังคงถูกข่มขู่คุกคาม ถูกกราดฟ้องสารพัดคดี ถูกปฏิเสธสิทธิในฐานะผู้บริสุทธิ์อย่างที่เคยเป็นมาอยู่ดีการแก้ในเรื่องปลีกย่อยเหล่านี้จึงไม่ต่างอะไรจากไม้ประดับที่คอยหลอกตาประชาชน บดบังไม่ให้เห็นกาฝากที่เป็นใจกลางของปัญหาคอยสูบกินการเมืองไทยต่อไปไม่รู้จบสิ้นเชื่อว่าทุกคนในสภาแห่งนี้ต่างรู้ดีว่าที่ทำกันอยู่ในวันนี้ที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหลายฉบับหลายมาตรามันไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรเป็นแค่เพียงการปรับแต่งรัฐธรรมนูญพ.ศ.2560ให้กลายพันธุ์ให้ดูดีดูน่าคบหาถามจริงๆว่าจะเล่นปาหี่กันแบบนี้อีกนานไหม
“ผมและพรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้ทุกคนกลับมาสู่แนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับในวันนี้ที่ร่างพ.ร.บ.ประชามติ ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาและเตรียมประกาศใช้แล้วนั้นพรรคก้าวไกลเห็นว่าหนทางหนึ่งในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่รวดเร็วและตรงไปตรงมาที่สุดคือการจัดทำประชามติเพื่อถามประชาชนกันไปเลยว่าต้องการยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560และจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยส.ส.ร.ที่ได้รับเลือกจากประชาชนหรือไม่หากประชาชนเห็นชอบก็จะได้ไม่เหลือข้ออ้างอะไรให้ต้องมาหาเรื่องขัดขวางกันอีกรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะจัดทำต้องไม่ใช่การพาประเทศไทยกลับไปที่เดิมแต่ทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าอยากให้รับรองสิทธิเสรีภาพไว้อย่างไรตลอดจนระบบเลือกตั้งจะเอากันอย่างไร ให้ไปว่ากันในเวที ส.ส.ร.
“เลิกเสียทีกับการพยายามจำกัดเนื้อหาไม่ให้จัดทำในหมวด1และหมวด2อันเป็นการไม่เคารพต่อเจตจำนงของประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ประชาชนจะเขียนในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ก็ให้พวกเขาได้รณรงค์และหาข้อสรุปด้วยตัวเองสำหรับญัตติแก้รัฐธรรมนูญในครั้งนี้พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาร่วมกันเห็นชอบกับการยกเลิกมาตรา272 ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่สุดเฉพาะหน้าในการทลายการสืบทอดอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ และหากปรากฎว่าในท้ายที่สุดญัตติยกเลิกมาตรา 272เพื่อยกเลิกอำนาจส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรีถูกคว่ำลงอีกครั้งก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าละครฉากนี้ที่มีนักแสดงค่าตัวแพงทั้งหลายในห้องนี้เป็นแค่เพียงละครปาหี่ต่อพี่น้องประชาชนเพื่อกินรวบอำนาจของประชาชนทั้งกระดานเท่านั้นเอง”
สุดท้ายรังสิมันต์ย้ำว่าพอได้แล้วหรือไม่กับการยอมให้ทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเลิกเล่นตามเกมของผู้ที่ไม่เคยศรัทธาในประชาธิปไตย แล้วหันมาเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญในแบบที่ประชาชนได้เป็นผู้กำหนด และได้รับประโยชน์สูงสุดจริงๆ หยุดทำตัวเป็นหางเครื่องค่าตัวหลักแสนให้กับละครสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และฝ่ายเผด็จการ คสช. เสียที

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ