"อนุทิน"บอก"หนูเปล่านะเขามาเอง"หลังลือดูด 4 ส.ส.ก้าวไกลมาเสริมทัพ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวดึง ส.ส.พรรคก้าวไกล เข้ามาอยู่กับพรรค ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ก็รอดูแล้วกัน แต่ถ้ามีอุดมการณ์เดียวกัน ความคิดความอ่านและเป้าหมายทางการเมืองเดียวกัน ทุกอย่างก็มีความเป็นไปได้ ส่วนที่ถามว่าจะ welcome หรือไม่ ก็ตอบได้ว่า ถ้าจะมาเราก็ wellcome ส่วนไหนที่ไม่พอใจ ก็ welgo พรรคเราตรงไปตรงมา 

เมื่อถามว่า สรุปพรรคภูมิใจไทยไปดูด ส.ส. 4 คน จริงหรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า “หนูเปล่านะเขามาเอง”

ส่วนกรณีนายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล มานั่งเก้าอี้ฝั่งพรรคภูมิใจไทยนั้น นายอนุทิน บอกว่า นายคารม แจ้งไปยังเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแล้วว่า ไม่มีที่นั่งในฝั่งพรรคก้าวไกล จึงมานั่งกับพรรคภูมิใจไทย 

สำหรับการแก้รัฐธรรมนูญในส่วนของภูมิใจไทยนั้น ทางพรรคก็มีร่างของพรรคอยู่ เอาไว้ถึงเวลาก่อน เชื่อว่าไม่มีปัญหา พร้อมทุกรูปแบบ และย้ำว่าพรรคสนับสนุนการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว เสนอมาก็จะโหวตใบเดียว แพ้ชนะค่อยว่ากัน

ส่วนจะแตะเรื่องอำนาจ ส.ว. หรือไม่ นายอนุทิน บอกว่า กว่าจะแก้รัฐธรรมนูญเสร็จ ก็คงใกล้จบพอดีเพราะ ส.ว.ในบทเฉพาะกาลระบุไว้ 5 ปี ถ้าแก้รัฐธรรมนูญคาดว่าเป็นปี ดังนั้นเรื่องอะไรที่ไม่ใช่เวลาคิด ก็ยังไม่คิด การเมืองเปลี่ยนตลอด ตอนนี้คิดอย่างเดียวทำอย่างไรให้วัคซีนเพียงพอและเกิดประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ คารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ, ขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี, พีรเดช คำสมุทร ส.ส.เชียงราย และเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย ได้โหวตหนุนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯปี 2565 สวนมติพรรคก้าวไกล ที่ให้คว่ำร่างงบประมาณฯ
ทุกวันนี้ ส.ส. 4 คน ลงพื้นที่ ไม่ได้ใช้ชื่อพรรคก้าวไกล ต่างแสดงตัวในฐานะผู้แทนราษฎร ทำงานรับใช้ชาวบ้าน ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ไม่ได้แสดงตัวว่าอยู่สังกัดพรรคการเมืองใดในทางนิตินัย
    

นับแต่ประกาศแหกค่ายสีส้ม“ทนายคารม”เป็นคนเดียวในกลุ่ม 4 ส.ส. ที่เปิดหน้าให้สัมภาษณ์สื่อ อธิบายความเรื่องต่างๆ และตอบโต้ผู้ที่มาตราหน้าพวกเขาว่าเป็น “งูเห่า” ทรยศอุดมการณ์
    

“คารม” มีบทบาททนายความช่วยเหลือคนเสื้อแดงมาแต่ปี 2553 ทั้งคดีสลายการชุมนุม และคดี ม.112 เขาจึงได้ฉายาว่า “ทนายเสื้อแดง” ซึ่งเป็นหน้าที่และภารกิจเชิงอุดมการณ์ต่อสู้เพื่อมวลชน 
    

ย้อนไปช่วงพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ได้มีกระแสข่าวคารม อาจจะไม่ไปร่วมงานกับพรรคก้าวไกล ซึ่งตอนนั้น ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ 9 คน ย้ายไป สังกัดพรรคภูมิใจไทย เมื่อแกนนำค่ายสีส้มเกลี้ยกล่อม ทนายคารมก็ไม่ทิ้งพรรคก้าวไกล
    

จุดเปลี่ยนที่ทนายเสื้อแดงตัดสินใจย้ายขั้ว เมื่อพรรคก้าวไกล ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาการแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 คารมไม่เห็นด้วยเรื่องดังกล่าว และยกมือสวนมติพรรคในสภาฯ

ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย จนถึงพรรคเพื่อไทย คารมได้เป็นสมาชิกพรรคของทักษิณ และมีความพยายามจะลงสมัคร ส.ส.ที่นนทบุรี และร้อยเอ็ด แต่ก็ไม่มีที่ทางให้เขาลงสนามได้ จึงรอมาจนถึงวันที่พรรคอนาคตใหม่ได้ให้โอกาสเขา
    

ทนายคารม ก็เหมือนคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย แต่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดปฏิรูปสถาบันฯ ด้านหนึ่ง คารมเป็นนักการเมืองมาก่อนจะเป็นทนายเสื้อแดง เคยลงสมัคร ส.ส.นนทบุรี เขต 2 พรรคพลังธรรม ยุคทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง

 

นับแต่ประกาศแหกค่ายสีส้ม“ทนายคารม”เป็นคนเดียวในกลุ่ม 4 ส.ส. ที่เปิดหน้าให้สัมภาษณ์สื่อ อธิบายความเรื่องต่างๆ และตอบโต้ผู้ที่มาตราหน้าพวกเขาว่าเป็น “งูเห่า” ทรยศอุดมการณ์
    

“คารม” มีบทบาททนายความช่วยเหลือคนเสื้อแดงมาแต่ปี 2553 ทั้งคดีสลายการชุมนุม และคดี ม.112 เขาจึงได้ฉายาว่า “ทนายเสื้อแดง” ซึ่งเป็นหน้าที่และภารกิจเชิงอุดมการณ์ต่อสู้เพื่อมวลชน 
    

ย้อนไปช่วงพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ได้มีกระแสข่าวคารม อาจจะไม่ไปร่วมงานกับพรรคก้าวไกล ซึ่งตอนนั้น ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ 9 คน ย้ายไป สังกัดพรรคภูมิใจไทย เมื่อแกนนำค่ายสีส้มเกลี้ยกล่อม ทนายคารมก็ไม่ทิ้งพรรคก้าวไกล
    

จุดเปลี่ยนที่ทนายเสื้อแดงตัดสินใจย้ายขั้ว เมื่อพรรคก้าวไกล ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาการแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 คารมไม่เห็นด้วยเรื่องดังกล่าว และยกมือสวนมติพรรคในสภาฯ

ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย จนถึงพรรคเพื่อไทย คารมได้เป็นสมาชิกพรรคของทักษิณ และมีความพยายามจะลงสมัคร ส.ส.ที่นนทบุรี และร้อยเอ็ด แต่ก็ไม่มีที่ทางให้เขาลงสนามได้ จึงรอมาจนถึงวันที่พรรคอนาคตใหม่ได้ให้โอกาสเขา
    

ทนายคารม ก็เหมือนคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย แต่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดปฏิรูปสถาบันฯ ด้านหนึ่ง คารมเป็นนักการเมืองมาก่อนจะเป็นทนายเสื้อแดง เคยลงสมัคร ส.ส.นนทบุรี เขต 2 พรรคพลังธรรม ยุคทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง

ชั่วโมงนี้ ทนายคารมเดินสายทั่วร้อยเอ็ด พร้อมกับสร้างพันธมิตรกับนักการเมืองท้องถิ่น โดยไม่มีเรื่องพรรคมาเกี่ยวข้อง