ข่าว

"หมอชลน่าน"เตรียมยื่นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังพบ"พ.ร.ก.กู้เงิน"ผิด กม.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"หมอชลน่าน"เตรียมหารือฝ่าย กม.ทำคำร้องยื่นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังพบ พ.ร.ก.กู้เงิน ผิด กม.หลายกรณี เร่งยื่นแก้ รธน.ให้เร็วที่สุดในแนวทางเดิม

"หมอชลน่าน"เตรียมหารือฝ่าย กม.ทำคำร้องยื่นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังพบ พ.ร.ก.กู้เงิน ผิด กม.หลายกรณีเร่ง ยื่นแก้ รธน.ให้เร็วที่สุดในแนวทางเดิม ชี้สัญญาณยุบสภาสอดคล้องกับที่ รบ.เร่งดันร่างแก่ รธน.ฉบับ พปชร. เข้า 22 มิ.ย.นี้

ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ระบุถึงการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทว่า ในการอภิปรายครั้งนี้เนื้อหาการอภิปรายในรัฐบาลประกาศชัดว่าสนับสนุนแต่มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะโดยเฉพาะความสามารถในการนำเม็ดเงินไปใช้แก้ปัญหาเพราะเป็นการเปรียบเทียบกับเม็ดเงินในครั้งแรกในการแก้ปัญหาด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจที่สะท้อนว่าแก้ไม่ตรงจุดและไม่สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ 
 

ขณะที่ฝ่ายค้านมีความชัดเจนตั้งแต่ก่อนลงมติว่าไม่อนุมัติ พ.ร.ก.ฉบับนี้ โดยมีเหตุผลเหตุเกี่ยวกับ รัฐธรรมนูญและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยฝ่ายค้านเห็นว่าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการกู้เงินเพราะดูจากเมื่อดูจาก พ.ร.ก.กู้เงินฉบับแรก พบว่ามีส่วนน้อยที่ถูกเบิกไปใช้ด้านสุขภาพและสาธารณสุข โดยเบิกไปแค่ 21% ซึ่งหากเป็นเรื่องเร่งด่วนจริงต้องใช้จะต้องถูกใช้ใน 6 เดือนแรกอย่างน้อยกึ่งหนึ่ง เพื่อยับยั้งการระบาดและจัดหาวัคซีน

ประเด็นต่อมาคือกรอบวินัยการเงินการคลัง เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่าเงินที่ให้กู้ไปหากคำนวณโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงกรอบการเงินการคลัง เหตุผลสำคัญคือการไม่สามารถใช้เงิน 1 ล้านล้านบาท แก้ปัญหาการระบาดและฟื้นฟูเศรษฐกิจเม็ดเงินที่กู้ใหม่เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับก้อนแรก ถือว่าน้อยมากหากเทียบกับสถานการณ์ที่ต้องแก้ปัญหาในขณะนี้ ซึ่งตามสถานการณ์จริงอาจต้องใช้ 2 ล้านล้านบาท

ดังนั้นเงิน 5 แสนล้านบาท จึงน้อยมากเหมือนการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เงินก้อนนี้แทบไม่มีประโยชน์เพราะก่อเกิดรายได้น้อยมาก ความสามารถในการบริหารหนี้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องความสามารถในการบริหารเม็ดเงินของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐมนตรี ซึ่งสุดท้ายทุกเหตุผลก็ไม่ได้โน้มน้าวให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเห็นด้วย ยังคงโหวตผ่าน พ.ร.ก.ฉบับนี้

นอกจากนี้ฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ยังกล่าวถึงการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ติดตามการใช้งบประมาณก้อนนี้ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะเห็นว่า กมธ.ที่ติดตามเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ไม่มีประสิทธิภาพจึงเสนอชุดใหม่ขึ้นมา 

ทั้งนี้การกู้เงินครั้งนี้จะเป็นภาระให้คนไทยเพราะเป็นหนี้สาธารณะ ขณะนี้อยู่ที่ 8.5 ล้านล้านบาท หากรวมส่วนนี้ไปจะเป็น 9 ล้านล้านบาทเกินร้อยละ 60

ขณะเดียวกันนายแพทย์ชลน่าน ยังได้กล่าวถึงการยื่นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่า จะยื่นในสมัยประชุมนี้ให้เร็วที่สุด เนื่องจากเป็นนโยบายของพรรคที่ต้องทำและมีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมจากพรรคพลังประชารัฐบรรจุแล้วคาดว่าจะมีการเร่งรัดให้นำร่างดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมสภาให้เร็วที่สุดทราบว่าน่าจะเป็นวันที่ 22 มิถุนายนนี้ 

ซึ่งแนวทางของพรรคเพื่อไทยในการเสนอร่างเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมรายมาตรามีทั้งหมด 5 ร่าง

1.แก้เพิ่มเติมมาตรา 256 ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ

2.ร่างเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพต่างๆ เช่นสิทธิในการร้อง,สิทธิการตรวจสอบถ่วงดุล ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายตุลาการ

3.ร่างเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้ง

4.ร่างแก้ไขมาตรา 159 เกี่ยวกับที่มาของนายกรัฐมนตรีและมาตรา 272 ตัดอำนาจสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ในการเลือกนายกรัฐมนตรี

5.ยกเลิกมาตรา 279 เกี่ยวกับคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)คาดว่าน่าจะยื่นภายในสัปดาห์หน้า 

ขณะที่ร่างพรรคอื่นๆมีความใกล้เคียงกัน แต่ร่างของพรรคพลังประชารัฐ ไม่มีการแก้ไขมาตรา 256 และมีระบบเลือกตั้งแบบบัตร 2ใบแต่เหมือนจะมีการปรับให้เป็นแบบใบเดียวซึ่งก็ต้องดูว่าจะปรับแก้ไขอะไรหรือไม่ 

ส่วนของพรรคเพื่อไทยเสนอให้มีบัตร 2ใบ 400 เขตบัญชีรายชื่อ 100 คน เหมือนรัฐธรรมนูญปี 2540

ทั้งนี้อยากให้ติดตามสถานการณ์เพราะมีสัญญาณว่าอีก 1 ปีอาจจะยุบสภา ซึ่งจะเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่นั้นยังไม่ชัดแต่สอดคล้องกับการเร่งรัดการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากแก้ได้ก็จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายที่เสนอร่างทันทีโดยเฉพาะเรื่องการทำไพรมารี่โหวต 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ