ข่าว

รองโฆษกพรรคพลัง ฟาด "สิระ"  คนฐานรากต้องสะดวก สวนกลับแรมโบ้ "หมอพร้อมหรือวัคซีนไม่พร้อม"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รองโฆษกพรรคพลัง ฟาด "สิระ"  คนฐานรากต้องสะดวก สวนกลับแรมโบ้ "หมอพร้อมหรือวัคซีนไม่พร้อม"

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 เวลา 17.30 น.นายวิสิทธิ์ ใสกระจ่าง รองโฆษกพรรคพลัง กล่าวว่า การลงทะเบียนของประชาชนเพื่อรับบริการรับวัคซีนโดยใช้แพลตฟอร์มระบบออนไลน์ ”หมอพร้อม” อีกทั้งประชาชนสงสัยว่า แพลตฟอร์ม หมอพร้อม แต่วัคซีนไม่พร้อม ทั้งการลงทะเบียนทางระบบออนไลน์ สร้างขั้นตอนยุ่งยาก แม้จะเป็นวิธีการที่ไม่รวมตัวประชาชนหนาแน่นเพื่อป้องกันคลัสเตอร์รอบใหม่ แต่การเข้ารับบริการทางการแพทย์ของรัฐฉีดวัคซีนนั้นมีหลายช่องทางและสะดวกกว่า ประชาชนไม่ต้องลงทะเบียนแพลตฟอร์มออนไลน์ แต่ให้ประชาชนมีถิ่นที่อยู่บริเวณใด ให้ไปฉีดวัคซีนสาธารณสุขใกล้บ้านที่สุด อาทิ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)โรงพยาบาลประจำอำเภอ  โรงพยาบาลประจำจังหวัด หรือสถานที่สาธารณสุขกำหนดไว้ จะเป็นการสะดวก ลดภาระ ลดขั้นตอน ใกล้ที่ไหน ให้ไปที่นั่น ไม่ต้องอ้างอิงฐานทะเบียนราษฎร์  ส่วนที่เกรงว่า จะเป็นการรวมตัวกันจำนวนมาก เห็นว่า สาธารณสุขแต่ละแห่ง แต่ละสถานที่ จะต้องกำหนดคิวแต่ละวัน จะทำให้ประชาชนคนฐานรากเริ่มมีความหวังจะได้รับบริการทางการแพทย์ในโรคระบาดอย่างเท่าเทียม ทั่วถึงมากขึ้น ไม่ใช่สร้างขั้นตอนผ่านระบบแพลตฟอร์ม  เพราะสถานการณ์ระบาดโควิด 19 ระลอก 3 รุนแรง รัฐจะต้องให้ประชาชนเข้าถึงการรับบริการทางการแพทย์ทุกช่องทาง ไม่ใช่เฉพาะช่องทางใดช่องทางหนึ่งเท่านั้น โดยเฉพาะปัญหาคุณภาพของวัคซีนแต่ละยี่ห้อและผลข้างเคียงหรืออาการไม่พึงประสงค์ ประชาชนไม่มีหลักประกันใดว่า หากฉีดแล้วมีผลข้างเคียงจะมีหลักประกันอย่างไร คนฐานรากหรือคนที่มีรายได้น้อยย่อมได้รับผลกระทบตามมา ซึ่งการป้องกันโควิด 19 ต้องให้ประชาชนฐานรากเข้าถึงวัคซีนให้เร็วที่สุดและไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ดังจะเห็นได้จากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 47 บัญญัติว่า”บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ”  วรรคสอง บุคคลผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายบัญญัติ และวรรคสุดท้ายที่ว่า”บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย” ซึ่งรัฐต้องให้ประชาชนรับวัคซีนอย่างรวดเร็ว ฟรี และไม่สร้างขั้นตอน หากเทียบเคียงกับในต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ระบบสากล ไม่มีการลงทะเบียนล่วงหน้า สามารถรับวัคซีนที่ใกล้ที่สุด ประชาชนจะเข้าถึงวัคซีน 100% อย่างทั่วถึง ทุกพื้นที่ของประเทศ

นายวิสิทธิ์ ใสกระจ่าง รองโฆษกพรรคพลัง กล่าวว่า  แต่ภาครัฐส่วนกลางรวมทั้งกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนจองรับการฉีดวัคซีนในแอ็พพลิเคชั่น “หมอพร้อม” ก่อนหน้านี้ เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปได้ลงทะเบียนไว้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นมาและกำลังจะเปิดให้บุคคลทั่วไปที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปถึงอายุ 59 ปีในวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 นั้น กลับมีประชาชนผู้สนใจเข้าลงทะเบียนเพื่อจองคิวน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มอายุ 60 ปีขี้นไปประมาณ 16 ล้านคนทั่วประเทศซึ่งกลุ่มคนที่ลงทะเบียนไปแล้วนั้นก็คือ คนเดียวกับที่จังหวัด อำเภอ ได้จัดเตรียมไว้แล้วนั่นเอง แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กลับออกมาให้สัมภาษณ์ว่าหากวัคซีนเข้าถึงประเทศไทยเมื่อใดต้องให้บุคคลที่ลงทะเบียนในแอ็พพลิเคชั่นหมอพร้อมได้รับการฉีดวัคซีนก่อนคนอื่นๆ ส่อให้เห็นว่าการบริหารจัดการเรื่องวัคซีนของภาครัฐส่วนกลางกับส่วนท้องถิ่นไปคนละทิศละทางกันทั้งๆที่ประชาชนที่รอรับการฉีดวัคซีนที่ลงทะเบียนไว้กับแพตตฟอร์มออนไลน์ หมอพร้อม ของกระทรวงสาธารณสุขก็คือ คนๆเดียวกันกับประชาชนที่ทางจังหวัด อำเภอ ต่างๆได้จัดทำขึ้นนั่นเอง กรณี นายภราดร ปริศนานันทกุล โฆษกพรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า วิธีจัดลำดับการ walk-in ก็ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากแม้แต่น้อย ท่านก็แค่กำหนดให้ชัดเจนว่ารับคิวไหน จำนวนเท่าไร คนเขามาคิวเต็มแล้ว เขาก็กลับบ้าน มาวันอื่น เท่านั้น ไม่ใช่คิดแต่ทำไม่ได้ๆๆๆๆ ชาติหน้าก็ทำไม่ได้ แค่คิดว่าทำได้ แล้วหาวิธีให้ทำได้ พรุ่งนี้มันก็ทำได้ #จบข่าว ซึ่งพรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ออกมาอัดลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีในลักษณะทำนอง เป็น ตัวถ่วง ดื้อรั้น ถูลู่ถูกัง ทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้ยากขึ้น เป้าหมาย 50 ล้านคนแค่ลมปาก แสดงให้เห็นว่า แม้แต่ผู้คุมอำนาจบริหารสูงสุด คือ นายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พรรคร่วมรัฐบาล ไปคนละทาง โยนความผิดให้กันไปมาเหมือนไม่ใช่การบริหารประเทศ แค่หวังผลทางการเมือง ส่อให้เห็นว่าการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินของภาครัฐล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าการนำวัคซีนเข้าประเทศจะล่าช้าออกไปแบบไม่มีกำหนดกันแน่ ต่อไปประชาชนจะพึ่งใครได้ รัฐควรเปิดช่องทางมากกว่า 1 ช่องทาง ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ให้ประชาชนอยู่พื้นที่ไหน ให้ไปรับบริการทางการแพทย์ (Walk in) ใกล้ที่สุด เร็วที่สุด อันมีผลต่อการฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจในระยะยาว 

รองโฆษกพรรคพลัง ฟาด "สิระ"  คนฐานรากต้องสะดวก สวนกลับแรมโบ้ "หมอพร้อมหรือวัคซีนไม่พร้อม"

 

นายวิสิทธิ์ ใสกระจ่าง รองโฆษกพรรคพลัง กล่าวว่า กรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พลังประชารัฐและประธานกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมฯ ออกมาปกป้อง "บิ๊กตู่" ปม "ภราดร" วิจารณ์ปมยกเลิกวอล์กอินวัคซีน ซัดเป็นคนไร้วุฒิภาวะ ไร้สมอง ถาม 'ภูมิใจไทย' เลือกคนแบบนี้เป็นโฆษกได้อย่างไร เห็นว่า พฤติกรรมดังกล่าว ออกอาการฟาดงวงฟาดงาของนายสิระ เป็นการเล่นการเมือง แม้กระทั่งพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่เว้น น่าจะศึกษาข้อดีข้อเสียให้ละเอียดทุกด้านก่อน ถามว่า ประชาชนจะฝากความหวังไว้กับนักการเมืองประเภทนี้ได้อย่างไร  จะเห็นได้จาก ข้อพิพาทระหว่างนายสิระ กับหมอเหรียญทอง ในการตั้งโรงพยาบาลสนามพลังแผ่นดิน อ้างว่าทำหน้าที่ สส.ลงพื้นที่ตรวจสอบ แต่กลับไม่ศึกษาข้อกฎหมายให้ละเอียดว่ามีหลัก มีข้อยกเว้นหรือไม่ ไม่รอบคอบ ก่อนออกมาโวยวาย ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางความเป็นความตายของพี่น้องประชาชนจากภัยโรคระบาดไวรัส โควิด 19 ทั้งสิ้น  ส่วนที่ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เตือน “ภราดร” ส.ส.ภูมิใจไทย วิพากษ์วิจารณ์การฉีดวัคซีนและตำหนินายกฯ ถือไม่ให้เกียรติ ระบุ เป็นพรรคร่วมฯน่าจะเข้าใจการทำงานของนายกฯ สธ.มากที่สุด แต่กลับทำตัวเหมือนฝ่ายค้าน เห็นว่า การนำเสนอการเข้าถึงวัคซีน walk-in เป็นแนวทางเดียวที่พรรคพลังศึกษาถึงแนวทางที่เข้าถึงประชาชนมากที่สุดและอยากถามแรมโบ้ว่า “หมอพร้อม”หรือ”วัคซีนไม่พร้อม “ วิธีการบริหารจัดการในสถานการณ์ฉุกเฉิน สถิติคนติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้นทุกวัน แล้วไม่ตำหนิ พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีได้อย่างไร เพราะเมื่อได้ศึกษาข้อกฎหมายพบว่า วันที่ 27 เมษายน 2564 ราชกิจจานุเบกษาได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2564 รวบอำนาจตามพระราชบัญญัติ 31 ฉบับชั่วคราวไว้ที่คนคนเดียว ไม่ต่างอะไรกับมาตรา 44 ในยุค คสช.

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ