ข่าว

"จตุพร" คาด "มีนาฯ"เกิดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ ปท. แย้มชนิดทุกคนคาดไม่ถึง ติงรัฐแทรกชุมนุมราษฎร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"จตุพร" คาด "มีนาฯ"เกิดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ ปท. แย้มชนิดทุกคนคาดไม่ถึง ติงรัฐแทรกชุมนุมราษฎร ก่อปะทะเกิดสกัดกั้นสลายสะท้อนถึงอยากมีเรื่อง เชื่อเริ่มต้นรุนแรงครั้งต่อไปรุนแรงกว่า ขอรัฐใช้สติ เตือนเมื่อสิ้นสติย่อมใช้แต่กำลังเหนือกว่า

เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2564 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk โดยวิเคราะห์ถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมราษฎรเมื่อคืน 28 ก.พ. ที่ผ่านมา ว่า จุดเริ่มต้นเกิดจากการแทรกแซง แล้วนำไปสู่การใช้กำลังเข้าสลาย สะท้อนถึงการสลายการชุมนุมอย่างรุนแรงในครั้งต่อไปจะตามมาอีก 
 
นายจตุพร กล่าวว่า การชุมนุมของราษฎร เมื่อคืน 28 ก.พ. เดินทางไปที่บ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ในค่ายทหารที่ ร 1 รอ. นั้น ถ้าพิจารณาการเตรียมรับมือผู้ชุมนุมของตำรวจแล้ว ส่อถึงหารหนีไม่พ้นการอยากมีเรื่องไปได้ 
 
อีกอย่าง ถ้าตำรวจเลิกวิธีคิดแบบใช้ตู้คอนเทนเนอร์เป็นกำแพงแล้ว แรงปะทะของผู้ชุมนุมจะไม่รุนแรง ตลอดจนถ้าฝ่ายของรัฐตั้งเป้าประสงค์ไม่ต้องการจะมีเรื่อง ความกดดันจะไม่เกิดขึ้นเช่นกัน  
 
“ผมเชื่อว่า ผู้ชุมนุมต่อให้มีโรคแทรกกันอย่างไร การเดินไปชุมนุมที่หน้ากรมทหารราบที่ 1. รอ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างมากแค่ตั้งเวทีปราศรัยหน้าค่ายทหารแล้วก็แยกกันไป แต่การตั้งจุดสกัดเป็นตอนๆนั้น พร้อมทั้งใช้มาตรการฉีดน้ำ ยิงแก๊สน้ำตา แล้วกระสุนยาง แล้วมีกลุ่มคนใส่หมวกขาว สวมชุดบอกถึงคนในเครื่องแบบ ก่อเหตุปะทะ จึงน่าคิดในความแปลกเช่นนี้” 

"จตุพร" คาด "มีนาฯ"เกิดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ ปท. แย้มชนิดทุกคนคาดไม่ถึง ติงรัฐแทรกชุมนุมราษฎร

อย่างไรก็ตาม การชุมนุมในช่วงปลายนั้น ถึงมีแกนนำก็ไม่สามารถหยุดการแทรกแซงได้ โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่ใช้หมวกขาวแบบผู้ชุมนุม ดังนั้นการแทรกแซงจึงรุนแรงขึ้น ส่อถึงการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ตลอดของการชุมนุมในอนาคต ซึ่งไม่เป็นผลดีอะไรกับประเทศชาติ 
 
รวมทั้ง หากมีการแนะนำให้ใช้การสลายการชุมนุมเช่นนี้ จะทำให้สถานการณ์รัฐบาลดีขึ้น หรือนำไปกลบเรื่องราวต่างๆแล้ว แต่ในความจริงทางการเมืองเมื่อพยายามสร้างเรื่องใหม่ขึ้นมากลบเรื่องเก่า เพื่อให้คนมาถกเรื่องรุนแรงของเหตุการณ์เมื่อวานนี้ แต่จะเกิดเรื่องใหม่ขึ้นอีกเสมอและเป็นปกติ 
 
นายจตุพร ย้ำว่า ตนไม่เห็นด้วยกับวิธีการรับมือของรัฐ ถ้าใช้สมองมากขึ้นหรือไม่มีตู้คอนเทนเนอร์มาตั้งแล้ว ผู้ชุมนุมจะบุกเข้าถึงบ้านนายกฯในค่ายทหารได้ไม่ง่ายเลย ตนเชื่อว่า อย่างเก่งแค่ชุมนุมหน้าค่ายทหารเท่านั้น ดังนั้น เมื่อใช้สมองมากขึ้นจึงรู้ได้ว่า โรคแทรกแซงไม่มีทางเกิดขึ้นได้ นอกจากจะมีความพยายามให้เกิดเรื่องขึ้นเท่านั้น  
 
การบุกไปถึงบ้านนายกฯที่อยู่ในค่ายทหารไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ส่วนวิธีคิดที่รัฐใช้นั้น เป็นสิ่งที่ผิดอย่างมากที่พยายามสกัดกั้น ทั้งที่ธรรมชาติการชุมนุมแล้วจะมีเจ้าหน้าที่รัฐปะปนอยู่กับผู้ชุมนุมอยู่แล้ว ดังนั้นการสร้างอารมณ์ให้เกิดการปะทะ รัฐจึงมีส่วนหลักในการให้เกิดขึ้น และเป็นเจตนาที่ต้องการให้เกิดเรื่องขึ้น”  
 
ส่วนปรากฎการณ์เมื่อวานนี้ (28 ก.พ.) เป็นการชุมนุมเลยปกติทางการเมือง เพราะผู้ชุมนุมไม่มีแกนนำ จึงเป็นการยากลำบากในการพูดคุย ทั้งนี้มีตัวอย่างในช่วงปลายการชุมนุมเมื่อพฤษภาปี 2535 ที่มีความตายจำนวนมากจากการชุมนุม ส่วนใหญ่เกิดจากม็อบไม่มีแกนนำทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้ แม้การฉีดน้ำ ใช้แก๊สน้ำตา และยิงกระสุนยางแล้ว สะท้อนถึงการชุมนุมครั้งต่อไป ย่อมหนีการใช้กระสุนจริงไม่พ้น ซึ่งเป็นวิวัฒนาการสกัดการชุมนุมในมุมของเจ้าหน้าที่รัฐ 

อีกอย่าง ในวันที่ 8 มี.ค.นี้ แกนนำราษฎรชุดหนึ่งครบกำหนดนัดไปพบอัยการเพื่อฟังคำสั่งฟ้องศาลหรือไม่ ถ้าอัยการสั่งฟ้องแล้ว โอกาสจะเกิดเหตุการณ์ต่างๆจึงมีมากมาย และแกนนำจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ ถ้าเข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องยาก โดยประสบการณ์ส่วนตัวของตนเองทำให้คิดเช่นนี้  
 
อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจว่า การถูกคุมขังขณะที่คำพิพากษาไม่ถึงที่สุดนั้น ต้องมีสิทธิยื่นประกันตัวได้ แล้วต้องรอลุ้นกันต่อไป ดังนั้น แกนนำที่จะไปพบอัยการในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ต้องลุ้นกันมากกว่าอีก ซึ่งส่อถึงแนวโน้มของสถานการณ์ชุมนุมกันได้ 
 
สำหรับการสิทธิประกันตัวของแกนนำ กปปส.นั้น นายจตุพร เชื่อว่า พวกเขาหลายคนคงไม่คาดคิดว่าจะได้รับคำพิพากษาเช่นที่ปรากฎ แล้วยังต้องลุ้นคำพิพากษากันถึงศาลอุทธรณ์และฎีกา หรือจนกว่าจะถึงคำพิพากษาถึงที่สุด 
 
“สิ่งที่น่าคิดคือ การให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาการประกันตัว จนนำไปสู่การถูกขังเรือนจำ 2 คืน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานและทุรนทุรายของเขา ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ เพราะคนพวกนี้ไม่คิดว่าจะต้องติดคุก ผมยังเชื่อว่า 2 คืนจึงมีความหมายอย่างยิ่ง ทั้งมีจิตนาการมากมาย ผมเห็นว่า คงชี้ได้ชัดว่าเขาคงต้องทบทวนอะไรกัน”  
 
ถึงที่สุดแล้ว ในสถานการณ์วันนี้ สรุปได้ว่า ทั้ง 3 ฝ่าย คือ กลุ่มเสื้อแดง พันธมิตรฯ และ กปปส. เกิดเหตุการณืขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะแกนนำ กปปส.ต้องคำพิพากษา ซึ่งเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น แต่เวลานอนเรือนจำ 2 คืนของคนเหล่านี้ เขาต้องทบทวนพอสมควร พร้อมทั้งมีการส่งเสียงดังมาว่า รัฐบาลนี้มาได้เพราะเขาแล้ว สำนวนแบบว่า เสร็จนา ฆ่าโคถึก คงสะท้อนอะไรได้มากมายว่า เมื่อเขาเป็นผู้ลงทุน จึงต้องคิดมากกว่ากลุ่มอื่นเป็นธรรมดา 
  "จตุพร" คาด "มีนาฯ"เกิดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ ปท. แย้มชนิดทุกคนคาดไม่ถึง ติงรัฐแทรกชุมนุมราษฎร

นายจตุพร กล่าวถึงแกนนำ กปปส.ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีว่า ด้วยประสบการณ์ของตนเอง ก็ยอมรับว่าเหนื่อย เพราะถ้าต้องการมีสิทธิทางการเมืองอีกต้องรอจากพ้นโทษ 10 ปี ตนจึงรู้ว่า เหตุการณ์นี้ไม่ธรรมดา และเขาก็รู้ว่า จะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร แล้วต้องอยู่แบบบอบช้ำอีก  
 
“เวลานอนเรือนจำ 2 คืน จึงหนักสำหรับเขา คงไม่นำมาเปรียบเทียบกับเรา เพราะในทางความรู้สึกแล้วเข้าหนักกว่าเราแน่ อีกทั้งการเปรียบเทียบคดีได้ประกันตัวหรือไม่ อยู่ที่ดุลพินิจของศาล แต่การประกันเป็นสิทธิ และเป็นเรื่องต้องยื่นประกัน ดังนั้น ความยุติธรรมจึงควรมีมาตรฐาน เพราะการประกันตัวเป็นสิทธิของผู้ต้องหาทุกคน และสิทธินี้มีตลอดจนกว่าจะถึงคำพิพากาาถึงที่สุด”  
 
อีกอย่าง การได้ประกันตัวของ กปปส.เป็นไปโดยชอบ และกลุ่มราษฎรก็เป็นสิทธิที่ควรจะได้รับความยุติธรรมด้วย แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นกับศาลในกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไหนได้รับการประกันตัวจึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีทั้งสิ้น 
 
นายจตุพร ย้ำว่า ปรากฎการณ์ 28 ก.พ. ที่ผ่านมานั้น ตนเชื่อว่า ครั้งหน้า ถ้าทุกอย่างเอื้ออำนวยแล้ว การปะทะก็จะเกิดขึ้นมาอีก ถึงที่สุดแล้ว ตนเน้นเสมอว่า ไม่ควรจะมีใครมาตายด้วยการชุมนุมทางการเมือง เพราะเชื่อว่า ยังมีหนทางแสวงหาสันติกันได้ สันติวิธีแก้ปัญหาได้ตรงจุด แต่สิ่งนี้จึงขึ้นอยู่กับว่า ใครจะมีสติมากกว่ากัน  
 
รวมทั้ง ถ้ารัฐขาดสติ ก็อย่าหวังว่าประชาชนจะมีสติ ดังนั้น ถ้ารัฐไม่ประสงค์จะมีเรื่องสักอย่าง เรื่องก็ไม่มีวันจะเกิดขึ้น อย่าเอาตู้คอนเทนเนอร์มาสกัดเลย ปล่อยให้ทุกอย่างไหลไปตามธรรมชาติ เพราะการชุมนุมทางการเมืองเป็นเช่นนั้น  
 
“ถ้าคิดว่ามีอำนาจเหนือกว่า มีกำลังเหนือกว่าแล้วจะชนะ หลายคนก็คิดเช่นนั้น แต่ไม่ใช่ว่าทุกคราวจะชนะ ทุกคราวจจะแพ้ เพราะแพ้ ชนะสลับกันเสมอ ผมเชื่อว่า มีนาคม เป็นเดือนการเปลี่ยนแปลง จึงต้องติดตาม แต่จะเปลี่ยนกันแบบไหนชนิดที่ใครคาดไม่ถึงก็ได้ จุดจบอาจไม่ตรงกับหลายคนคิด แต่มีนาคมจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของประเทศไทย”

"จตุพร" คาด "มีนาฯ"เกิดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ ปท. แย้มชนิดทุกคนคาดไม่ถึง ติงรัฐแทรกชุมนุมราษฎร

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ