ข่าว

"รังสิมันต์ โรม" อภิปรายเดือด สับ"พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร"รู้เห็นตั๋วซื้อขายตำแหน่งตำรวจ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"รังสิมันต์ โรม" อภิปรายเดือด กล่าวหา "พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร" รู้เห็นตั๋วซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ยกเคส "บิ๊ก ต." แฉกลางสภาใช้เส้นสายยุค คสช. ยกเว้นกติกาจากรองสารวัตรขึ้นพรวดนั่ง"ผู้บัญชาการ"ขณะพปชร.รุมประท้วง ถือเป็นผู้อภิปรายที่ถูกประท้วงมากสุด40 ครั้ง

19 ก.พ.64 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ  พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวหา ว่า พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่มีความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ แสวงผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากความไม่โปร่งใสในการบริหารราชการตำรวจ จนกลายเป็นที่่ซ่องสุมกลุ่มผลประโยชน์ กอบโกยยศตำแหน่ง มีการปล่อยปละละเลยให้ผู้ไม่มีอำนาจบงการในการโยกย้ายตำแหน่งมาตั้งแต่ยุค คสช. เกิดระบบอุปถัมภ์ และการใช้เส้นสายในวงการตำรวจ

นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร มีความเกี่ยวข้องโดยตรง ในการแต่งตั้งโยกย้าย เพราะ เป็น ประธาน ก.ตร. แต่ทั้งสองกลับละเลยให้มีการซื้อขายตำแหน่ง โดยใช้ตั๋วแสดงเส้นสายจากนายตำรวจระดับสูง มีการทำเป็นหนังสือทางราชการขอสนับสนุนอย่างโจ่งแจ้ง

ทั้งนี้ นายรังสิมันต์ โรม ได้นำตั๋วซื้อขายตำแหน่งตำรวจ เมื่อปี 2562 มาแสดงในที่ประชุมด้วย โดยเป็นเอกสารขอสนับสนุน แต่งตั้งตำรวจแบบย้ายข้ามกองบัญชาการที่ พล.ต.ต. “ต” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการ  มีหนังสือถึง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยตรง เพื่อให้แต่งตั้งตำรวจนอกกองบัญชาการของตัวเอง ทั้งที่คนแค่ระดับผู้บังคับการ ไม่มีอำนาจในการแต่งตั้งนายตำรวจ จึงตั้งคำถาม ไปยังพลเอกประวิตร ซึ่งเคยดำรงตำแหน่ง ประธาน ก.ตร. ในขณะนั้น จงใจละเลยให้เกิดเรื่องดังกล่าวหรือไม่

นายรังสิมันต์ ยังเปิดเผยเส้นทางชีวิตราชการตำรวจของ พล.ต.ต. “ต.” ที่เพิ่งรับราชการตำรวจเมื่อปี 2541 ในตำแหน่งรองสารวัตร เมื่ออายุ 33 ปี และก้าวหน้ามาเป็นผู้กำกับการตำรวจคอมมานโดในปี 2559 และสิ่งที่น่าสนใจ คือ ตั้งแต่ปี 2561 ที่พล.ต.ต. “ต.” ได้รับการยกเว้นหลักเกณฑ์ จากเป็นผู้กำกับการ ไปเป็นรองผู้บังคับการปราบปราม และในปีเดียวกัน มีการยกเว้นหลักเกณฑ์ เลื่อนขั้นเป็นผู้บังคับการ และจากนั้นมีการยกเว้นหลักเกณฑ์ ถึง 3 ครั้ง จนปัจจุบันได้เป็น“ผู้บัญชาการ” ซึ่งหากไม่มีการยกเว้นหลักเกณฑ์ ปัจจุบัน พล.ต.ต. “ต” ก็ยังเป็นได้เพียงผู้กำกับการเท่านั้น

จึงเห็นได้ว่าการยกเว้นหลักเกณฑ์ ดังกล่าวเป็นความรับผิดชอบของ พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร โดยตรง ทั้งที่การเลื่อนขั้นนายตำรวจ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การดำรงตำแหน่งแต่ละชั้นตามระยะเวลาที่กำหนด ถือเป็นการทำลายระบบคุณธรรม ที่สร้างความเสียหายอย่างมาก ทำให้นายตำรวจผู้ปฏิบัติงานเสียกำลังใจ ตำรวจที่อยากเติบโตต้องวิ่งเต้น คนที่ไม่วิ่งเต้นก็ไร้ที่ยืน

การอภิปรายของนายรังสิมันต์ โรม ถูก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ โดย น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ประท้วงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมองว่า นายรังสิมันต์ โรม พยายามใส่ร้ายป้ายสีพลเอกประวิตร เช่นเดียวกับ นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่1 ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ก็ทักท้วงนายรังสิมันต์ โรม มองว่าเรื่องที่นายรังสิมันต์ โรม อภิปรายเป็นเรื่องเก่า และปัจจุบัน พลเอกประวิตร ไม่ได้รับผิดชอบ กำกับดูแลตำรวจแล้ว

นายรังสิมันต์  โรม ถือเป็นผู้อภิปรายที่ถูกประท้วงมากที่สุด ตั้งแต่วันแรกที่มีการอภิปรายมาจนถึง ณ ช่วงนี้ เพราะนับการประท้วงได้ 40 ครั้ง ทั้งจาก ส.ส.ฝ่ายค้าน และ ส.ส.รัฐบาล รวมถึงยังถูกเบรกถูกเตือนจากประธานที่ประชุมด้วย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ