ข่าว

"ณัฐชา" ชี้ มีนายทหารสัญญาบัตรคุม"ปฏิบัติการไอโอ"อื้อ ตั้งข้อกล่าวหา 3 ข้อ ไม่ไว้วางใจ 'พล.อ.ประยุทธ์'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทลายขบวนการ IO ภาค 2 ส.ส.ก้าวไกล 'ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์' แฉหลักฐานเด็ดกลางสภา ชี้ มีนายทหารสัญญาบัตรคุม"ปฏิบัติการไอโอ"อื้อ ตั้งข้อกล่าวหา 3 ข้อ ไม่ไว้วางใจ 'พล.อ.ประยุทธ์' ด้าน"รมช.กลาโหม" แจง นายกฯไม่เคยสั่งการ สร้างความแตกแยก เกลียดชัง ให้ร้ายปชช. 

19 ก.พ. ที่รัฐสภา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 25 พรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยเป็นการอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยข้อกล่าวหา 3 ข้อ คือ

1.ไม่ปฎิบัติตามนโยบายเร่งด่วน 12 ประการที่ท่านแถลงไว้เองต่อสภาโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อ 7 ที่สัญญาว่าจะป้องกันและลดผลกระทบในเชิงสังคม ความปลอดภัย อาชญากรรมทางไซเบอร์ ในทางตรงกันข้ามกลับก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์เสียเอง

2.จงใจใช้งบประมาณแผ่นดิน เวลาราชการ และบุคลากรของรัฐในการสร้างความเกลียดชัง

3.มีพฤติกรรมโกหกซ้ำซาก ปฎิเสธว่าไม่มีปฎิบัติการข้อมูลข่าวสาร และไม่ตอบสนองต่อการตรวจสอบของประชาชน และสภาผู้แทนราษฎร

นายณัฐชา กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้อาชีพทหารแทนที่ทหารจะได้ทำหน้าที่ปกป้องประชาชนจากอริราชศัตรู กลับตั้งตัวเป็นศัตรูของประชาชน

นายณัฐชา ยังได้เปิดคลิปหลักฐานการประชุมออนไลน์ของ ม.ทบ. ที่ 21 กลางสภาอีกด้วย โดยในการประชุมดังกล่าวได้มีการสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม และมองประชาชนทั่วไปที่วิพากษ์วิจารณ์กองทัพว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งยังได้เผยหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอการประชุมของทหารอีกหนึ่งชิ้นด้วย โดยคลิปวีดีโอนี้เป็นการประชุมเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นเวลาสี่วันก่อนศาลสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ แต่มีการสั่งการให้เตรียมการรับมือการยุบพรรคอนาคตใหม่อย่างชัดเจน ทำให้เกิดคำถามว่าเหตุใดถึงรู้ก่อน เหตุใดจึงรู้ล่วงหน้าได้

นายณัฐชา ยังได้กล่าวต่อไปด้วยว่า จากหลักฐานที่เปิดออกมานี้ จะสังเกตเห็นได้ว่าคนนั่งหัวโต๊ะมีความกังวล และย้ำว่าอย่าให้เอกสารจะหลุด โดยเฉพาะเอกสารการเงิน แสดงว่าปฎิบัติการนี้มีการใช้งบประมาณแผ่นดิน เงินภาษีของประชาชนใช่หรือไม่ ที่พวกท่านใช้มาทำงานด่าทอด้อยค่าประชาชน

“ทหารได้พูดในคลิปว่า ยังไงเราก็สู้ไม่ได้เพราะกำลังสู้กับฝั่งที่จัดตั้งมาดี มืออาชีพ ผมยืนยันตรงนี้นะครับว่าพวกท่านเข้าใจผิด เพราะคนที่ท่านคิดว่าเป็นปฎิบัติการไอโอของอีกฝั่ง แท้จริงเป็นแค่ประชาชน คนทั่วไปที่ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล การทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อท่านประเมินผิด นโยบายของพวกท่านจึงผิดพลาด คนที่เป็นทหารท่านน่าจะรู้ดีว่า หากกำหนดศัตรูผิดตัว มุ่งรบกับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ปลายทางของพวกท่านมีเพียงความพ่ายแพ้เท่านั้น เพราะยิ่งโดนแฉเท่าไหร่ ก็ยิ่งตอกย้ำให้สังคมเห็นว่า คนที่เกลียดรัฐบาล เกลียด พล.อ. ประยุทธ์ เป็นของจริง แต่คนที่ชมรัฐบาล คนที่คอยสรรเสริญประยุทธ์ เป็นของปลอม” นายณัฐชา ระบุ

นายณัฐชา กล่าวต่อไปด้วยว่า เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีเอกสารฉาวจากกองทัพหลุดมาอีกครั้ง ว่าด้วยการทำไอโอ โดยเป็นการเปิดอบรมผ่านหลักสูตรของโรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน มีกลไกการทำงานแบ่งทีมเป็นฝ่ายขาว ที่เป็นงาน PR ประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจของสถาบันกษัตริย์ และ ฝ่ายดำมุ่งโจมตีด้อยค่าฝ่ายตรงข้ามด้วยข้อหาไม่จงรักภักดี และล้มล้างสถาบัน เอกสารนำเสนอที่หลุดออกมา ยังระบุกลไกการสั่งงานอย่างเป็นระบบผ่าน 2 แอพพลิเคชั่นที่ให้เอกชนทำขึ้น คือ Twitter Broadcast และ Free Messenger โดยระดับแกนนำเท่านั้นที่จะใช้ 2 แอพนี้ในการทำงาน ส่วนระดับสนับสนุนใช้ไลน์กลุ่มตามเดิม ในเอกสารระบุหน่วยที่ใช้งาน 2 แอพนี้ ว่า มีร.2.รอ. ร.11.รอ. ร.21.รอ. และป.2.รอ. ทั้งยังปรากฏเป้าหมายยอดบัญชีไอโอกว่า 54,800 บัญชีภายใต้การควบคุมดูแลจากหน่วยงานต่างๆ ของกองทัพถึง 19 หน่วย

“การทวีตข้อความซ้ำๆเป็นร้อยๆพันๆ สร้างกระแสปลอมๆขึ้นมาในทวิตเตอร์ มันผิดกฎครับ องค์กรระดับโลกอย่าง Twitter เลยนิ่งเฉยไม่ได้ เมื่อปลายปีที่แล้ว ทวิตเตอร์ระงับบัญชี 926 บัญชี โดยระบุชัดครับว่าพบปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือ IO ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพบก ทวิตเตอร์ก็มาแบนอีกบัญชีในช่วงเดือนพฤศจิกายน คือบัญชีทางการหรือ official account ของ “โรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน” ด้วยข้อหาเป็นสแปม หรือทวีตข้อความซ้ำๆ มากเกินไป” นายณัฐชา กล่าว

นายณัฐชา กล่าวต่อด้วยว่า การทำไอโอทำในนามโรงเรียนจิตอาสาก็จริง แต่ใช้ทหารในกองทัพ โจมตีผู้ชุมนุมทาง Twitter

นายณัฐชา ยังได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่แค่เรื่องใช้ภาษีประชาชน ใช้หน่วยงานรัฐโดยไม่เกิดประโยชน์ แต่ยังใช้อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรี สร้างความเกลียดชัง สร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากจะตอกลิ่มให้สังคมร้าวลึกแล้ว ยังทำให้บทบาท จึงขอไม่ไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกต่อไป

“รมช.กลาโหม” แจง นายกฯไม่เคยสั่งการ สร้างความแตกแยก เกลียดชัง ให้ร้ายปชช. 

พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล  รมช. กลาโหม  ชี้แจงว่า การที่ผู้อภิปรายระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายสั่งการปฏิบัติการไอโอนั้น ยืนยันว่าท่านไม่ได้มีนโยบายหรือสั่งการให้หน่วยงานใด หรือทหารไปดำเนินการตามข้อกล่าวหาเลย ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบัน ในโซเชียลมีเดีย มีข้อความที่ไม่ถูกต้อง เป็นเท็จ ซึ่งผู้อภิปรายพูดว่าก่อให้เกิดความเกลียดชัง แตกแยก มีผลกระทบต่อสถาบัน สงบเรียบร้อย ความมั่นคงของประเทศ ตรงนี้มีอยู่จริง เพราะถ้าเข้าโซเชียลฯ จะเห็นว่ามีอย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ สิ่งที่กองทัพทำคือการให้ทหารเรียนรู้และเข้าใจเทคโนโลยี ติดตามสื่อได้เท่าทัน มีสติ และพิจารณาได้ถูกต้องว่าข้อความที่อยู่ในโซเชียลถูกต้องเป็นจริงหรือไม่ จะพูดหรือส่งต่อต้องใช้วิจารณญาน เพราะมีผลกระทบต่อความมั่นคง จึงเป็นที่มาของการจัดการอบรมให้ความรู้กำลังพล ได้เข้าใจวิธีการใช้สื่อโซเชียลอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์ โดย บัญชีมีการเปิดเผยชัดเจน ไม่ได้ปิด ถ้าบัญชีปิดท่านคงไม่มีรายชื่อ เพราะฉะนั้น ไม่ได้ทำเพื่อให้ร้ายใคร ผู้อภิปรายโยงไปโยงมาเหมือนกับว่ามีความชำนาญ เชี่ยวชาญในการทำมากกว่ากองทัพ ส่วนการพูดถึงฝ่ายขาวฝ่ายดำ ฝ่ายตรงข้ามนั้น เป็นลักษณะวิธีการเรียนรู้ ฝึกปฏิบัติการ ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นประชาชน


พล.อ.ชัยชาญ กล่าวว่า ส่วนโครงการจิตอาสาพระราชทาน ก็มีการแสดงตัวตนที่ชัดเจน ความประสงค์ของโครงการนี้คือประชาสัมพันธ์ประวัติศาสตร์ สถาบัน โครงการพัฒนา และให้ความรู้ประชาชนว่ากองทัพมีภารกิจใด ส่วนวีดิทัศน์ที่นำมาเปิดฉายนั้น ส่วนตัวก็เพิ่งเห็นและไม่ทราบว่าเกิดขึ้นอย่างไร แต่สิ่งสำคัญคือเราจะทำอย่างไรให้สังคมอยู่ร่วมกันได้ เพราะทหารก็เป็นประชาชน ต้องได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง และใช้ข้อมูลอย่างมีวิจารณญาณ ส่วนที่กล่าวถึงสื่อกรมประชาสัมพันธ์นั้นก็เป็นลักษณะประชาสัมพันธ์ผลงานให้ประชาชนได้รับทราบ หากเราไปดูสื่อต่างๆ ก็มีลักษณะเช่นนี้


“ดังนั้น ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่านายกฯ ไม่มีนโยบายหรือสั่งการให้กองทัพหรือหน่วยต่างๆ ไปใส่ร้ายประชาชน หรือทำให้ประชาชนเกิดความแตกแยก หรือเกลียดชัง เพียงแต่ทำให้ประชาชนได้รับทราบผลงาน และสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อความสงบเรียบร้อย ไม่เกิดความขัดแย้ง เกลียดชังกันในสังคม”

"อนุชา​" ยืนยัน นายกฯ ไม่เคยสั่งการกรมประชาสัมพันธ์​ทำไอโอ นำเสนอข่าวตามข้อเท็จจริง​-เป็นกลาง​ 

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ ชี้แจง​ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์​ ส.ส.ก้าวไกล ​ที่กล่าวหาว่ามีการใช้หน่วยงานภาครัฐทำ​ไอโอ​ โดยยืนยันว่า​ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่เคยสั่งการทั้งตนและกรมประชา​สัมพันธ์​ ซึ่งหน่วยงานในกำกับดูแล​ ให้ทำเรื่องดังกล่าวและขอให้มั่นใจว่า​กรมประชาสัมพันธ์​เป็นสื่อของรัฐ​ ใช้ภาษีของประชาชนในการดำเนินงาน​ นำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งนโยบายของรัฐบาล และข้อเท็จจริงในสังคม​​ เช่น​ เรื่องวัคซีน​ ที่มีบางสื่อหรือเพจเฟซบุ๊ก​มีความประสงค์บิดเบือนข้อมูล​​ รวมไปถึงเรื่องการเมืองที่​อาจจะมีข้อมูลทำให้เกิดความสับสน​ ขออย่าห่วงความเป็นกลาง เพราะในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ ได้กำชับ​ให้​เสนอข่าวสารให้มีความเป็นกลางที่สุด​ ตามข้อมูลข้อเท็จจริง​อย่าใส่สีตีข่าวเป็นเด็ดขาด​

สำหรับการดำเนินรายการ​ดังกล่าวที่​ ส.ส.​ ก้าวไกล นำมาอภิปรายพาดพิง ​ส่วนหนึ่งคือ​ผู้สื่อข่าวกรมประชาสัมพันธ์​ และผู้สื่อข่าวภาคสนาม​ ต้องยอมรับว่าผู้สื่อข่าวมีความคิดที่แตกต่าง​ จึงไม่สามารถไปกำหนด​ ความคิดเห็นได้ แต่ต้องมีวิจารณญาณและรับผิดชอบในการนำเสนอข่าว เพื่อสื่อสารกับประชาชน ซึ่งตน และ พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์​ ไม่มีอำนาจไปสั่ง​ให้ผู้สื่อข่าวนำเสนอข่าวบิดเบือนข้อเท็จได้

นายอนุชา ยังกล่าวว่า ภายหลังได้มีพูดคุยเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับ​​อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กรณีที่​ ส.ส.​ก้าวไกลอภิปราย​พาดพิง​เกี่ยวกับการเรื่องการฟ้องร้อง ​ว่ามีการกุข่าวแผนล้มสถาบัน​ ที่ขณะนี้ได้มีการถอนฟ้องแล้ว​ ว่า​ จะถอนฟ้องทำไม​ ​พลโท สรรเสริญ​ ไม่เคยแถลงหรือยอมรับว่า​กุข่าวดังกล่าวขึ้นมา​ และตนไม่อยากเอ่ยนามบุคคลนอก เพราะไม่มีโอกาสที่จะได้เข้ามาชี้แจงในสภา​ ซึ่งหนึ่งในนั้น​มีรายชื่ออยู่ในแผนผังล้มสถาบัน​ ดังนั้นให้กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา​ถึงปัจจุบัน​ ว่าแผนผังนั้นอาจจะเป็นจริงหรือไม่​ ​ ซึ่งบุคคลดังกล่าวได้มีการไปอ่านแถลงในคณะกรรมาธิ​การงบประมาณปี2564​ นอกจากนี้ ไม่พบข้อความของ พลโท สรรเสริญ​ ที่ยอมรับว่าเป็นคนกุข่าวดังกล่าว​

ส่วนการส่งข้อความ​ LINE​ สั่งการเพื่อช่วยเหลือพรรคการเมืองนั้น​ นายอนุชาชี้แจงว่า​ เป็นความผิดพลาด ไม่ใช่ความตั้งใจ​ และแก้ไขในทันทีที่ทราบปัญหา​ ยืนยันพรรคพลังประชา​รัฐ​​ หรือ​ พปชร.​ ไม่เคยพูดคุยหรือพึ่งพากับอธิบดี​กรมประชา​สัมพันธ์​ ซึ่ง​พรรค มีนโยบายที่จะปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และปกป้องประชาชนด้วยชีวิตเช่นเดียวกับทุกคน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ