ข่าว

ศาลเยาวชนครอบครัวกลางฯปล่อยชั่วคราว เยาวชนโดนเเจ้งคดี ม.112 

ศาลเยาวชนครอบครัวกลางฯปล่อยชั่วคราว เยาวชนโดนเเจ้งคดี ม.112 

17 ธ.ค. 2563

ศาลเยาวชนครอบครัวกลางฯอนุญาตปล่อยชั่วคราว เยาวชนโดนเเจ้งคดี ม. 112  หลัง "อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล " ส.ส.พรรคก้าวไกล ใช้ตำแหน่งยื่นประกันตัวผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ที่ศาลเยาวชนเเละครอบครัวกลาง ถ.กำเเพงเพชร พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา นำเยาวชนไทยอายุ 16 ปีเศษผู้ต้องหาความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์พระราชินี,ร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมมั่วสุมกันในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค,ร่วมกันกระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไป,ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ,ร่วมกันชุมนุมสาธารณะที่ก่อให้เกิดความไม่สะดวกแก่ประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะอันเป็นที่ชุมนุมหรือทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนเกินพึงคาดหมายได้ว่าเป็นไปตามเหตุอันสมควรขัดขวางหรือทำการใด ๆ อันเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะในการคุ้มครองความสะดวกของประชาชนในการใช้ที่สาธารณะและการดูแลการชุมนุมสาธารณะนั้น,ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ,ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

จากกรณีชุมนุมช่วงเย็นถึงกลางคืนวันที่ 29 ต.ค.ที่หน้าวัดพระเเม่อุมาเทวี(วัดเเขก) สีลม มายื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาตรวจสอบการจับกุมเเละมีคำสั่งตามมาตรา 71  พรบ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 ประกอบป.อาญามาตรา143 (หมายควบคุมตัว)

โดยผู้ต้องหาได้ยื่นคัดค้านการขอออกหมายคุมตัวของพนักงานสอบสวนพร้อมขอให้ศาลไต่สวนพนักงานสอบสวน โดยอ้างเหตสรุปว่าไม่มีเหตุที่จะคุมตัวเนื่องจากผู้ต้องหาได้เข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก เเละผู้ต้องหายังศึกษาอยู่ที่สถานศึกษาตามปกติและมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอนและไม่มีพฤติการณ์หลบหนี แต่ประการใดจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องออกหมายควบคุมหรือหมายขังผู้ต้องหาไว้

 ทั้งคดีนี้พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนผู้ต้องหาจนเสร็จแล้วรวมทั้งได้ทำการสอบประวัติและพิมพ์ลายนิ้วมือไว้ด้วยแล้วการสอบสวนคดีในส่วนที่เหลือและการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆตามที่พนักงานสอบสวนกล่าวอ้างในคำร้องขอศาลออกหมายควบคุมฯ นั้นล้วนเป็นเรื่องการดำเนินการของพนักงานสอบสวนกับบุคคลอื่นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาพนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการไปได้โดยไม่ต้องมีตัวของผู้ต้องหาแต่อย่างใด หากผู้ต้องหาต้องอยู่ในความควบคุมระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวนย่อมจะเป็นการควบคุมตัวที่เกินจำเป็น

 นอกจากไม่เกิดประโยชน์แล้วยังสร้างภาระเกินจำเป็นกับผู้ต้องหากระทบต่อสิทธิเสรีภาพและโอกาสในการต่อสู้คดีของผู้ต้องหาเป็นอย่างมาก

 ประการสำคัญเป็นการกระทบกระเทือนต่อจิตใจของผู้ต้องหาซึ่งเป็นเพียงเยาวชนอย่างรุนแรงโดยไม่จำเป็นและเป็นการกระทบต่อสวัสดิภาพและอนาคตของผู้ต้องหา

ผู้ต้องหาขอเรียนต่อศาลว่าเสรีภาพในการแสดงออกหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นถือเป็นองค์ประกอบหลักของประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยซึ่งนอกจากจะเป็นสิทธิมนุษยชนตามกฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศคือปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนสากลและกติกาสากลว่าสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองแล้ว

ในประเทศไทยเสรีภาพในการแสดงออกหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญอันถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญการดำเนินคดีอาญากับผู้ต้องหาขัดกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งเป็นสนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการรับรองมากที่สุดในโลกได้รับรองสิทธิในการมีส่วนร่วมของเด็กเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งรวมถึงการชุมนุมอย่างสันติ

ทั้งนี้ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กในพ.ศ.2532โดยให้คำมั่นว่าจะดำเนินการเพื่อให้เด็ก ๆ ได้เข้าถึงสิทธิที่พวกเขาพึงมีซึ่งรวมถึงสิทธิในการมีส่วนร่วมและการแสดงความคิดเห็นอย่างสันติโดยได้รับการรับฟังทั้งตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กเขียนไว้ชัดเจนว่ารัฐมีหน้าที่ต้องปกป้องสิทธิเด็ก
เเละข้อ3 ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กฯ ว่าการกระทำหรือการดำเนินการทั้งหลายต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นอันดับแรกและข้อ13 รัฐต้องให้ความคุ้มครองต่อสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของเด็กดังนั้นแล้วเยาวชนจึงสามารถใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างสันติโดยได้รับการรับฟังดังกล่าวนี้ได้และลำพังการใช้สิทธิเสรีภาพดังกล่าวก็มิใช่การกระทำความผิดในตัวเองที่เห็นได้ชัดอย่างกรณีความผิดฆ่าคนตาย หากแต่เป็นสิ่งที่กฎหมายรับรองคุ้มครองไว้ให้ทำได้

ด้วยเหตุผลตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายดังที่ได้เรียนต่อศาลข้างต้นผู้ต้องหาจึงขอศาลได้โปรดคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องหาซึ่งเป็นเยาวชนมีคำสั่งยกคำร้องขอศาลออกหมายควบคุมหรือหมายขังของพนักงานสอบสวนและปล่อยตัวผู้ต้องหาไปและมีคำสั่งคุ้มครองไม่กำหนดเงื่อนไขอื่นใดที่จะกระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องหาซึ่งเป็นเยาวชนเกินสมควร 

โดยศาลพิเคราะห์คำร้องของพนักงานสอบสวนให้ศาลพิจารณาตรวจสอบการจับกุมเเละมีคำสั่งออกหมายควบคุมตัวพร้อมคำคัดค้านเเล้ว เห็นว่าคำคัดค้านการควบคุมตัวของตำรวจกรณีเป็นกระบวนพิจารณาชั้นตรวจสอบการจับกุมซึ่งดำเนินการตามบทบัญญัติของกฎหมาย จึงไม่มีเหตุที่จะต้องดำเนินการ(ไต่สวน)ตามร้องคัดค้าน

โดยหลังจากนั้นผู้ต้องหาได้ยื่นขอปล่อยชั่วคราว โดยใช้ตำเเหน่ง ส.ส.ของ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล 

ศาลพิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวเเล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวตั้งแต่ชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นหากผิดสัญญาปรับ12,000 บาท เเละนัดไปศูนย์ให้คำปรึกษาเเละเเนะนำในวันที่ 18 ธ.ค.63 พร้อมรายงานตัวรับทราบคำสั่งศาลวันที่ 1 ก.พ.64 เวลา 08.30 น.

 โปรลาซาด้า

ศาลเยาวชนครอบครัวกลางฯปล่อยชั่วคราว เยาวชนโดนเเจ้งคดี ม.112