ข่าว

'พิชัย' แนะ ' 2 ธันวา 63 ' หวังทุกฝ่ายคิดกันในทุกด้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'พิชัย' แนะ '2 ธันวา 63' หวังทุกฝ่ายคิดกันในทุกด้าน เชื่อหากปลด "ประยุทธ์" จะแก้ปัญหาความวุ่นวายได้ ชี้ จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองไปได้พร้อมกัน

วันนี้(29 พ.ย. 2563)นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตามที่พรรคเพื่อไทยโดยเลขาธิการพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ได้เปิดเผยข้อมูลการยังคงใช้บ้านหลวง ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ทั้งที่เกษียนอายุราชการมาหลายปีแล้ว

 

"และไม่ได้เป็นบ้านพักรับรองตามที่กล่าวอ้าง เนื่องจากอยู่เป็นประจำ ซึ่งเป็นการรับผลประโยชน์เกิน 3,000 บาท ตามที่พรรคเพื่อไทยได้ชี้ให้เห็นความไม่ถูกต้อง 5 ประเด็นโดยศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสินในเรื่องดังกล่าวในวันที่ 2 ธันวาคม 2563 นี้" นายพิชัย กล่าว

 

นายพิชัย กล่าวอีกว่า ดังนั้น จึงขอเป็นไปตามหลักนิติรัฐและนิติธรรม เพราะจะเป็นบรรทัดฐานของประเทศนี้ต่อไป ซึ่งหากมองทั้งด้านนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์แล้ว ในกรณีที่พลเอกประยุทธ์จะต้องมีเหตุให้พ้นจากตำแหน่งจะเป็นประโยชน์ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองพร้อมกัน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยก้าวพ้นปัญหาและเดินหน้าต่อไปได้

 

"ทางด้านเศรษฐกิจ การที่ประเทศไทยจะฟื้นเศรษฐกิจได้ ประเทศไทยจะต้อง การเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กลับมาเร็วที่สุด ไทยต้องอาศัยการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะการลงทุนในเรื่องเทคโนโลยีสมัยใหม่ต้องอาศัยต่างประเทศอย่างมาก"รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ  กล่าว

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวอีกว่า และที่ผ่านมาต้องยอมรับกันก่อนว่าประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียงและเสียเครดิตอย่างมากตั้งแต่มีการปฏิวัติรัฐประหารในปี 2557 และลากยาวมากว่า 6 ปีแล้ว ตั้งแต่ปีแรกของปฏิวัติการลงทุนจากต่างประเทศได้หายไปถึง 90% และ ยังไม่ฟื้นเลยตั้งแต่นั้นมา 

 

"ซึ่งแม้หลังจากมีการเลือกตั้งแล้ว ความมั่นใจก็ไม่ได้กลับมา เนื่องจากประชาคมโลกเห็นชัดเจนว่ารัฐบาลเป็นรัฐบาลสืบทอดอำนาจจากระบอบเผด็จการ โดยมีรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ ข้อมูลเหล่านี้สื่อหลักต่างประเทศได้นำมาตีแผ่โจมตีรัฐบาลไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่มีการปฏิวัติ จนมาถึงหลังเลือกตั้ง"รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าว

 

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวอีกว่า หรือแม้กระทั่งปัจจุบันที่มีการทำร้ายผู้ชุมนุมแบบผิดหลักสากลด้วยน้ำฉีดผสมสารเคมี และ แก็สน้ำตา ขนาด โฆษกของลขาฯ ยูเอ็นยังต้องออกมาตำหนิ ยิ่งทำให้ประเทศไทยหมดความน่าเชื่อถือ และ ไม่เหลือความเชื่อมั่นในสายตาของนักลงทุนต่างประเทศแล้ว

 

"ดังนั้น หากมีเหตุให้พลเอกประยุทธ์ต้องหลุดจากตำแหน่งโดยทันที จะช่วยลบภาพของรัฐบาลที่สืบทอดมาจากการปฏิวัติรัฐประหาร ยิ่งพลเอกประยุทธ์อยู่นาน เศรษฐกิจไทยจะยิ่งฟื้นยากขึ้นไปเรื่อยๆ ตลอด 6 ปีกว่าที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าพลเอกประยุทธ์ขาดความรู้ความสามารถที่นำพาประเทศให้พัฒนาต่อไปได้ และยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศได้เลย"รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าว

 

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวด้วยว่า ทางด้านการเมืองการที่ประชาชนจำนวนมากโดยเฉพาะนักศึกษาและนักเรียนออกมาชุมนุมเพื่อขับไล่พลเอกประยุทธ์เป็นจำนวนมาก และมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะความล้มเหลวที่พลเอกประยุทธ์บริหารประเทศในทุกด้านตลอดเวลาที่ผ่านมา อีกทั้งยังไม่เห็นเลยว่าในอนาคตจะดีขึ้นได้อย่างไร หากพลเอกประยุทธ์หลุดออกจากตำแหน่งจะทำให้หยุดการชุมนุมได้ 

 

"อีกทั้งจะสามารถทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น ซึ่งจะเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนอย่างแท้จริง โดยหากพลเอกประยุทธ์ยังมีอำนาจอยู่ จะมีความพยายามขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญที่สืบทอดอำนาจนี้ในรูปแบบต่างๆ และการมีรัฐธรรมนูญที่เป็นสากลโดยไม่มี 250 สว. มาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จะช่วยฟื้นความมั่นใจของต่างประเทศด้วย"รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าว

 

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ทั้งนี้ หากพลเอกประยุทธ์ยังดำรงตำแหน่งอยู่ ประเทศจะมีปัญหาเพิ่มมากขึ้น และปัญหาอาจจะลามไปถึงเรื่องอื่นๆด้วย ดังนั้นถ้ามีเหตุให้พลเอกประยุทธ์ออกจากตำแหน่ง จะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดที่จะแก้ปัญหาของประเทศนี้ได้ และจะหลีกเลี่ยงความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ จึงอยากให้ได้คิดกันในทุกด้าน

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ