ข่าว

"ทิพานัน" ตอก "ปิยบุตร" ปากกล้าขาสั่น ใช้ม็อบเป็นเครื่องมือกันชนตัวเอง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ทิพานัน" ตอก "ปิยบุตร" ปากกล้าขาสั่น ใช้ม็อบเป็นเครื่องมือกันชนตัวเอง ย้อนถามใครกันแน่อยากให้เกิดรัฐประหาร แนะใช้พรป.พรรคการเมืองจัดการขั้นเด็ดขาด ปม"ก้าวไกล"หนุนม็อบ กระทบต่อความมั่นคงของรัฐและขบวนเสด็จ

15 ต.ค.63 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่คณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลแถลงคัดค้านการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินพร้อมกับปกป้องการกระทำที่ผิดกฎหมายของการชุมนุมวันที่ 14 ตุลาคม 2563 ว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและการสลายการชุมนุมมีความสมเหตุสมผล ไม่ใช้ความรุนแรง ทำตามกรอบกฎหมายทุกประการเพราะรัฐก็มีหน้าที่ป้องกันเหตุความวุ่นวาย ดูแลความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชนคนอื่นๆ เพราะม็อบ 14 ตุลาไม่ใช่การชุมนุมอันสงบ ม็อบก่อความวุ่นวาย ปั่นป่วน กระทบต่อความมั่นคงของรัฐและขบวนเสด็จ ม็อบใช้สิทธิเกินส่วนที่รัฐธรรมนูญรับรอง  

น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า ดังนั้นเมื่อพรรคก้าวไกลแถลงปกป้องม็อบและกล่าวชัดเจนว่า “ผู้ชุมนุมมิได้มีเจตนาจะกระทำการให้กระทบต่อขบวนเสด็จ” จึงแสดงให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ชุมนุมในบทบาทที่สามารถรู้ลึกซึ้งละเอียดไปจนถึง “เจตนา” ของผู้ชุมนุมที่กระทำต่อขบวนเสด็จได้

 ดังนั้นพรรคก้าวไกลอาจเข้าข่ายดังนี้ ฝ่าฝืนบทบัญญัติตามพรป.พรรคการเมือง มาตรา 45 ที่ว่า “ห้ามมิให้พรรคการเมือง ส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน” และพรรคก้าวไกล เข้าข่ายมาตรา 92(2) คือ “กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” จึงขอเรียกร้องผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้มีการดำเนินการตามมาตรา 92 ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมือง

ข้อเรียกร้องของคณะก้าวหน้าที่นายธนาธรแถลงให้รัฐบาลจะต้องปล่อยตัวผู้ชุมนุมทั้งหมดนั้น เป็นข้อเรียกร้องที่เอาแต่ใจตัวเอง เอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นที่ตั้ง  ไม่สนใจหลักกฎหมาย ทั้งที่แกนนำม็อบฝ่าฝืนสิทธิตามรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมืองทั้งสิ้น โดยเฉพาะการกระทำของม็อบต่อขบวนเสด็จพระราชดำเนินนั้น ก็ทำให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของม็อบ

"อยากฝากไปถึงนายธนาธรแกนนำคณะก้าวหน้าและนายปิยบุตรในฐานะนักกฎหมาย จงกลับไปทบทวนกฎหมาย ว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีอำนาจปล่อยตัวผู้ชุมนุมที่ทำผิดกฎหมายได้  และที่นายปิยบุตรให้ความเห็นว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเสมือนเป็นรัฐประหารนั้น อาจแสดงให้เห็นถึงจิตใต้สำนึกของความขี้ขลาดหวาดกลัวตื่นตูม หมกมุ่นกับการรัฐประหารมากเกินไป หรือแท้จริงแล้วนายปิยบุตรต่างหากที่ฝักใฝ่ต้องการให้เกิดรัฐประหารกันแน่  ดังที่เคยได้ยินมาว่ามีนักการเมืองบางคนหวังให้เกิดการรัฐประหารเพื่อเป็นเหตุผลในการขอลี้ภัยในต่างประเทศ  การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ได้ทำให้เปลี่ยนรัฐบาล ยังเป็นรัฐบาลเดิม แต่เป็นการทำเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศ ในขณะที่รัฐประหารคือการใช้กำลังยึดอำนาจและเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ซึ่งมันแตกต่างกันอย่างชัดเจน นายปิยบุตรควรกลับไปเรียนมาใหม่ ไม่ควรมาสื่อสารกฎหมายใดๆ ให้สังคมสับสนในสื่ออีกต่อไป  หรือเป็นเพราะความหวาดกลัวว่าเมื่อจนตรอกแล้วตนเองอาจต้องออกมายืนแถวหน้าบนเวทีเองเพราะทุกวันนี้นายปิยบุตรมีพฤติกรรม ปากกล้าขาสั่น อยู่ใช่หรือไม่ " น.ส. ทิพานัน กล่าว
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ