"ศรีสุวรรณ"โวยรัฐบาลทำลายอาชีพ-ทอดทิ้งเกษตรกรชาวยาสูบเพชรบูรณ์
16 มีนาคม 2563 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลโดย กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลังได้ประกาศขึ้นภาษียาเส้นเกือบ 2,000 % จากเดิมกิโลกรัมละ 5 บาท ปรับเป็นกิโลกรัมละ 1,000 บาท โดยมีผลทันทีตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา
ซึ่งถือว่าเป็นการปรับสูงขึ้นมากเกินสมควรและโดยไม่มีเหตุผล ทำให้เกษตรกรจำนวนมากตั้งตัว ไม่ทัน และประสบปัญหามากมาย แม้รัฐบาลจะขยายเวลาการบังคับใช้ออกไปเป็นทางเลือก คือ ให้ผู้ประกอบการเสียภาษีในอัตราเดิมในปริมาณการซื้อยาเส้นของเกษตรกร ไม่เกิน 12,000 กก.ต่อราย ภายในสิ้นเดือน กันยายน 2563 นี้หากซื้อครบแล้วก็จะเข้าระบบภาษีใหม่ 2,000 % ทันที
กฎเกณฑ์ดังกล่าวกลุ่มผู้ประกอบการและเกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบไม่ยอมรับ และคัดค้านมาโดยตลอด เพราะเป็นการเก็บภาษีแบบทำลายอาชีพยาสูบโดยตรง โดยเอาเรื่องสุขภาพมาเป็นข้ออ้าง ทั้ง ๆ ที่ยาสูบปลูกกันมาตั้งแต่ยุคสุโขทัยเป็นราชธานีแล้ว ถ้ามีแต่ผลเสียจริงคนไทยคงสิ้นชาติกันไปหมดแล้ว แตกต่างจากพืชกัญชายาเสพติดที่รัฐกลับแก้ไขกฎหมายให้ปลูกได้
การเพิ่มภาษีอย่างแรงน่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมบุหรี่-กัญชา ซึ่งเป็นทุนข้ามชาติที่กำลังเข้ามาทำลายผู้ประกอบการและเกษตรกรของไทย โดยใช้กลไกของรัฐเอื้อประโยชน์ให้ ซึ่งในที่สุดราคาบุหรี่ซิกาแรตและยาเส้นก็จะราคาเท่ากัน ซึ่งบุหรี่ชิกาแรตจะได้เปรียบกว่า แต่จะเป็นการทำลายผู้ประกอบการยาเส้นและเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบให้ล้มหายตายจากไปทั้งระบบ แต่ผู้ที่เหลืออยู่คือบุหรี่นอกจากบริษัทบุหรี่ข้ามชาติเท่านั้น นี่จึงเป็นกุศโลบายที่แยบยลของข้าราชการไทยบางคนที่เอื้อประโยชน์ให้นายทุนข้ามชาตินั่นเอง
การประกาศของกรมสรรพสามิตทำให้เกษตรกรผู้ปลูกยาเส้นประสบปัญหาที่กระทบเป็นลูกโซ่ ทั้งกระทบรายได้ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ เพราะส่วนใหญ่จะเพาะปลูกมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า สร้างอาชีพหลักและอาชีพเสริมให้คนในชุมชนต่อเนื่องมากมาย เมื่อมีการประกาศใช้เต็มรูปแบบ จะมีผลกระทบเกษตรกร เพราะราคาจะตกลงมามากจากเดิมขายยาเส้นได้กิโลกรัมละ 200 บาท
ขณะนี้พ่อค้ารับซื้อเหลือเพียง กก.ละ 70-140 บาทเท่านั้น และราคาจะยิ่งตกต่ำลงมากไปกว่านี้เพราะผู้ประกอบการยาเส้นเริ่มปิดโรงงานกันไปมากแล้วเพราะสู้ภาษีใหม่ไม่ไหว และเงื่อนไขของกรรมสรรพสามิตก็หยุมหยิมมาก จึงไม่มารับซื้อยาเส้นจากเกษตรกรอีก
ปัญหาดังกล่าวชาวบ้านเคยแห่กันไปร้องเรียนและขอความช่วยเหลือจากส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐทั้ง 5 คนแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีใครมาแยแสหรือใส่ใจเลย ไม่เหมือนช่วงหาเสียงเลือกตั้งที่รับปากจะให้ความช่วยเหลือเต็มที่ แต่พอได้เป็นรัฐบาลแล้วกลับไม่กล้ามาพบชาวบ้านเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบเลย
เรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่ชาวเพชรบูรณ์ต่างมาระบายปัญหาให้ฟัง และมาร้องขอให้สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยช่วยเป็นธุระในการปกป้องอาชีพให้เกษตรในทุกรูปแบบจนถึงขั้นการฟ้องร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย และยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่เคยสนใจให้การดูและช่วยเหลือชาวยาสูบ และผู้ประกอบการยาเส้นเลย มีแต่จะเอาใจกลุ่มทุนข้ามชาติเท่านั้น
ส่วนคำพูดที่ว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังนั้น เป็นเพียงม๊อตโต้หาเสียงหลอกประชาชนไปวันๆเท่านั้น การขึ้นภาษีอย่างหฤโหดเช่นนี้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ “ถังแตก”แล้วใช่หรือไม่ จึงมารีดเลือดเอากับปูเยี่ยงนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง