ข่าว

ปปง.อายัดทรัพย์ 66 ล้าน "แชร์มือหลุด-เล่าต๋า"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บอร์ด ธุรกรรม ปปง. สั่งอายัดทรัพย์ คดีแชร์มือหลุด-เครือข่ายเล่าต๋า 66 ล้านบาท พร้อมสอบเส้นทางการเงิน หลอกขายหน้ากาก-อุ้มบุญ

 

               ปปง. ยังไม่สอบเส้นทางเงินแก๊งกักตุนค้าหน้ากากอนามัย ขณะที่บอร์ดธุรกรรมลงมติธุรกรรมสอบเส้นทางเงินพ่อค้าหลอกขายหน้ากากอนามัยผ่านเพจเฟซบุ๊ก โอนเงินแล้วไม่ได้สินค้า ขบวนการอุ้มบุญจีน พร้อมสั่งอายัดทรัพย์คดีแชร์ "มือหลุด" และเครือข่ายยาเสพติด "เล่าต๋า" เพิ่ม รวมทรัพย์กว่า 66 ล้านบาท

 

อ่านข่าว ทลายอุ้มบุญข้ามชาติ รวบนายทุนผัวเมียจีน

 

               วันที่ 11 มี.ค.2563 พล.ต.ต. ปรีชา เจริญสหายานนท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า คณะกรรมการธุรกรรมในคราวประชุม ครั้งที่ 3/2563 เมื่อวันที่ 10 มี.ค.63 ได้มีมติให้ดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน จำนวน 4 รายคดี ได้แก่

 

               1. คดีนายวัชรวิทย์ สุภาษิต ซึ่งพฤติการณ์แห่งคดีมีลักษณะเป็นความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 

 

               โดยนายวัชรวิทย์ได้เปิดเพจ “Mask – หน้ากากอนามัยราคาโรงงาน ปลีก – ส่ง” โฆษณาขายหน้ากากอนามัย ราคาโรงงานคุณภาพอย่างโรงพยาบาล ในราคากล่องละ 550 บาท ซึ่ง 1 กล่องบรรจุ 50 ชิ้น ชิ้นละ 11 บาท บนอินเทอร์เน็ตทาง Facebook และได้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อให้ผู้ที่สนใจสั่งซื้อหน้ากากอนามัย และโอนเงินให้

 

               ต่อมามีผู้เสียหายเข้าไปสั่งซื้อหน้ากากอนามัยจากเพจดังกล่าว โดยเมื่อหลังจากโอนเงินชำระค่าสินค้าหน้ากากอนามัยแล้วก็ไม่สามารถติดต่อนายวัชรวิทย์ สุภาษิต ได้ เบื้องต้นพบผู้เสียหายจำนวนมาก คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีมติให้ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของนายวัชรวิทย์ และผู้เกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์

 

             2. รายคดี นายจ้าว หราน (สัญชาติจีน) กับพวก ซึ่งพฤติการณ์แห่งคดีมีลักษณะเป็นความผิดเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมที่มีกฎหมายกำหนดเป็นความผิดอันเป็นมูลฐานตามมาตรา 3 วรรคหนึ่ง (10) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

 

             โดยพบว่านายจ้าว หราน กับพวกได้ลักลอบดำเนินการให้มีการอุ้มบุญข้ามชาติโดยผิดกฎหมาย มีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยจะมีนายหน้าเข้าไปติดต่อหาหญิงไทยที่ต้องการรับจ้างตั้งครรภ์แทนให้กับนายทุนผู้ว่าจ้างสัญชาติจีน เสนอให้ค่าตอบแทนรายละ 300,000 – 450,000 บาท

 

               ซึ่งนายหน้าจะพาหญิงที่รับจ้างตั้งครรภ์แทนเดินทางไปที่ประเทศกัมพูชาหรือประเทศลาว เพื่อฉีดฝังตัวอ่อน จากนั้นจะพากลับมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลในประเทศไทย เมื่อใกล้ถึงกำหนดคลอดอายุครรภ์ประมาณ 7 - 8 เดือน นายหน้าจะพาหญิงที่รับจ้างตั้งครรภ์แทนเดินทางไปคลอดบุตรที่ประเทศจีน และส่งมอบบุตรที่คลอดให้กับลูกค้าชาวจีน คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีมติให้ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ของนายจ้าว หราน กับพวก รวมทั้งผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์

 

               3. คดี น.ส.วราภรณ์ เข็มนอก กับพวก ซึ่งพฤติการณ์แห่งคดีมีลักษณะเป็นความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา หรือความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยน.ส.วราภรณ์  เข็มนอก กับพวกได้เปิดเพจ Facebook  จำนวนหลายเพจ ได้แก่ “waraporn khemnak’ll”, “บิวตี้เพ็ญ (Beauty Pen)”,“Phakbung First” และ“Ampikha Damnoenngam”

 

             โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อโฆษณาชักชวนบุคคลทั่วไปให้ร่วมลงทุนซื้อขายแชร์มือหลุด และหลอกลวงว่าจะได้ผลตอบแทนสูง โดยมีการตั้งกลุ่มชื่อแชร์ว่า แชร์มือหลุดพี่บี และกลุ่มมือรวย p&p จงมีและรวยมาก ทำให้มีผู้เสียหายหลงเชื่อและเข้าซื้อขายแชร์มือหลุดจำนวนมาก ปรากฏความเสียหายรวมทั้งสิ้นประมาณ 105,452,450 บาท คณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 40 รายการ พร้อมดอกผล (เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 65,541,628.94 บาท ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน

 

               4. คดี น.ส.วิไลลักษณ์ แสนลี่ กับพวก ซึ่งมีพฤติการณ์ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (1) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดย น.ส.วิไลลักษณ์ แสนลี่ กับพวก เป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดของ นายเลาต๋า แสนลี่ ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ทางภาคเหนือ ซึ่งถูกจับกุมดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและศาลฎีกาได้พิพากษาให้จำคุกแล้ว

 

             โดย น.ส.วิไลลักษณ์  แสนลี่ ทำหน้าที่รับโอนเงินค่ายาเสพติดต่อจาก น.ส.ซู่ยิง แซ่หวู่ ภรรยาของนายปรีชา แสนลี่ โดยเงินดังกล่าวเป็นเงินที่รับมาจากกลุ่มผู้ซื้อยาเสพติดทางภาคใต้ ทั้งยังมีหน้าที่ในการแปรสภาพเงินที่ได้จากการกระทำผิดไปเป็นทรัพย์สินอื่นเพื่อปกปิดแหล่งที่มาของเงินดังกล่าว คณะกรรมการธุรกรรม มีมติให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 3 รายการ พร้อมดอกผล (รถยนต์และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง) รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 500,000 บาท ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับกรณีนายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือ บอย ผู้แอบอ้างเป็นคนสนิทผู้ติดตามรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ถูกเพจดังแฉว่ากักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ส่งขายเกินราคาควบคุม เรื่องยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการธุรกรรม ปปง.
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ