ข่าว

ศาลตัดสัญญาณมือถือ คุมเข้มป้องกันคำวินิจฉัยหลุด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลรัฐธรรมนูญเข้มตัดสัญญาณมือถือป้องกันคำวินิจฉัยหลุดจากที่ประชุมตุลาการ ประเมินแนวทางคำพิพากษาออกดอกไหนก็อาการหนัก ส่อหมดอนาคตพ่วงคดีอาญา

 

 

 

                20 ก.พ.2563-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (พรุ่งนี้ 21) ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ ตามมาตรา 92 วรรรคหนึ่ง( 3) ประกอบ มาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 กรณีพรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 191.2 ล้านบาท  โดยในช่วงเช้าคณะตุลาการจะประชุมแถลงด้วยวาจาและลงมติ พร้อมจัดทำคำวินิจฉัย  ซึ่งตลอดเวลาการประชุมพิจารณาและก่อนออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในเวลา 15.00 น. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสัญญาณโทรศัพท์บริเวณโดยรอบสำนักงานเพื่อป้องกันไม่ให้คำวินิจฉัยรั่วไหลออกไปก่อน
                

 

ศาลตัดสัญญาณมือถือ คุมเข้มป้องกันคำวินิจฉัยหลุด

 

 

                ทั้งนี้ มีรายงานว่าในการยื่นคำชี้แจงของกกต.ต่อศาลนั้น กกต.ได้ให้ข้อมูลว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 60 มาตรา 62 กำหนดที่มารายได้ของพรรคการเมืองไว้ 7 ประเภท เพื่อใช้ในการดำเนินกิจการทางการเมืองตามอุดมการณ์  ไม่มีประเภทรายได้อื่นๆ ที่เปิดช่องให้พรรคการเมืองสามารถกู้ยืมเงินมาดำเนินกิจการได้ ประเภทของรายได้ดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่แสดงลักษณะเฉพาะของนิติบุคคลตามกฎหมายพรรคการเมืองซึ่งจะต่างจากนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

 

 

           ดังนั้นหากไม่ใช่เงินรายได้ที่กำหนดไว้ในกฎหมายพรรคการเมืองแล้วแม้จะเป็นเงินที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็อาจเป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายพรรคการเมือง ขณะเดียวกันการที่กฎหมายกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการได้มาของรายได้แต่ละประเภท คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ให้ไว้แตกต่างกัน เช่น รายได้จากเงินบริจาคตามมาตรา 66 มีการกำหนดเงื่อนไขในการให้พรรคการเมืองไว้มากที่สุด  

 

 

 

ศาลตัดสัญญาณมือถือ คุมเข้มป้องกันคำวินิจฉัยหลุด

 

 

               รายได้จากการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมืองมีเงื่อนไข การให้พรรคการเมืองลดหลั่นลงมา หรือรายได้จากการจำหน่ายสินค้า บริการของพรรคที่มิได้กำหนดเงื่อนไขการให้พรรคไว้แต่อย่างใด ก็เพื่อเป็นหลักประกันถึงความโปร่งใสการได้มาซึ่งรายได้ และการป้องกันมิให้เกิดการกระทำนิติกรรมอำพรางการได้มาซึ่งรายได้ของพรรคการเมือง ดังนั้นพรรคการเมืองที่หารายได้โดยไม่เป็นไปตามประเภทรายได้ หรือรับเงินโดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการได้มาของรายได้ ที่พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 กำหนด  เงินที่ได้มาจึงไม่เป็นเงินจากแหล่งรายได้ตามที่กฎหมายกำหนดเข้าลักษณะความผิดตามมาตรา 72
                

 

                ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ต่อสู้ว่าพรรคการเมืองเป็นนิติบุคคลเช่นบริษัทเอกชนสามารถที่กู้ยืมเงินได้ โดยมีการเมืองอีก 16 พรรคที่มีการกู้เช่นกันแต่กกต.กลับเลือกปฏิบัติไม่ดำเนินการเอาผิด รวมทั้งเงินกู้ไม่ใช่เงินรายได้ ไม่ใช่บริจาค รวมถึงไม่ใช่ผลประโยชน์อื่นใดหรือเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาไม่ชอบที่จะผิดมาตรา 72 อีกทั้งขั้นตอนการพิจารณาของกกต.เร่งรัด ไม่ถูกต้องไม่ให้โอกาสพรรคในการยื่นเอกสารหลักฐานอย่างเต็มที่ซ้ำเป็นการมุ่งที่จะเอาผิดกับพรรคอนาคตใหม่โดยเฉพาะ

 

ศาลตัดสัญญาณมือถือ คุมเข้มป้องกันคำวินิจฉัยหลุด


                

 

                อย่างไรก็ตาม มีการคาดเดาแนวทางคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีนี้ เป็น 3 แนวทาง ดังนี้ 1. ศาลเห็นว่ามีความผิด ตัดสินยุบพรรค พร้อมเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ 10 ปี ตามแนวคำวินิจฉัยที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัยไว้ในคดียุบพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งถ้าเป็นแนวทางนี้กกต.ก็จะมีการดำเนินคดีอาญาซ้ำด้วย  2. ศาลเห็นว่าการกู้เงินของพรรคการเมืองไม่มีความผิดตามมาตรา 72 ให้ยกคำร้อง และ  3. มีความผิด แต่เป็นความผิดตามมาตรา 62 มาตรา 66 พ.ร.ป.พรรคการเมืองเท่านั้น ไม่อยู่ในอำนาจที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาจึงยกคำร้องยุบพรรค  

 

 

 

 

               ซึ่งหากเป็นแนวทางนี้เรื่องดังกล่าวก็จะวนกลับมาที่กกต.จะต้องเป็นผู้พิจารณาดำเนินการตามระเบียบกกต.ว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาด 2561 เพื่อที่จะดำเนินคดีอาญา ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 60  มาตรา 124 ที่กำหนดเอาผิด ผู้บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองมีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาทต่อปี  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี  หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้น 5 ปี และมาตรา 125 ที่กำหนดเอาผิดพรรคการเมืองที่รับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดมีมูลค่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น 5 ปี และให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดส่วนที่เกินมูลค่าที่กฎหมายกำหนดไว้ 10 ล้านบาทตกเป็นของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง  

 

 

                   รวมทั้งอาจมีการดำเนินคดีในกรณีที่พรรคมีการนำเงินรายได้ของพรรคที่ได้จากการระดมทุน การรับบริจาค ขายของที่ระลึก ซึ่งกฎหมายกำหนดห้ามนำไปใช้เพื่อการอื่นใดนอกจากการดำเนินงานของพรรคการเมืองตามมาตรา 87ไปใช้หนี้เงินกู้ให้กับธนาธร โดยมาตรา  132 กำหนดโทษไว้หากหัวหน้าพรรค  กรรมการบริหารพรรค และเหรัญญิกพรรคผู้ใดนำเงินหรือยินยอมให้บุคคลนำเงิน ทรัพย์สินของพรรคไปใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือบุคคลอืน หรือนำไปใช้เพื่อการอื่นอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 87 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10ปี ปรับ ตั้งแต่ 100,000-200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งในคดีอาญาจะต้องต่อสู้ในศาลถึง 3 ศาล

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ