ข่าว

อนาคตใหม่แห้ว ศาลรธน.ไม่เปิดไต่สวนพยานคดีพรรคกู้เงิน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ไม่เปิดไต่สวนพยานคดียุบพรรค ศาลยืด อนค. ส่งเอกสาร 17 ก.พ. รัฐปิดประตูโหวตงบ 63 ฉลุย "สิระ" นำจับเสียบบัตรแทนกัน

 

               อนาคตใหม่แห้ว ศาลรธน.ไม่เปิดไต่สวนพยานคดีพรรคกู้เงิน 191 ล้าน แต่ยืดเวลายื่นเอกสารคำชี้แจงถึงวันที่ 17 ก.พ. ก่อนชี้ขาด 21 ก.พ. ขณะที่กกต.ส่งคำชี้แจงยันทำถูกต้องทุกอย่าง ด้านรัฐบาลส่อลงมติงบประมาณ 63 รวดเดียวจบวันนี้หลังฝ่ายค้านตีรวนไม่ร่วมโหวต ย้ำเสียงพรรคร่วมต้องครบ “สิระ” ทุ่ม 10 ล้าน แจกคนแฉหลักฐาน ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน ขณะที่“บิ๊กตู่”แอ่วพะยา-น่าน คนแห่มอบดอกไม้ให้กำลังใจ

อ่านข่าว-ลุ้นคดียุบพรรคไปด้วยกันอนาคตใหม่ถึงถึงขั้นแจกยาดม

 

               ยังคงเดินหน้าเรียกร้องสิทธิในการยื่นเอกสารแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญอย่างต่อเนื่อง สำหรับพรรคอนาคตใหม่ที่พยายามยกเหตุผลต่างๆ ให้สังคมเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคดีเงินกู้พรรคเกิดจากความไม่ชอบธรรมที่ผู้มีอำนาจและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พยายามยัดเยียดความผิดให้ทั้งที่พรรคกระทำทุกอย่างด้วยความถูกต้อง


เด็กอนค.ยื่นหลักฐานศาลรธน.

 

               ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ศาลรัฐธรรมนูญ น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ พร้อมนายอนาวิล รัตนสถาพร ส.ส.เขต 3 ปทุมธานี และทนาย เข้ายื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีศาลรัฐธรรมนูญให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีพรรคอนาคตใหม่กู้เงิน 191 ล้านบาท จากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ยื่นเอกสารคำชี้แจงภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ก่อนที่จะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นี้

 

               น.ส.จารุวรรณ กล่าวว่า ได้ยื่นคำชี้แจงต่อศาลโดยเป็นหนังสือตอบของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารที่ตอบกลับมาว่าอยู่ระหว่างการเรียกเอกสารจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีมติให้ยุบพรรคเพราะตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา หลัง กกต.มีมติ ได้พยายามที่จะยื่นขอพยานหลักฐานต่างๆ จากทั้งกกต. และช่องทางอื่นๆเพื่อจะได้นำมาเป็นข้อมูลในการทำคำชี้แจงที่ต้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่ไม่เคยได้รับ ถือว่าน่าเศร้าใจมากที่ต้องยื่นชี้แจงต่อศาลในลักษณะนี้ แต่ถือว่าตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาได้ทำเต็มที่ดีที่สุดแล้ว ก็ให้ศาลได้พิจารณาต่อไป และหวังว่าจะได้รับความยุติธรรม

 

               “ยอมรับว่าการชี้แจงต่อศาลในลักษณะนี้ ส่งผลเสียต่อการสู้คดี เพราะทราบว่า กกต.กล่าวหาว่าอะไร ขั้นตอนการพิจารณาของอนุกรรมการมีการพิจารณาอย่างไร ก็จะสามารถชี้แจงและส่งข้อมูลได้อย่างถูกต้อง แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่เห็นข้อกล่าวหาใดๆ ได้เห็นเพียงแต่มติยุบพรรคของ กกต.เท่านั้น และหวังว่าเอกสารชี้แจงในวันนี้จะได้รับการพิจารณาในที่ประชุมของศาลรัฐธรรมนูญ” น.ส.จารุวรรณ กล่าว

 

ยันส.ส.ทุกคนไม่คิดชิงลาออก

 

               น.ส.จารุวรรณ ระบุว่า ไม่เคยมีแนวคิดที่จะลาออกจากการเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในคดีนี้ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และจากที่พูดคุยกับกรรมการบริหารพรรคอื่นๆ ที่ยังเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่ออยู่ ณ เวลานี้ก็ยังไม่มีใครตัดสินใจลาออก เพราะเราเชื่อว่าจะไม่มีการยุบพรรคเกิดขึ้น เรายังเชื่อว่าสิ่งที่เราทำถูกต้อง โดยสิ่งที่ กกต.ดำเนินการผิดขั้นตอน เราไม่เชื่อข่าวลือว่ามีธงที่จะยุบพรรค กรรมการบริหารทุกคนยังมีความตั้งใจที่จะทำงานการเมืองต่อไป

 

ศาล รธน. ยืดอนค.ส่งเอกสาร17ก.พ.

        มีรายงานว่าศาลรัฐธรรมนูญ ยกคำร้องที่พรรคอนาคตใหม่ขอให้ศาลเปิดการไต่สวนพยานคดีเงินกู้ 191.2 ล้านบาทของพรรคอนาคตใหม่  แต่ให้ขยายวันให้พยานทั้งหมดส่งคำชี้แจง มาใหม่ภายในวันจันทร์ ที่ 17 ก.พ.นี้ และยังยึดคำสั่งเดิมของศาลรัฐธรรมนูญที่จะนัดวินิจฉัยคดีเงินกู้ดังกล่าวในวันศุกร์ที่ 21 ก.พ. นี้

 

   “กกต.” ยื่นคำชี้แจงต่อศาลรธน.แล้ว

            วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม กกต.พิจารณาคำชี้แจงของนายทะเบียนพรรคการเมืองและคำชี้แจงของเจ้าหน้าที่ กกต. ที่พรรคอนาคตใหม่อ้างเป็นพยานในคดียุบพรรคจากเหตุกู้เงิน 191 ล้านบาทจากนายธนาธร ที่สำนักงาน กกต.ได้จัดทำขึ้น ซึ่งจะต้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด โดยทางศาลรัฐธรรมนูญขอให้ กกต.ชี้แจงในเรื่องขั้นตอนการพิจารณาคำร้องดังกล่าว ซึ่งทาง กกต.ชี้แจงยืนยันว่า ขั้นตอนการพิจารณาเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย 

 

               แม้ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน อนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งของสำนักงานกกต.จะมีความเห็นเสนอต่อกกต.ให้ยกคำร้อง แต่อำนาจในการพิจารณาวินิจฉัยเป็นของ กกต. ซึ่งสามารถเห็นตามหรือเห็นต่างจากที่คณะกรรมการสืบสวนฯ หรืออนุกรรมการเสนอได้ โดยหลังที่ประชุม กกต.ได้เห็นชอบคำชี้แจงดังกล่าวแล้วก็ได้ให้เจ้าหน้าที่นำไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อช่วงเวลา 16.00 น.ที่ผ่านมา

 

‘ชวน’ขอทุกฝ่ายร่วมผ่านงบ

 

               ด้านความคืบหน้าเกี่ยวกับการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์นั้น วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เรื่ององค์ประชุมสภาเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลเสียงข้างมาก และส.ส.ทุกคน แต่รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบมากกว่าอีกฝ่าย 

 

               อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายงบประมาณเป็นเรื่องที่ค้างการพิจารณามาพอสมควรแล้ว จึงต้องหาทางช่วยกันเพื่อประโยชน์ส่วนรวม อย่างไรก็ตามอยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน อย่างน้อยกฎหมายนี้เป็นกฎหมายสำคัญที่ต้องมีเงินไปใช้จ่ายสำหรับทุกองค์กร

 

‘วิษณุ’ย้ำรัฐบาลต้องมีเสียง‘พอ’

 

               ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ในวาระ 2 และวาระ 3 ควรจะมีขั้นตอนการอภิปรายอีกครั้งหรือไม่ ว่า ไม่ทราบ อยู่ที่วิปฝ่ายค้านและวิปฝ่ายรัฐบาล ที่จะไปตกลงกันว่าจะอภิปรายหรือไม่อภิปราย เสร็จแล้วก็โหวตเสียบบัตรกันทีละมาตรา จนกระทั่งมาตราสุดท้าย แล้วเข้าสู่วาระ 3

 

               เมื่อถามว่าหลังจากพิจารณาเสร็จแล้ว ฝ่ายค้านไม่ร่วมโหวตไม่ถือว่ามีปัญหาใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ไม่มีปัญหา เพราะคราวที่แล้วเขาก็ไม่ได้โหวต ซึ่งจริงๆ ก็น่าจะไม่ได้โหวตในกฎหมายหลายฉบับ แต่ว่าเสียงทางฝ่ายรัฐบาลต้องให้พอ

 

ไม่ให้ราคา‘เหลิม’ล็อกเป้า

 

               นอกจากนี้ นายวิษณุ ยังให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษของพรรคเพื่อไทย แสดงความมั่นใจว่า การอภิปรายครั้งนี้จะล้มรัฐบาลได้ ทั้งยังพุ่งเป้ามาที่นายวิษณุด้วยว่า ไม่ทราบ ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม มองว่าตีความกฎหมายไปอีกอย่างหนึ่งนั้น ขอบคุณที่บอก ส่วนมั่นใจจะชี้แจงได้ใช่หรือไม่นั้น ถ้าเขาถามก็ต้องตอบ ไม่มีอะไร ตอนนี้ยังไม่ได้ยินคำถามอะไร ถ้าถามก็จะตอบ

 

วิปรัฐบาลแย้มส่อลงมติรวดเดียว

 

               นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวรัฐบาลอาจจะขอให้สภาลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ในวาระ 2 และ 3 ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ โดยไม่มีการอภิปรายก่อนการลงมติอีก ว่า ไม่ถึงขั้นที่จะให้ ส.ส.หรือผู้ที่สงวนความเห็นงดการอภิปราย แต่วิปรัฐบาลเห็นว่าการอภิปรายในวาระ 2 นั้น เคยเกิดขึ้นมาแล้ว จึงต้องหารือเพื่อให้การพิจารณาดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 ล่าช้าถึง 5 เดือนแล้ว หน่วยงานต่างๆ มีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนงาน

 

               นายชินวรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการประชุมวิปรัฐบาลในวันนี้ได้หารือเพื่อให้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 สามารถพิจารณาได้รวดเร็ว และใช้เวลาเพียง 1 วัน อย่างไรก็ตาม ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า วิปฝ่ายค้านอาจจะงดการเข้าร่วมพิจารณาวาระ 2 และ 3 นั้น เป็นประเด็นที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล จะต้องไปหารือกับนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ซึ่งน่าจะหาข้อตกลงที่เป็นข้อยุติร่วมกันได้ แต่หากฝ่ายค้านยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วม ฝ่ายรัฐบาลก็มีหน้าที่สำคัญ คือ การรักษาองค์ประชุมและการลงมติให้ครบถ้วน

 

“สิระ”ทุ่มแจก10ล้านล่าเสียบบัตร

 

               ขณะที่ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ แถลงว่า จากปัญหาการเสียบบัตรแทนกันของส.ส. จนทำให้การบังคับใช้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ต้องล่าช้าออกไป ไม่เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ดังนั้นคิดว่านับจากวันนี้เป็นต้นไป หากสื่อมวลชนและพลเมืองดีทั่วไป พบ ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน 2 ครั้งขึ้นไป กับการลงมติกฎหมายทุกฉบับ รวมทั้งญัตติต่างๆ หากมีหลักฐานดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือวิดีโอสามารถรับเงินกับตนได้ เหตุการณ์ละ 1 แสนบาท โดยไม่จำกัดเหตุการณ์ แต่ห้ามก๊อบปี้ภาพเขาแล้วมารับเงิน 

 

               โดยหลักฐานดังกล่าวไม่ต้องผ่านการตรวจสอบในชั้นศาล หรือตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบ แต่สามารถมารับเงินโดยตรงได้เลย เพราะมีทรัพย์สินถึง 500 ล้านบาท คิดว่างานนี้คงไม่เกิน 10 ล้านบาท ยังเหลือเงินอีกตั้ง 490 ล้านบาท สำหรับผู้ที่นำหลักฐานมาเปิดเผยมีวิธีปกปิดไม่ให้ได้รับผลกระทบตามมา

 

               นายสิระ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ทำเช่นนี้เพราะเชื่อว่าการเสียบบัตรแทนกัน ไม่มีเฉพาะฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น มี ส.ส.ฝ่ายค้านด้วยหรือไม่ จึงต้องการดัดหลังคนที่ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ สร้างความเสื่อมเสียต่อสภา และต้องการให้การทำงานของ ส.ส.โปร่งใสซื่อสัตย์สุจริต ตามที่สาบานตนไว้

 

ฝ่ายค้านไม่สังฆกรรมลงมติ

 

               วันเดียวกัน ที่รัฐสภา คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เป็นต้น ร่วมกันแถลงถึงมติของวิปฝ่ายค้าน โดยนายสุทินแถลงว่า มติ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ครั้งที่ 2 วันที่ 12 กุมภาพันธ์ กำหนดให้ ส.ส.ของพรรคร่วมฝ่ายค้านมาปฏิบัติหน้าที่ลงชื่อเป็นองค์ประชุมตามปกติ 

 

               เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลผ่านกฎหมายนี้โดยรวดเร็ว ตามความต้องการของสังคม แต่ฝ่ายค้านจะไม่อยู่ร่วมประชุมด้วย และให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการดำเนินการ เพราะสาเหตุที่ทำให้กฎหมายงบประมาณต้องสะดุดเกิดจากฝ่ายรัฐบาลเสียบบัตรแทนกัน นอกจากนี้ การที่ไม่ขอร่วมลงมติด้วย เพราะกังวลว่า อาจจะขัดต่อมาตรา 143 เรื่องกรอบเวลา 105 วัน ซึ่งอาจสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำที่ส่อขัดกฎหมาย

 

               “มติที่ออกมาจะเอื้อให้ร่าง พ.ร.บ.ผ่านสภาได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการของประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายค้านให้ความร่วมมือด้วยการงดออกเสียงเพื่อให้ พ.ร.บ.นั้นผ่านได้ง่าย แต่ก็มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น คือ มีการเสียบบัตรแทนกันของฝ่ายรัฐบาล ทำให้ พ.ร.บ.งบประมาณต้องสะดุด และต้องมีการพิจารณาใหม่ ทั้งนี้สาเหตุที่ไม่เข้าร่วมประชุม เพราะมีความกังวลหลายเรื่อง จึงขอเปิดทางให้ฝ่ายรัฐบาล และไม่ขอกระทำการที่เสี่ยงต่อการกระทำที่ไม่ชัดเจนว่าจะถูกหรือผิด” นายสุทิน กล่าว

 

จี้ส.ส.เสียบบัตรแทนรับผิดลาออก

 

               ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ ระบุว่า เรียกร้องให้ ส.ส.ที่เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยการลาออกจากตำแหน่ง หากยังเพิกเฉย ฝ่ายค้านก็จะพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนอื่นๆ ต่อไป พร้อมเชื่อมั่นว่า กรณีการเสียบบัตรเเทนกันจะมีเฉพาะในส่วนของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น ไม่มีฝ่ายค้านอย่างแน่นอน

 

               “ความรับผิดชอบทางการเมือง เป็นสิ่งที่นักการเมืองทุกคนต้องมี ซึ่งการรับผิดชอบสูงสุดคือการลาออก ฝ่ายค้านจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่เสียบบัตรแทนกันรับผิดชอบด้วยการลาออก เพราะทำให้สภาเสียหาย หากไม่แสดงความรับผิดชอบจะยื่นฟ้องอาญาต่อไปหรือไม่ คงต้องให้โอกาสและเวลาฝ่ายรัฐบาลก่อน” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

 

ปิยบุตรหวั่นศาลอยู่เหนือรธน.

 

               ขณะที่นายปิยบุตร กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีผลผูกพันกับทุกองค์กร จึงต้องจำกัดอำนาจไว้เท่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้เท่านั้น กรณีนี้ หากศาลเห็นว่า กระบวนการตรากฎหมายเป็นไปโดยไม่ชอบ ก็ต้องให้ร่างกฎหมายตกไปทั้งฉบับ และการที่ระบุให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาลงมติในวาระ 2 และ 3 ใหม่นั้น ถือว่าเป็นการวินิจฉัยเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ 

 

               ดังนั้นหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ในอนาคตจะเกิดปัญหาว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะกลายเป็นซูเปอร์รัฐธรรมนูญ และอยู่เหนือรัฐธรรมนูญทั้งหมด ซึ่งจะกระทบต่อการถ่วงดุลอำนาจของฝ่ายต่างๆ ทั้งตุลาการ นิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร ตามระบอบประชาธิปไตย

 

เสรีพิศุทธ์ฮึ่มจ่อยื่นฟ้อง 52 ส.ส.

 

               พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงการลงมติวาระที่ 2 และ 3 ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 โดยรัฐบาลขอความร่วมมือไม่อภิปรายว่า เรื่องนี้แล้วแต่มุมมอง แต่ยืนยันว่าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ผิดกฎหมายตั้งแต่เริ่ม เนื่องจากนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้เสนอร่างกฎหมาย ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน เข้ารับหน้าที่และบริหารราชการไม่ได้ แล้วระหว่างการพิจารณายังเกิดเหตุการณ์เสียบบัตรแทนกันอีก ซึ่งพรรคเสรีรวมไทยทำคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

 

               พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่เคยระบุว่าจะฟ้องคนที่ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 นั้น เพิ่งได้รับเอกสารรายชื่อคนลงมติ แต่ยังไม่ได้เปิดอ่าน เพราะติดเรื่องกรรมาธิการอยู่ ไว้ว่างแล้วค่อยดำเนินการ เพราะความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่มีอายุความถึง 10 ปี 

 

               ส่วนกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ จะขอเลื่อนญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณามีมติให้พ้นจากการเป็นประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ขึ้นมาพิจารณาก่อนนั้น เรื่องนี้ไม่มีอะไร และจะได้ถือโอกาสชี้แจงให้สื่อมวลชนทราบความเป็นมา เบื้องต้นได้ยื่นฟ้องนายไพบูลย์ และผู้ร่วมแถลงที่จะเสนอญัตติรวม 3 คนแล้ว และเตรียมขอรายชื่อยื่นฟ้องผู้ร่วมเสนอชื่อในญัตติอีก 52 คน

 

‘แรมโบ้’จัดหนักเฉลิมพูดไม่ให้ราคา

 

               ด้านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่าไม่ให้ราคากลุ่มอดีต ส.ส.นอกสภา ที่ตั้งวอร์รูมตอบโต้ฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า เป็นการให้สัมภาษณ์สไตล์เดิมๆ ของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ตั้งวอร์รูมนอกสภานั้น คณะทำงานเตรียมข้อมูลส่งให้พรรครัฐบาล และ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีอดีตนักการเมือง 24 คน ที่มีผู้มีประสบการณ์ทางการเมืองมากมาย ซึ่งทุกคนล้วนมีประสบการณ์ตั้งแต่อยู่พรรคไทยรักไทย จนถึงพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ดังนั้น คนเหล่านี้ถึงแม้ไม่ได้เป็น ส.ส.ในสภา ในปัจจุบัน แต่ล้วนมีประสบการณ์มีข้อมูลของคนในพรรคมากมาย รู้ไส้รู้พุงเป็นอย่างดี

 

               “กรณี ร.ต.อ.เฉลิมไม่ให้ราคาคนเหล่านี้เพราะอยู่นอกสภา ก็อยากจะถามกลับท่านเหมือนกันว่า ร.ต.อ.เฉลิม ก็อยู่นอกสภาไม่ได้อยู่ในสภาเช่นกัน ราคามวยก็คงไม่ได้มีราคาอะไรมากมายที่ต้องกังวล อย่างน้อยจะได้พิสูจน์ใครมีข้อมูลของใครมากกว่ากัน ของทีมเราเป็นของจริงพิสูจน์ได้ เพราะมีหลักฐานพยาน บางเรื่องได้มีการดำเนินคดีไปแล้วมากมายหลายคดี บางคนก็ติดคุกติดตะรางไปแล้วด้วย และอาจจะมีคนในพรรคเพื่อไทยบางคนเดินเข้าคุกตามไปอีก หรือไม่ก็ต้องหนีออกนอกประเทศหลังอภิปราย” นายสุภรณ์ กล่าว

 

‘กรณ์’ คัด12ผู้ชนะจาก1.2แสนชื่อ

 

               วันเดียวกัน นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์คลิปตัวอย่างชื่อพรรคที่มีผู้เสนอเข้ามาผ่านทางเฟซบุ๊ก พร้อมระบุว่า “ขอขอบคุณอีกครั้งที่ #ช่วยกรณ์ตั้งชื่อพรรค นะครับ ชื่อที่เราจะนำมาเป็นชื่อพรรค มีผู้ชนะ 12 จาก 120,000 ชื่อ 14 กุมภา' นี้ ชื่อพรรคมาแน่! แล้วพบกันครับ #รวมพลคนมีของ #เรามาเพื่อลงมือทำ”

 

“นายกฯ” ถึงพะเยา-ชาติต้องสงบ

 

               ด้านภารกิจของนายกรัฐมนตรีนั้น วันเดียวกัน เวลา 08.25 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และคณะ ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานน่าน จากนั้นต่อเฮลิคอปเตอร์กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 ไปยังวัดศรีโคมคำ พระอารามหลวง ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา เข้าสักการะพระพุทธรูปพระเจ้าตนหลวง กราบสรีระสังขารพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปวง ธมฺมปญฺโญ)

 

               จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้รับชมการแสดงเพลงบรรเลงจากอังกะลุง ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า แม้จะทำงานหนักแต่ก็ตั้งใจทำเพื่อทุกคน และกล่าวหยอกล้อว่า “เจ็บใจคนรักโดนรังแก” ซึ่งเป็นเนื้อหาหนึ่งในบทเพลง ผู้ชนะสิบทิศ จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังหนองเล็งทราย เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำและการพัฒนาหนองเล็งทราย อ.แม่ใจ จ.พะเยา เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการบริหารจัดการน้ำและการพัฒนาหนองเล็งทราย

 

ชาวน่านนำกุหลาบรอต้อนรับ

 

               ต่อมาเวลา 13.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาถึงท่าอากาศยานน่านนคร จ.น่าน เพื่อออกเดินทางไปยังศูนย์ราชการจังหวัดน่าน ต.ไชยสถาน อ.เมือง จ.น่าน โดยทันทีที่มาถึง ประชาชนชาวน่านนำดอกกุหลาบสีชมพูมารอต้อนรับเพื่อมอบเป็นกำลังใจ พร้อมบอกว่า เป็นกำลังใจให้นายกฯ และขากลับจะมารอส่งนายกฯ กลับด้วย จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ร่วมถ่ายภาพกับประชาชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

 

แจกโฉนดชาวบ้านพร้อมบิ๊กป๊อก

 

               ต่อมาเวลา 14.10 น. ที่หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดน่าน พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ เดินทางมาร่วมติดตามการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟ และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของ จ.น่าน ต่อมาได้มอบที่ดินโฉนดคืนให้แก่เกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จำนวน 2 ราย และเป็นประธานสักขีพยานร่วมกับนายอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย (มท.) 

 

               โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ภายใต้โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน รวมถึงมอบเอกสารโครงการจัดระเบียบการใช้ที่ดินป่าไม้ให้แก่ชุมชน จำนวน 5 ราย

 

ชม“เลขาฯนายกฯ”ช่วยพ้นคุก

 

               ต่อมาเวลา 16.45 น. นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมวิสหากิจชุมชนชีววิถีตำบลน้ำเกี๋ยน ซึ่งเป็นชุมชนหมู่บ้านเกษตรนวัตวิถี ซึ่งได้รับการพัฒนาและต่อยอดเรื่องสมุนไพร จนมีผลิตภัณฑ์สร้างชื่อเสียงในระดับประเทศและระดับโลก จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำคณะทำงานที่ร่วมเดินทางมาในวันนี้ ทั้ง รมว.มหาดไทย รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมหยอกล้อ นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นบุคคลสำคัญที่ช่วยให้นายกรัฐมนตรีไม่ต้องเข้าคุก นอกจากนี้ ยังขอให้ทุกคนร่วมมือกันแก้ไขปัญหาต่างๆ จับมือและเดินหน้าไปกับรัฐบาล

 

ลั่นขอให้ปชช.ดูหลังฝ่ายค้านตีรวน

 

               เวลา 18.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ในวาระ  2 และ 3 ว่า เป็นเรื่องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะคุยกันอยู่แล้ว ก็อยากจะให้ได้เร็วที่สุด ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกพรรคการเมืองเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ

 

               ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่ที่ฝ่ายค้านจะไม่ร่วมในการลงมติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็แล้วแต่เขา เขามีสิทธิ์ที่จะทำได้เช่นนี้ ก็ทำไป แต่ประชาชนก็ต้องติดตามดูว่าเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ก็ต้องหาวิธีที่จะแก้ปัญหาในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ”

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ