ข่าว

รัฐล็อบบี้งดถกวาระ 2-3 อนค.ดิ้นหนียุบพรรค

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วิปหารือฝ่ายค้าน อ้างเรื่องเร่งด่วน รัฐล็อบบี้งดถกวาระ 2-3 ขรก.ฝ่อสอบเสียบบัตร "ชวน" โยน กมธ.เชือด อนค.ดิ้นหนียุบพรรค

 

               รัฐบาลจ่อล็อบบี้ฝ่ายค้านโหวตงบปี 63 โดยไม่ต้องอภิปราย 13 ก.พ.นี้ เชื่อเพื่อไทยไร้ปัญหาแต่หวั่นอนค.ตีรวน ด้าน “สุทิน” ลั่นอาจไม่ร่วมสังฆกรรม อ้างศาลใช้อำนาจเกินขอบเขต “ชวน” โยนกมธ.กิจการสภาสอบเสียบบัตรเหตุ จนท.สภาไม่กล้าสอบ ส.ส. ด้าน อนค.ยื้ออีกส่งทนายยื่นศาลรธน.ขอเปิดไต่สวนพยานคดีกู้เงินอย่างเปิดเผยก่อนครบเส้นตายยื่นคำชี้แจง 12 ก.พ.

 

อ่านข่าว อนค.พร้อมอภิปรายนอกสภา หากพรรคถูกยุบ

 

               ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ไม่โมฆะ พร้อมสั่งให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติโหวตวาระ 2 และ 3 ใหม่ ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ล่าสุดมีรายงานว่ารัฐบาลกำลังหาแนวทางว่า ส.ส.จะสามารถโหวตเลย โดยไม่ต้องอภิปรายได้หรือไม่
 

รัฐล็อบบี้ฝ่ายค้านโหวตงบ

 

               เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ใหม่ ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่เป็นโมฆะ จากกรณี ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน

 

               รายงานข่าวแจ้งว่า นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) ในฐานะหนึ่งในที่ปรึกษาวิปรัฐบาลแจ้ง ครม.ว่า จากนี้วิปรัฐบาลจะหารือกับฝ่ายค้านว่าในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ในวาระ 2 และ 3 วันที่ 13 กุมภาพันธ์ จะสามารถโหวตเลยโดยไม่ต้องอภิปรายได้หรือไม่ เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวได้ผ่านการอภิปรายจากสภามาพอสมควรแล้ว ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องการโหวตในวาระ 2 และ 3 ทันที โดยไม่ต้องมีการอภิปราย จึงจะต้องมีการหารือกับฝ่ายค้านต่อไป

 

               รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นายพุทธิพงษ์ยังแจ้งในที่ประชุม ครม.ด้วยว่า ในการขอความร่วมมือจากฝ่ายค้านเพื่อไม่ให้มีการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวนั้น คาดว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถพูดคุยกันได้ แต่พรรคอนาคตใหม่ ที่มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหัวหน้าพรรคนั้น ค่อนข้างคุยยาก แต่ก็จะพยายามพูดคุย

 

บิ๊กตู่ให้2ฝ่ายตัดสินกันเอง

 

               สำหรับเรื่องดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในที่ประชุม ครม.เพียงว่า ก็ไปพูดคุยกันมา โดยไม่ได้แสดงสีหน้าวิตกกังวลแต่อย่างใด จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุม ครม.ด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า การโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ เป็นเรื่องที่รัฐบาลและฝ่ายค้านต้องหารือร่วมกัน ตามกรอบที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยออกมาแล้ว

 

               โดยเป็นกระบวนการของสภา มีข้อผิดพลาดจุดใด จะต้องไปแก้ไขยังจุดนั้น สิ่งสำคัญคืออยากให้ทุกคนได้คำนึงถึงความจำเป็นในการใช้จ่ายงบประมาณ เพราะวันนี้มีหลายอย่างที่จะต้องใช้งบประมาณมาขับเคลื่อน ทั้งเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและผลกระทบต่างๆ

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังหารือเกี่ยวกับการที่สภาผู้แทนราษฎร จะพิจารณาตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคต ตามที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เสนอ

 

               ขณะเดียวกันรัฐมนตรีในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ แจ้งต่อ ครม.ว่า ขอให้ ครม.ที่เป็น ส.ส.ไปร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียงในการโหวตว่าจะตั้งหรือไม่ตั้ง ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ อย่าให้แพ้พรรคฝ่ายค้านเป็นอันขาด

 

‘บิ๊กป้อม’ชี้ไม่ซ้ำรอยเสียบบัตรแทนกัน

 

               ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2563 ว่า ไม่จำเป็นต้องกำชับอะไรไปยัง ส.ส. และไม่กังวลว่าจะมีปัญหาเรื่องการเสียบบัตรแทนกันเหมือนการอภิปรายในรอบแรก

 

ฝ่ายค้านส่อไม่ร่วมสังฆกรรมโหวตงบ

 

               ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงผลการประชุมร่วมกันของวิปฝ่ายค้านต่อการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ว่า ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตกรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งระบุให้สภานำร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ทำตามกระบวนการวาระ 2 และวาระ 3 ใหม่ ว่า เป็นประเด็นที่ชอบหรือไม่ เพราะมีความเห็นด้วยว่า เป็นประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจเกินขอบเขต และมีแนวทางว่าจะหาวิธีอย่างไรหากจะเข้าร่วม และจะไม่ใช่การสนับสนุนการกระทำที่ไม่ชอบดังกล่าว

 

               อย่างไรก็ตาม ความเห็นของที่ประชุมดังกล่าว ได้ให้พรรคร่วมฝ่ายค้านนำไปแจ้งต่อที่ประชุมพรรคและสรุปเป็นมติร่วมกันอีกครั้ง ทั้งนี้ยอมรับว่า ในการประชุมวิปฝ่ายค้าน มีความเห็นส่วนใหญ่ที่ระบุว่า ส.ส.ฝ่ายค้านไม่ควรเข้าร่วมประชุม เพราะมองว่าคำแนะนำของศาลรัฐธรรมนูญในการให้สภาลงมติวาระ 2 และวาระ 3 ใหม่นั้น ไม่ถูกต้อง ซึ่งความเห็นดังกล่าวยังไม่มีข้อสรุปที่เป็นที่สุด เบื้องต้นคาดว่าในช่วงเช้าวันที่ 12 กุมภาพันธ์ จะหารือเพื่อหาข้อสรุป

 

ยันหาทางออกปมอนค.แล้ว

 

               นายสุทิน ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ซึ่งมีการวิเคราะห์หากการตัดสินเป็นผลไปในทางลบกับพรรคอนาคตใหม่ จะทำให้พรรคร่วมฝ่ายค้านเสียกระบวนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น พรรคร่วมฝ่ายค้านได้เตรียมการไว้แล้ว

 

               โควตาพรรคอนาคตใหม่ ที่มี ส.ส.จะร่วมอภิปราย และเป็นกรรมการบริหารพรรค 3 คน คือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค นางเยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ กรรมการบริหารพรรค

 

               โดยถ้าหากพรรคถูกยุบทั้ง 3 คนนี้ก็จะไม่สามารถอภิปรายได้ แต่ส.ส.พรรคอนาคตใหม่คนอื่นๆที่เหลือที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค แสดงเจตจำนงว่าจะอภิปรายเหมือนเดิม เราได้เตรียมการรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นทุกมิติ แต่คาดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไร

 

‘ชวน’ ให้ กมธ.สอบปมเสียบบัตร

 

               เมื่อเวลา 10.45 น. ที่โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบคุณสมบัติของ ส.ส.ที่เสียบบัตรแทนกันระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ว่า ทางเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งให้ตรวจสอบทุกกรณี ไม่ใช่แค่ในรายที่ถูกร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ

 

               โดยให้ตรวจสอบทุกรายว่าแต่ละรายข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะมีกรณีทั้งที่ตัวอยู่ในห้องประชุมและตัวไม่อยู่ในห้องประชุม ซึ่งจะต้องตรวจสอบทุกราย แต่เลขาธิการสภาแจ้งมาว่าเจ้าหน้าที่ไม่ค่อยอยากสอบ ส.ส. และเท่าที่หารือกับเลขาธิการสภามีทางเลือกหนึ่งคือส่งให้กรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎรสอบเรื่องนี้

 

               “ได้คุยกับนายอนันต์ ผลอำนวย ประธานคณะกรรมาธิการ ไว้เบื้องต้นแล้วว่าอาจจะขอให้กรรมาธิการกิจการสภาสอบเรื่องนี้ เพราะเจ้าหน้าที่สภาไม่ค่อยอยากสอบ ส.ส. เพราะเขาเป็นข้าราชการ แต่ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในมือของเจ้าหน้าที่ มีข้อมูลดีกว่าทุกคน ดังนั้นเจ้าหน้าที่สภาจะสามารถสอบเบื้องต้นได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ว่าใครเป็นอย่างไร ก็อาจจะส่งข้อมูลให้กรรมาธิการกิจการสภา หากรับสอบเรื่องนี้” นายชวน กล่าว

 

ลั่นผิดส่งเรื่องให้ป.ป.ช.สอบ

 

               นายชวนกล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการที่ว่าแต่ละคนต้องรับผิดชอบอย่างไร เป็นอีกกระบวนการหนึ่งเราต้องดูอีกที หากสมมุติว่ามีพฤติกรรมที่ผิดในแง่กฎเกณฑ์ กติกา กฎหมาย ก็ต้องว่าไปตามความผิดนั้นๆ อย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

 

               ส่วนการเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเรื่องนี้ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ได้วินิจฉัยไปแล้ว ถือว่าจบไปแล้ว แต่ก็ยังเป็นหน้าที่สภาที่จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง และส่งข้อเท็จจริงเหล่านี้ไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบต่อไป อย่างไรก็ตาม หากพบความผิดชัดเจน เราสามารถส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ ซึ่งไม่มีใครจะไปยกเว้นใครได้ มันขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง

 

ส.ส.มีสิทธิอภิปรายซ้ำได้

 

               เมื่อถามถึงแนวทางการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในวาระที่ 2 นั้น นายชวนกล่าวว่า เป็นไปตามข้อบังคับตามกฎหมาย ในวาระ 2 จะต้องเริ่มตั้งแต่ชื่อ พ.ร.บ. คำปรารภ ต้องไล่ไปทีละมาตราจนจบ ส่วนฝ่ายค้านจะอภิปรายแต่ละมาตราก็เป็นสิทธิ จะอภิปราย 4-5 วันเหมือนเดิมก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่คนนอกก็จะรู้ว่าเจตนาอะไร

 

               เพราะการอภิปรายรอบที่แล้วได้พูดกันมาอย่างละเอียดแล้ว อภิปรายจนมากกว่าปกติโดยทั่วไป ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าได้มีการอภิปรายมาแล้ว แต่ถ้ายังอยากทำเหมือนเดิมก็เป็นสิทธิทำได้ตามกฎหมายไม่มีอะไรห้ามได้ ทั้งนี้ เท่าที่ฟังจากสมาชิกส่วนใหญ่เขาก็บอกว่าอภิปรายกันมาแล้ว คงไม่ได้ใช้เวลานานเหมือนเดิม

 

               ส่วนกรณีอาจจะมีการหยิบยกเรื่องมาตรา 143 ที่ระบุว่าหากพิจารณาไม่แล้วเสร็จใน 105 วัน ให้ถือว่าสภาเห็นชอบ มาพูดคุยกันอีกหรือไม่นั้น นายชวนกล่าวว่า ถือเป็นคนละเรื่อง เพราะเรื่องนี้เป็นการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องเริ่มพิจารณาวาระ 2 วาระ 3 ใหม่ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้

 

“เทพไท”ลั่นไม่ใช่“สภาฝักถั่ว”

 

               นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการพิจารณาเรียงตามมาตราตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวาระ 2 และวาระ 3 ที่หลายคนออกมาแสดงความเห็นแตกต่างโดยเสนอให้โหวตทันทีโดยไม่ให้มีการอภิปรายเลย ความเห็นส่วนตัวเห็นด้วยที่ควรให้กฎหมายฉบับนี้ออกมารวดเร็วเพราะเสียโอกาสมาเป็นเวลา 5-6 เดือนแล้ว

 

               แต่ขณะเดียวกันเราควรคำนึงถึงความถูกต้องและความเหมาะสมในวิธีการทำงานของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้มีการพิจารณาในวาระ 2-3 จึงเห็นว่าเราควรให้พิจารณาตามธรรมชาติคือถ้าไม่ซ้ำประเด็นเดิมหรือมีข้อสงสัย หรือมีประเด็นที่จะสอบถามสมาชิกก็มีสิทธิ์ที่จะสอบถามได้

 

               ไม่ใช่เข้าไปแล้วประชุมแบบมัดมือชก คือโหวตเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ถ้าอย่างนั้นก็ใช้เวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงก็เสร็จ ไม่ใช่สภาฝักถั่ว แต่นี่คือสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ใช่แต่งตั้งโดยรัฐประหารที่จะยกมือตามใบสั่งได้ จึงควรให้เอกสิทธิ์ของคนที่เป็น ส.ส.

 

               “ผมเชื่อว่าทุกคนมีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะรู้ว่า ขณะนี้บ้านเมืองต้องการที่จะใช้กฎหมายงบประมาณฉบับนี้ ฉะนั้นอะไรควรไม่ควรที่จะพูดในที่ประชุม ผมคิดว่า ส.ส.สามารถตัดสินใจได้ ผมจึงไม่กังวลเรื่องนี้ และเชื่อว่าส.ส.คงจะให้ความสำคัญและคงเห็นความเหมาะสม รวมถึงการทำหน้าที่ของประธานสภาน่าจะทำให้การประชุมครั้งนี้เป็นไปตามข้อบังคับและรวดเร็วสมเจตนารมณ์ของประชาชนที่อยากจะใช้งบประมาณปี 2563” นายเทพไทกล่าว

 

‘สนธิรัตน์’เชื่อเสียบบัตรไม่เกิดอีก​

 

               ที่ทำเนียบรัฐบาล​ นายสนธิรัตน์​ สนธิจิรวงศ์​ รมว.พลังงาน ​และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ​ (พปชร.)​ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นว่า​ พรรคพลังประชารัฐเตรียมพร้อมอยู่แล้ว และได้เร่งหารือเพื่อเตรียมการให้พร้อมในระยะเวลา ​2​ สัปดาห์ โดยได้หารือกับหัวหน้าพรรคแล้วว่าภายในพรรคจะต้องหารือกันในเรื่องนี้​เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกัน​ เพราะเป็นหน้าที่

 

               อย่างไรก็ตาม​ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล ได้แสดงบทบาทและท่าทีที่ชัดเจนว่าทุกคนจะเข้ามาช่วยกัน ถือเป็นเรื่องปกติ​เพราะทุกคนอยู่ในนามรัฐบาล แต่ยังไม่ได้มีการนัดพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล​มีเพียง​การหารือเรื่องการเตรียมการรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจที่พัทยา ​จ.ชลบุรี ​โดยตนจะเดินทางไปร่วมด้วย

 

               ผู้สื่อข่าวถามว่า​ หากในวันที่​ 21​ กุมภาพันธ์นี้ ​ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่​ เชื่อว่าเสียงรัฐบาลจะมั่นคงขึ้นหรือไม่​ นายสนธิรัตน์​ กล่าวว่า​ เร็วเกินไปที่จะตอบ เพราะอยู่ในกระบวนการของศาล ยังไม่รู้ว่าศาลจะวินิจฉัยอย่างไร ต้องรอฟังคำวินิจฉัยของศาลก่อน

 

               ส่วนกรณีการลงมติร่าง​ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ​ 2563 นั้น ทุกคนรู้หน้าที่ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากของประเทศไทย ดังนั้น​ การ​โหวตร่าง​ พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ต้องมีความสามัคคีกัน เชื่อว่าทุกคนทราบหน้าที่ รวมถึงได้กำชับกันในทุกระดับอยู่แล้ว และคิดว่าปัญหาการเสียบบัตรแทนกันจะไม่เกิดขึ้นแล้ว

 

“ปิยบุตร”ซัดอย่ามาโทษฝ่ายค้าน

 

               เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา เกียกกาย นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ในวาระ 2 และ 3 ใหม่ตามวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า พรรคเตรียมจะหารือถึงแนวทางในการพิจารณาอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าการอภิปรายในครั้งนี้จะกล่าวหาฝ่ายค้านว่ามีเจตนาถ่วงเวลาไม่ได้

 

               เพราะในข้อเท็จจริงที่ผ่านมา ฝ่ายค้านเป็นฝ่ายประคับประคององค์ประชุมสภามาตลอด ทุกครั้งก่อนลงมติในแต่ละมาตราของร่างกฎหมายงบประมาณจะต้องมีการนับองค์ประชุมก่อนทุกครั้ง หากวิปรัฐบาลพบว่ามีแนวโน้มว่าองค์ประชุมจะไม่ครบก็จะส่งสัญญาณให้ฝ่ายค้านอภิปรายนานขึ้น เพื่อรอให้ครบองค์ประชุม

 

               แต่พอร่างกฎหมายฉบับนี้มีปัญหาเพราะส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเสียบบัตรแทนกันและต้องนำมาพิจารณากันใหม่ กลับมาบอกว่าฝ่ายค้านไม่ควรใช้เวลาอภิปรายนาน ดังนั้น หาก ส.ส.รัฐบาลกว่า 250 คนมีวินัยจริงๆ ก็ต้องมาให้ครบ ใช้เวลาไม่นานก็โหวตผ่านสภาได้แล้ว

 

               นายปิยบุตร กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมา เนื่องจากกรณีนี้เป็นคำร้องเพื่อขอให้วินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเท่านั้น ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นได้สองทาง คือ 1.หากเห็นว่ากระบวนการตราชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ร่างกฎหมายฉบับนั้นก็มีผลบังคับใช้ต่อไป

 

               หรือ 2.หากเห็นว่ากระบวนการตราไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ต้องตกไปทั้งหมดเท่านั้น แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นปรากฏว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากระบวนการตราชอบด้วยกฎหมาย แต่กลับให้ไปลงคะแนนในวาระที่ 2 และ 3 ใหม่ผ่านการอาศัยอำนาจการออกคำบังคับตามมาตรา 74 ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 ทั้งๆ ที่ไม่มีอำนาจจะดำเนินการเช่นนั้น

 

               ถือว่าเป็นกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกินอำนาจที่มี อย่างไรก็ตาม คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร จึงจำเป็นต้องตีขอบอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญให้ชัด เพื่อไม่ให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นรัฐธรรมนูญเสียเองและเป็นผู้บังคับบัญชา ส.ส.

 

“อนค.”ยื่นค้านคำสั่งศาลรธน.

 

               นายปิยบุตรกล่าวต่อว่า วันนี้พรรคอนาคตใหม่ได้ยื่นหนังสือไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อคัดค้านคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้พรรคอนาคตใหม่จัดทำบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นเป็นหนังสือยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ โดยสาเหตุที่ต้องยื่นหนังสือคัดค้านดังกล่าวไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพราะพรรคต้องการให้ศาลรัฐธรรมนูญเปิดกระบวนการพิจารณาในศาลและทำการไต่สวนอย่างเปิดเผย ซึ่งพรรคได้ยื่นบัญชีพยานบุคคล 17 ราย

 

               แบ่งเป็นพยานนำ 4 ราย คือพยานที่พรรคอนาคตใหม่สามารถนำมายังศาลรัฐธรรมนูญได้เอง ได้แก่ หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เหรัญญิกพรรค และฝ่ายกฎหมายของพรรค ส่วนที่เหลืออีก 13 รายเป็นพยานหมาย ซึ่งพรรคไม่สามารถนำมาเป็นพยานต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ด้วยตัวเอง เช่น อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เจ้าหน้าที่ กกต. ที่มีส่วนร่วมในการไต่สวนและมีความเห็นให้ยกคำร้อง โดยพยานหมายในกลุ่มนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญในการเรียกมาเป็นพยานเพื่อให้ข้อมูลข้อเท็จจริงต่อไป

 

               เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า จากเอกสารข่าวของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่กำหนดให้พรรคอนาคตใหม่จัดทำบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นเป็นหนังสือยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ จำนวน 17 รายนั้น ศาลรัฐธรรมนูญอาจเข้าใจว่าทั้ง 17 รายล้วนเป็นพยานนำ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่พรรคจะสามารถยื่นบันทึกถ้อยคำได้ทันตามกำหนดเวลาของศาลรัฐธรรมนูญ

 

               ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ 1.พรรคไม่มีอำนาจจะไปขอบันทึกการให้ถ้อยคำของเจ้าหน้าที่กกต. และ 2.การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีเอกสารข่าวเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ทำให้พรรคมีเวลาจัดทำบันทึกเพียง 3 วันเท่านั้น เนื่องจากติดวันหยุดราชการถึง 3 วัน ได้แก่ วันที่ 8-9-10 กุมภาพันธ์ ดังนั้น การที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดเช่นนั้นย่อมไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่ที่พรรคจะดำเนินการได้ทัน

 

ทนายความอนค.ยื่นศาลรธน.

 

               วันเดียวกัน เวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทีมทนายความพรรคอนาคตใหม่ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อคัดค้านและขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้มีการไต่สวนพยาน 17 ปากในคดีพรรคอนาคตใหม่กู้เงินจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 191 ล้านบาทอย่างเปิดเผย โดยหลังยื่นหนังสือคัดค้านแล้วได้เดินทางกลับทันทีไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ต่อสื่อมวลชน

 

               ทั้งนี้ สำหรับพยานนำที่พร้อมให้ถ้อยคำ 4 คน คือ นายธนาธร, นายปิยบุตร, นายนิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์ เหรัญญิกพรรค และทีมกฎหมายพรรค ส่วนอีก 13 คนเป็นอดีต กกต. และเจ้าหน้าที่ กกต. ซึ่งเป็นพยานหมายที่พรรคไม่สามารถหาบันทึกถ้อยคำมาได้ ต้องอาศัยอำนาจศาล จึงขอให้เปิดการไต่สวนอย่างเปิดเผย
 

เฉลิมขู่มีอำนาจเช็กบิลบิ๊กตู่

 

               ด้านความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น เมื่อเวลา 14.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย (กพศ.พท.) พร้อมด้วยคณะกรรมการ ตัวแทนกรรมการบริหารพรรค ตัวแทนวิปฝ่ายค้านในส่วนของพรรคเพื่อไทย ได้ประชุมเตรียมความพร้อมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ระหว่างวันที่ 24-28 กุมภาพันธ์นี้

 

               โดย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ขอยืนยันว่าการอภิปรายครั้งนี้ไม่มีเรื่องส่วนตัว รัฐบาลชุดนี้บริหารงานขาดหลักนิติรัฐ นิติธรรม ช่วยแต่พรรคพวก ขอให้รอดูฝ่ายค้านอภิปรายก่อน อย่าเพิ่งร้องแรกแหกกระเชอ เห็นเตรียมการดีมีหลายวอร์รูม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยังเอาตัวเองไม่รอด รอแหวกวงล้อมกลางสภาให้ดี การที่รัฐบาลย่อยยับเพราะไปแก้กฎหมายศุลกากร กฎหมายสรรพสามิต ทำให้โรงงานยาสูบเจ๊ง

 

               “นายวิษณุคือต้นเหตุ รอให้เปลี่ยนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นายดอน นายวิษณุ โดนดำเนินคดีแน่ วันนี้ยังไม่รู้เงาหัว ทำตัวเป็นศรีธนญชัย จะลอดช่องลอดอะไรไปก็ได้ แต่รอดจากเพื่อไทยไปไม่ได้ พวกทีมวอร์รูม อ-ส-ว พวกวอร์รูมนอกสภา เราไม่ให้ราคา เป็นพวกผีสางนางไม้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมเป็นเอกภาพ สื่อบางสื่ออย่าเขียนว่า พรรคจะแตก ไม่มี อย่ามาชักใบให้เรือเสีย

 

               ไม่มีใครทะเลาะกับใครทั้งนั้น มีแต่ประยุทธ์ออกไป แต่ถึงอยู่ต่อได้ก็ลำบาก เนื้อหาที่จะอภิปรายดี ไม่มีอำนาจตัดสินใจเกี่ยวกับเนื้อหา หรือเลือกให้ใครจะอภิปรายบ้าง เพราะต้องให้หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคพิจารณา กพศ. ใกล้หมดหน้าที่แล้ว จากนี้ไป คงทำได้แต่แค่ประคับประคองไป เราจะทำหน้าที่ล้มรัฐบาล หลังการอภิปราย ประยุทธ์จะปรับครม.หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ฟันธงประยุทธ์ จะอยู่ไม่ได้แน่” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

 

นัด ส.ส.พปชร.กว่า 100 คน

 

               เมื่อเวลา 12.00 น. ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น ประธาน ส.ส. และ ส.ส.กว่า 100 คน อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสัมพันธ์ บินมะยูโซะ ส.ส.นราธิวาส นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. นัดพบปะหารือพร้อมรับประทานอาหารกลางวันที่ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐแห่งใหม่ บริเวณถนนรัชดาภิเษก

 

               นายสุชาติกล่าวว่า การนัดรับประทานอาหารวันนี้เป็นการให้ ส.ส.มาดูสถานที่ว่าสะดวกหรือไม่ ซึ่งหากสะดวก ก็จะเตรียมการย้ายสถานที่ทำการพรรค โดย ส.ส.ที่มาวันนี้ ประมาณ 80 คน ขอยืนยันว่าไม่มีกลุ่ม เพราะพรรคพลังประชารัฐเป็นหนึ่งเดียวทั้งหมด

 

               ส่วนที่ถูกมองว่าการรวมตัววันนี้เป็นการโชว์พลังสู้กับบางกลุ่มก็ขอย้ำว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งที่มีข่าว ส.ส.พลังประชารัฐไปกินข้าวชุดหนึ่ง โดยคนที่ไม่ได้ไปวันนั้นจึงมากินกันวันนี้ ในฐานะประธาน ส.ส.ขอยืนยันว่า ในพรรคมีความสามัคคี เพราะทุกคนขึ้นกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรคทุกคน

 

แจงไม่มีต่อรองเก้าอี้รมต.

 

               นายสุชาติยังกล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐมี ส.ส.ร้อยกว่าคน มาจากหลายส่วน แต่ทางการเมืองก็ยอมรับว่าทุกพรรคต้องมีกลุ่ม เหมือนเป็นบริษัทย่อย ขณะที่พรรคก็เหมือนบริษัทแม่ ซึ่งของเราก็เหมือนกันที่ขึ้นกับ พล.อ.ประวิตร ที่มีความสามัคคีทั้งหมด

 

               เมื่อถามว่าการนัดรวมตัววันนี้เป็นการแสดงพลังเพื่อสนับสนุนให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า การนัดวันนี้มีทั้งประธานวิปรัฐบาล ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคใต้ ซึ่งไม่ใช่มาเฉพาะกลุ่ม โดยมาทุกพื้นที่ ส่วนเรื่องรัฐมนตรีมองว่าเป็นเรื่องที่ไกลเกินจะคิด

 

นายกฯลงพื้นที่พะเยา- น่านวันนี้

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีกำหนดเดินทางไปตรวจราชการที่ จ.พะเยา และ จ.น่าน โดยช่วงเช้าเวลา 07.00 น. จะเดินทางออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานน่านนคร ต.ผาสิงห์ อ.เมือง จ.น่าน ตรวจติดตามการปริหารจัดการน้ำและการพัฒนาหนองเล็งทราย ณ หนองเล็งทราย อ.แม่ใจ จ.พะเยา

 

               ต่อมาช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางต่อไปยังศูนย์ราชการจังหวัดน่าน เพื่อตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของ จ.น่าน แล้วเดินทางต่อไปยังวิสาหกิจชุมชนชีววิถีตำบลน้ำเกี๋ยน (บ้านน้ำเกี๋ยน) ต.น้ำเกี๋ยน อ.ภูเพียง จ.น่าน เพื่อตรวจเยี่ยมวิสาหกิจชุมชนชีววิถีตำบลน้ำเกี่ยน ซึ่งเป็นชุมชนหมู่บ้านเกษตรนวัตวิถี ได้รับการพัฒนาและต่อยอดเรื่องสมุนไพร ผลิตภัณฑ์มีชื่อเสียงจนได้รับรางวัลในระดับประเทศและระดับโลก โดยมีหน่วยงานภาครัฐเข้าไปส่งเสริมและพัฒนาทั้งต้นทาง กลางทาง ปลายทาง

 

ครม.ตั้งแล้ว 4 กรรมการป.ป.ท.

 

               เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม. ว่า ครม.มีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากประธานกรรมการ และกรรมการได้ดำรงตำแหน่งครบวาระ 4 ปี จำนวน 4 ราย ดังนี้ 1.นายประยงค์ ปรียาจิตต์ 2.นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย 3.นายประสาท พงษ์ศิวาภัย และ 4.นายพิทยา บุญชู

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ