ข่าว

อนาคตใหม่ จี้สภาบรรจุญัตติ ฟัน สส.เสียบบัตร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อนาคตใหม่ จี้สภาบรรจุญัตติ ฟัน สส.เสียบบัตร ชทพ.ชี้งบ 63 โหวตเลย ไม่ต้องถก ภท.เข้มลูกพรรคห้ามโดดประชุม

 

               ส.ส.อนาคตใหม่ เดินหน้าเอาผิด ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน เล็งขอสภาหารืออีกรอบบรรจุเป็นญัตติตั้งกมธ.วิสามัญนำคนผิดมาลงโทษ อ้างเป็นเรื่องเร่งด่วน ด้านกมธ.กิจการสภา ปัดสอบแต่ชง 3 แนวทางป้องกันให้ประธานสภา ส่วน ชทพ. ชี้ พ.ร.บ.งบฯ 63 โหวตได้เลยไม่ต้องอภิปรายใหม่ บอกฝ่ายค้านให้จบๆ ไป อย่าให้ประเทศมีเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอีก คลังเผยงบ 63 ผ่านทำให้ประเทศเดินหน้า เล็งมาตรการชิมช้อปใช้เฟส 4 เสี่ยหนูสั่งลูกพรรคห้ามโดดประชุม ภท.มั่นใจ “นายกฯ- 5 รมต.” แจงซักฟอกผ่านฉลุย

 

               การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ที่ต้องพิจารณาวาระ 2-3 ใหม่ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้มีการเดินหน้าเอาผิดจากกรณีที่มีส.ส.เสียบบัตรแทนกันซึ่งนอกเหนือจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของส.ส.แล้ว ยังเป็นการกระทำผิดระเบียบอีกด้วย 

 

               วันที่ 10 กุมภาพันธ์ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้ยื่นญัตติด่วนต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อสืบสวนกรณีส.ส.กดบัตรลงคะแนนในการลงมติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 แต่นายชวนบอกว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ให้ไปต่อท้ายในวาระปกติ ในลำดับร้อยกว่าๆ จึงไม่มีทางที่ญัตตินี้จะได้รับการพิจารณา ดังนั้นจะหารือในพรรคอนาคตใหม่และหารือในสภาอีกครั้งเพื่อหาแนวทางให้สภาดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว 

 

               “เรื่องนี้มีความชัดเจนว่าเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน เพราะมติศาลรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนให้ลงมติวาระ 2 และ 3 ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ใหม่ อันเป็นผลมาจากการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน แต่ประธานสภากลับมองว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน สะท้อนเรื่องการวางตัวของประธานสภาว่ามีความเป็นกลางหรือไม่ เพราะส.ส.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกดบัตรแทนกันเป็นส.ส.ฝ่ายรัฐบาลทั้งหมดถือว่าไม่เหมาะสม” นายธีรัจชัยกล่าว

 

               ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่  กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เสนอให้กมธ.กิจการสภาผู้แทนราษฎร หรือคณะกรรมการจริยธรรมสภา เป็นผู้ตรวจสอบจะเหมาะสมกว่าการตั้งกมธ.วิสามัญนั้น ตนมองว่าหน้าที่หลักของกมธ.กิจการสภาคือการดูแลสวัสดิการส.ส. การติดตามการก่อสร้างอาคารรัฐสภา เป็นการดูแลภาพรวมเรื่องการบริหารจัดการในสภา แต่ไม่มีหน้าที่เรื่องการสอบข้อเท็จจริงเรื่องการกดบัตรแทนกัน ขณะที่คณะกรรมการจริยธรรมสภา 

 

               แม้ขณะนี้จะร่างประมวลจริยธรรมส.ส.และกมธ.แล้ว แต่ยังไม่มีการจัดตั้งคณะกรรมการจริยธรรมสภา ที่สำคัญการเอาผิดส.ส.ที่ทำผิดจริยธรรมร้ายแรงอย่างการเสียบบัตรแทนกันนั้นจะต้องใช้เสียง 2 ใน3 ของคณะกรรมการจริยธรรม และเมื่อส่งเรื่องไปยังที่ประชุมสภาจะเอาผิดจริยธรรมร้ายแรงได้ก็ต้องใช้เสียงส.ส.2 ใน 3 ของสภาเช่นกัน จึงดูแล้วเป็นไปได้ยากในการเอาผิด 

 

               “แนวทางการตั้งกมธ.วิสามัญขึ้นมาพิจารณาจึงเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด เพราะนอกจากมีหน้าที่สอบสวนข้อเท็จจริงแล้วยังมีหน้าที่หาทางออกและวางแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีกในอนาคต และเมื่อกมธ.วิสามัญสรุปผลสอบออกมาอย่างไรก็สามารถส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ป.ป.ช. รับไปดำเนินการต่อไปได้” นายธีรัจชัยระบุ

 

กมธ.กิจการสภาปัดสอบเสียบบัตร

 

               ด้านนายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกมธ.กิจการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเคยนำมาหารือกันในกมธ. แต่กมธ.เห็นว่าเรื่องนี้ควรให้คนกลางเป็นผู้สอบแทนเพราะเกี่ยวโยงกับงบประมาณแผ่นดิน แม้จะเป็นอำนาจโดยตรงของกมธ. แต่เรื่องนี้ถูกโยงเป็นเรื่องการเมืองไปแล้ว จึงควรให้คนกลางสอบเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ทั้งนี้ นายชวนเองก็หนักใจเพราะผู้ร้องเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนผู้ถูกร้องก็เป็นคู่แข่งในพื้นที่ จ.พัทลุง 

 

               ทางออกที่ดีที่สุดจึงควรให้คนกลางมาสอบ เช่น ผู้นำฝ่ายค้านเป็นประธานสอบเอง แต่ถ้าผู้นำฝ่ายค้านไม่อยากสอบก็มอบอำนาจให้เลขาธิการสภา สอบแทนได้ อย่างไรก็ตาม กมธ.กิจการสภาคงไม่สอบเองแน่เพราะเป็นเรื่องการเมืองและเอาผิดยาก คงไปหาตัวคนกดแทนไม่ได้เพราะไม่มีใครยอมรับ แต่ให้ถือเป็นบทเรียนที่ต้องหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีกในอนาคต

 

               “ขณะนี้กมธ.ได้เสนอแนวทางป้องกันการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันไปยังประธานสภาแล้ว อาทิ 1.การให้ส.ส.ทุกคนเก็บบัตรลงคะแนนไว้ที่ตัวเองตลอดเวลา หากจะออกนอกประชุมก็ห้ามเสียบบัตรคาเครื่องลงคะแนนไว้ 2.การให้ติดกล้องวงจรปิดในห้องประชุมสภา และ 3.การล็อกตำแหน่งที่นั่งส.ส.ในห้องประชุมสภาว่าใครนั่งอยู่จุดใด หากไม่ทำแบบนี้ก็คงแก้ปัญหาไม่ได้” นายอนันต์ กล่าว

 

ชี้ร่างงบ63โหวตได้เลยไม่ต้องถกใหม่

 

               นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา  ในฐานะวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ที่ต้องพิจารณาวาระ 2-3 ใหม่ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจากกรณีที่มีส.ส.เสียบบัตรแทนกัน ว่าวิปจะหารือกันในช่วงเช้าวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ ก่อนประชุมสภาผู้แทนราษฎรช่วงบ่าย ทั้งนี้เห็นว่าการที่ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ไปดำเนินการนั้นไม่ได้ระบุว่าทุกมาตรา แต่บอกว่าไปทำให้ถูกต้อง ทางสภาคงจะเห็นว่าไปเริ่มใหม่เลยดีกว่า 

 

               อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ไปเริ่มใหม่คือโหวตใหม่กันทั้งหมดเพื่อจะได้เคลียร์ไปทั้งหมด แต่สำหรับการจะอภิปรายใหม่นั้น ไม่ควรมาพูดกันใหม่ เพราะในการอภิปรายเดิมที่สำคัญความเห็นที่ให้ไว้ก็มีบันทึกการประชุมอยู่ครบถ้วนแล้ว น่าจะโหวตกันได้เลย การอภิปรายเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วและไม่ได้มีปัญหาเรื่องการอภิปราย แต่ปัญหาคือเรื่องการลงมติ การอภิปรายจึงไม่จำเป็น แต่โหวตต่อเนื่องไปได้ไม่เกิดความล่าช้า และพ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ไม่ได้มีปัญหาที่เนื้อหาแห่งกฎหมาย แต่มีปัญหาที่วิธีการของการออกกฎหมาย

 

               “ถ้าจะไปอภิปรายกันในเนื้อหาของกฎหมายก็เป็นการพูดในส่วนที่ไม่มีปัญหา ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้ไว้แล้วว่า ไม่ได้มีปัญหาตรงนั้น เชื่อว่าฝ่ายค้านเองก็น่าจะเข้าใจตรงนี้ จะได้รีบๆ และขณะนี้เรื่องราวของประเทศมีปัญหาเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอยู่แล้ว ทั้งผลกระทบรุนแรงการท่องเที่ยวจากไวรัสโคโรนา โศกนาฏกรรมที่โคราช เราอย่าไปเพิ่มเรื่องที่ยุ่งยากให้ประเทศอีกเลย ช่วยกันคลายๆ ก็น่าจะดี เพราะทุกคนก็รู้ว่าในที่สุดก็ไปจบตรงนั้น ตอนนี้เราต้องการออกงบประมาณมาดูแลประเทศในยามคับขัน เราไม่ต้องมาพูดว่าฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องช่วยกันเท่าที่ช่วยได้ ปัญหาที่คิดว่าไม่น่าจะมีก็ให้จบๆ ไป ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี” นายนิกร กล่าว

 

               นายนิกร กล่าวด้วยว่า ส่วนการเตรียมการช่วยรัฐบาลในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น พรรคชาติไทยพัฒนาให้ความร่วมมือโดยส่งนายอนุรักษ์ จุรีมาศ ส.ส.ร้อยเอ็ด ไปร่วมพบปะหารือกับวิปพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่พัทยา ในฐานะอยู่เรือลำเดียวกันก็ต้องช่วยกันพาย ช่วยกันประคองอยู่แล้วจะปฏิเสธไม่ได้ เราเป็นฝ่ายรัฐบาลจะปฏิเสธหน้าที่ในการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ ส่วนฝ่ายค้านเขาก็ทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน

 

คลังจ่อลุยมาตรการชิมช้อปใช้เฟส 4

 

               นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีงบประมาณ 2563 ไม่เป็นโมฆะ และให้สภาโหวตใหม่ในวาระ 2-3 ถือเป็นเรื่องที่ดี ทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ โดยคาดว่าหากสภาให้ความร่วมมือ การโหวตจะใช้เวลาไม่นาน เพียงวันเดียวก็จะสามารถโหวตผ่านได้ งบประมาณปี 2563 จะสามารถเริ่มใช้ได้ภายในเร็วๆ นี้ จากเดิมที่กังวลว่ากฎหมายจะมีปัญหาไม่ผ่าน และสำนักงบประมาณต้องไปทำกฎหมายใหม่ซึ่งจะเสียเวลามาก

 

               “ทุกคนต้องคิดถึงประเทศเป็นตัวตั้ง งบประมาณเป็นเรื่องสำคัญ การที่งบประมาณทั้งปีจะล้มไปเพียงเพราะคน 2-3 คน ถือเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายให้ประเทศอย่างมาก เรื่องทางการเมืองมีปัญหาได้แต่ไม่ควรใช้งบประมาณของประเทศเป็นเครื่องมือ เพราะจะทำให้เกิดความเสียหาย” นายลวรณ กล่าว

 

               นายลวรณ กล่าวอีกว่า หลังจากงบประมาณ 2563 ผ่าน การเบิกจ่ายงบลงทุนใหม่ได้ โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลได้สั่งให้ส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ที่มีโครงการลงทุนใหม่ๆ ให้เดินหน้าทำการจัดซื้อจัดจ้างและก่อหนี้ผูกพันไว้แล้ว ทำให้คาดว่าเมื่องบประมาณมีผลบังคับใช้ก็จะสามารถเซ็นสัญญาและเบิกจ่าย มีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และจะช่วยให้เศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ ที่ก่อนหน้านี้มีหลายฝ่ายกังวลว่างบประมาณจะล่าช้าไปมาก

 

               “ในส่วนของมาตรการชิมช้อปใช้เฟส 4 ยังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดของโครงการ โดยจะเอาผลของมาตรการชิมช้อปใช้เฟส 1-3 ที่เพิ่งจบไปเมื่อเดือน มกราคม 2563 มาพิจารณาและวิเคราะห์ว่าควรให้ความช่วยเหลือประชาชนกลุ่มไหน และช่วยเหลืออย่างไรเพิ่มเติม ส่วนการแจกเงินหรือไม่ ยังไม่ได้มีการพูดถึง เพราะต้องดูกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนคาดว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ภายในเดือนมีนาคม 2563 หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ” ผู้อำนวยการ สศค.ระบุ

 

เสี่ยหนูสั่งส.ส.ห้ามโดดประชุมรมต. 

 

               พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการเปิดเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านที่จะมีขึ้นนี้ว่า พรรคภูมิใจไทยไม่รู้สึกกังวลกับเวทีซักฟอกที่จะมีขึ้นเพราะมั่นใจว่ารัฐบาลสามารถชี้แจงข้อซักถามของฝ่ายค้านได้ เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ขณะที่นายกรัฐมนตรีมีภาวะผู้นำและสามารถบริหารจัดการปัญหาได้ ทั้งนี้แม้ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะไม่ปรากฏรายชื่อรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย แต่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลก็พร้อมให้ความร่วมมือ 

 

               “นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้กำชับส.ส.ทุกคนให้เตรียมพร้อมเรื่องข้อมูลในการนำเสนอให้ประชาชนรับทราบและเห็นผลงานของรัฐบาลได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในช่วงที่มีการซักฟอก ว่ารัฐบาลต้องการให้ประชาชนอยู่ดีกินดีอย่างไรบ้าง เช่น วิกฤติไวรัสโคโรนา ที่รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขสามารถดำเนินการจนทำให้ทุกฝ่ายเกิดความเชื่อมั่นได้” พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าว

 

               โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวต่อว่า พรรคภูมิใจไทยได้เตรียมการและประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา พร้อมแสดงความมั่นใจว่าการลงมติของพรรคภูมิใจไทยจะไม่มีปัญหาใดๆ เนื่องจากส.ส.ทุกคนเคารพมติพรรค จึงไม่มีปัญหาเรื่องเสียงแตก ที่สำคัญหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยได้กำชับส.ส.ทุกคนให้นั่งอยู่ในที่ประชุมตลอดเวลา และระมัดระวังเรื่องการลงคะแนน เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ขณะเดียวกันอยากเรียกร้องให้ประชาชนและนักการเมืองทุกคนหันมาจับมือกันเดินหน้าพัฒนาประเทศในภาวะที่บ้านเมืองกำลังเผชิญปัญหาหลายด้าน 

 

               “พรรคภูมิใจไทยมองว่าขณะนี้ความรักความสามัคคีของคนในชาติและนักการเมืองทุกฝ่ายเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ต้องร่วมมือกันพัฒนาประเทศ ทำให้ประชาชนมีความสุข เพราะวันนี้เราสูญเสียกันมากแล้วจากหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้บรรยากาศของคนในชาติอยู่ในภาวะความเศร้าเสียใจ จึงอยากให้ทุกฝ่ายลืมอดีตแล้วมองไปข้างหน้าด้วยกัน” โฆษกพรรคภูมิใจไทยกล่าว

 

“เทพไท”ค้านตั้งกมธ.ป้องกันรัฐประหาร

 

               นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพิจารณาญัตติเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งกมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งยังค้างคาอยู่ ว่าเนื่องจากญัตตินี้มีผู้ขออภิปรายเป็นจำนวนมากและสามารถลงมติได้ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เนื่องจากวิปรัฐบาลประเมินเสียงสนับสนุนอาจจะไม่เพียงพอจึงมีการปิดประชุมเพื่อเลื่อนมาพิจารณาต่อในวันที่ 12 กุมภาพันธ์นี้ 

 

               ส่วนตัวยังยืนยันในความเห็นเดิมคือจะโหวตตามมติวิปรัฐบาลคือไม่ให้ตั้งกมธ. เพราะเห็นว่าประเทศไทยไม่สามารถป้องกันการปฏิวัติรัฐประหารได้ แม้หลายฝ่ายจะออกมาแสดงความเห็นว่าการรัฐประหารจะเกิดขึ้นได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทางการเมืองหลายปัจจัย ถ้าบ้านเมืองเดินเข้าสู่ทางตันไม่สามารถแก้ปัญหาตามแนวทางตามระบอบประชาธิปไตยได้ การรัฐประหารอาจจะเป็นทางออกของบ้านเมืองได้นั้น ตนยังเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น เพราะได้พิสูจน์แล้วว่าการรัฐประหารเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา ไม่ใช่การแก้ปัญหาของบ้านเมืองที่ยั่งยืน

 

               ทั้งนี้การรัฐประหารที่ผ่านมาในอดีตไม่ใช่แก้ปัญหาทางตันของบ้านเมืองเท่านั้นแต่คณะรัฐประหารจะฉวยโอกาสสืบทอดอำนาจของตัวเองมาโดยตลอด เช่น 1.ยุคสมัยจอมพล ป. พิบูลย์สงคราม ปฏิวัติตัวเองแล้วก็สืบทอดอำนาจอย่างยาวนานที่สุด 2.ยุคจอมพลถนอม กิตติขจรร ก็ปฏิวัติตัวเองเพื่อสืบทอดอำนาจต่อเนื่องจนมีขบวนการนักศึกษา 14 ตุลาคม 2516 เดินขบวนขับไล่ออกนอกประเทศ 3.การรัฐประหารของ พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ก็สืบทอดอำนาจให้รัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร และรัฐบาล พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ 

 

               4.การรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ รสช. โดย พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ก็มีการสืบทอดอำนาจให้แก่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร และ 5.การรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็สืบทอดอำนาจให้ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน จะมีเพียงแต่การรัฐประหารของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.เท่านั้น ที่ไม่มีการสืบทอดอำนาจจากคณะรัฐประหาร เพราะเมื่อเข้าควบคุมอำนาจบริหารประเทศใช้เวลา 1 ปีก็เปิดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป และคมช.ไม่ได้ตั้งพรรคการเมืองและลงเลือกตั้งเพื่อสืบทอดอำนาจแต่อย่างใด

 

               “ฉะนั้นการรัฐประหารจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ในอนาคตย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สถานการณ์บ้านเมือง พฤติกรรมของนักการเมือง ภาวะเศรษฐกิจของบ้านเมือง และการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นในบ้านเมืองหรือไม่ ดังนั้นแนวทางป้องกันแก้ไขการรับประรัฐประหารในอนาคตที่ดีสุดขึ้นอยู่ที่จิตสำนึกประชาชนคนไทยผู้เป็นเจ้าของประเทศที่แท้จริงเป็นสำคัญ” นายเทพไทกล่าว

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ