ข่าว

ลุ้นอ่านฎีกา 4 แกนนำนปช.ล้อมบ้านสี่เสาฯ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ทนาย" ยัน จำเลยมาศาล คดีนัดอ่านฎีการอบสอง หลังปีก่อน "วีระ-เต้น-วิภูแถลง-หมอเหวง" ยื่นคำให้การใหม่ขอรับสารภาพ ลุ้นฎีกาแก้โทษหรือไม่

 

 

                   5 ก.พ.2563-"นายธำรงค์ หลักแดน" หนึ่งในทีมทนายความ ดูแลคดีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (6 ก.พ.) เวลา 09.00 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีชุมนุมปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ บ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อปี 2550 โดยกลุ่มแกนนำ นปช. เท่าที่ได้คุย ยืนยันว่าจะมาฟังคำพิพากษา

 

 

อ่านข่าว - ย้อนรอย "บุกบ้านป๋า" ไม่ได้มีแค่ "นปก." 
 

 

 

 

             เมื่อถามว่า จะมีการยื่นคำร้องอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ นายธำรงค์ ระบุว่า ไม่มี

 

             ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีชุมนุมปิดล้อมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์นั้น ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก กำหนดนัดฟังคำพิพากษาฎีกา ในวันที่ 6 ก.พ.นี้ ที่ห้องพิจารณา 709 เวลา 09.00 น.

 

              โดยคดีนี้ พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10 ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายนพรุจ หรือนพรุฒ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 , นายวีระศักดิ์ เหมะธุลิน , นายวันชัย นาพุทธา , นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อายุ 71 ปีเศษ อดีตประธาน นปช. , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อายุ 44 ปีเศษ เลขาธิการ นปช. และอดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียง พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) , นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท อายุ 68 ปีเศษ แกนนำ นปช. และ นพ.เหวง โตจิราการ อายุ 68 ปีเศษ แกนนำ นปช. และอดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ทษช. เป็นจำเลยที่ 1-7 คดีหมายเลขดำ อ.3531/2552 ความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้า หรือผู้มีหน้าที่สั่งการ , ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังขู่เข็ญ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้ที่มั่วสุมเลิกไปแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสอง , 215 , 216 , 297 , 298 ประกอบมาตรา 33 , 83 , 91

 

 

           กรณีสืบเนื่องจากวันที่ 22 ก.ค.50 แกนนำและแนวร่วม นปช. นำขบวนผู้ชุมนุมหลายพันคน จากเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ สนามหลวง ไปยังบ้านสี่เสาเทเวศร์ บ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เพื่อเรียกร้องกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังขู่เข็ญ ซึ่งนายนพรุจ จำเลยที่1 ได้ใช้ ไม้เสาธง ตีประทุษร้ายร่างกาย ร.ต.อ. ทวีศักดิ์ นามจันทร์เจียม เป็นเหตุให้กระดูกข้อมือแตกเป็นอันตรายสาหัส

 

         ซึ่งศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 16 ก.ย.58 ให้จำคุกนายนพรุจ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน ฐานทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่ฯ ส่วนนายวีระกานต์ , นายณัฐวุฒิ , นายวิภูแถลง และนพ.เหวง จำเลยที่ 4-7 จำคุกคนละ 4 ปี 4 เดือนฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายฯ และเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของ เจ้าพนักงานฯ และให้ยกฟ้อง นายวีระศักดิ์ และนายวันชัย จำเลยที่ 2-3 พร้อมให้ริบของกลางทั้งหมด

 

 

           ขณะที่เมื่อวันที่ 9 ม.ค.60 มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เห็นว่า ที่ "4แกนนำ นปช." จำเลยที่ 4-7 อุทธรณ์ต่อสู้ว่าการกระทำเป็นความผิดกรรมเดียวนั้นฟังขึ้นบางส่วน เนื่องจากการชุมนุมของจำเลยมีเจตนาเดียวเพื่อให้เกิดความวุ่นวาย และความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานนั้น ก็รับฟังได้ว่าจำเลยมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ไม่ใช่ตัวการร่วม จึงพิพากษาแก้เป็นว่า "4แกนนำ นปช." จำเลยที่ 4-7 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานฯ ตามมาตรา 138 วรรคสอง ให้จำคุกคนละ 1 ปี และมีความผิดฐานมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป

 

 

              ก่อให้เกิดความวุ่นวายโดยเป็นหัวหน้าสั่งการ ซึ่งเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ตามมาตรา 215 วรรคหนึ่งและวรรคสาม , มาตรา 216ประกอบมาตรา 83 ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 215 วรรคสาม ให้จำคุกคนละ 3 ปี รวมจำคุกคนละ 4 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 4-7คนละ 2 ปี 8 เดือน ส่วนของ "นายนพรุจ" อดีตแกนนำพิราบขาว จำเลยที่ 1 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน โดยโทษจำคุกทั้งหมดนั้นไม่รอการลงโทษ (ไม่รอลงอาญา) โดยจำเลยทั้ง 5 คนได้ยื่นฎีกาสู้คดี และได้ประกันตัวระหว่างฎีกาคนละ 500,000 บาท พร้อมถูกกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาต

 

 

             ซึ่งคดีเคยนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาครั้งแรก วันที่ 23 ก.ย.62 แต่ปรากฏว่า  นายวีระกานต์, นายณัฐวุฒิ, นายวิภูเเถลง และนพ.เหวง จำเลยที่ 4-7 ได้ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมที่เคยปฏิเสธความผิด และขอต่อสู้คดี เป็นยื่นคำให้การใหม่ขอให้การรับสารภาพไม่ต่อสู้คดี ส่วนนายนพรุจ จำเลยที่ 1 ยังคงยืนยันให้การปฏิเสธ จึงต้องส่งสำนวนกลับไปให้ศาลฎีกาพิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป

 

         กระทั่งศาลอาญา ได้กำหนดนัดฟังสั่งและคำพิพากษาศาลฎีกา คดีนี้ในวันพรุ่งนี้ (6 ก.พ.)

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ