ข่าว

เทียบคำวินิจฉัยสมัยรัฐบาลปู ลุ้นศาลรับคำร้อง ปมเสียบบัตร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เทียบคำวินิจฉัยสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ลุ้นวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญรับ-ไม่รับ ปมเสียบบัตร บิ๊กตู่หวั่นงบ 63 สะดุด สั่งเตรียมแผนสำรอง

 

               ลุ้นวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญรับ-ไม่รับ ผ่าวิกฤติงบประมาณ 63 ปมส.ส.เสียบบัตรแทนกัน ชี้แนวโน้มส่อรับพิจารณาเหตุปรากฏหลักฐานชัดเจนกระบวนการ พ.ร.บ.งบขัดแย้งกับหลักการออกเสียงลงคะแนนตามรธน.60 “บิ๊กตู่” ไม่หวั่นซักฟอก ลั่นเป็นรัฐบาลจากเลือกตั้งพร้อมแจงทุกเรื่อง “ฝ่ายค้าน” เตรียมยื่นกระทู้สดถามนายกฯ “ไวรัสโคโรนา” ด้านกกต.คำนวณปาร์ตี้ลิสต์ใหม่ ปชป.ลด 1 เก้าอี้ ส่วนไทรักธรรมได้ 1 ที่นั่ง พร้อมจ่อฟันอาญา “ธนาธร” คดีถือหุ้นสื่อหลังรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จแล้ว

 

อ่านข่าว อุตตม ไม่รู้เห็นลูกพรรคเสียบบัตรแทนกัน

 

               กำลังจะเป็นอีกหนึ่งจุดหักเหของรัฐบาล เมื่อศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมวันพุธที่ 29 มกราคม เพื่อพิจารณาว่าจะรับคำร้องนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ กรณีเกิดปัญหาการเสียบบัตรแทนกันในการโหวตมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท

 

               หลังจากนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดหลักฐานในช่วงการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 พบการเสียบบัตรแทนกัน ซึ่งได้แก่ นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย และนางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย

 

               โดยประเด็นดังกล่าวทำให้วิปรัฐบาลรวบรวมรายชื่อ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 90 คน เข้าชื่อยื่นต่อประธานรัฐสภา ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกระบวนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 สามประเด็น คือ 1.กระบวนการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ขัดหรือแย้งกับหลักการการออกเสียงลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 120 หรือไม่

 

               2.หากมีปัญหาจะมีปัญหาทั้งฉบับหรือเฉพาะมาตราที่มีปัญหา 3.จะดำเนินการในแต่ละกรณีต่อไปอย่างไร ขณะเดียวกันฝ่ายค้านก็ได้เข้าชื่อ ส.ส.เพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในเรื่องดังกล่าวด้วย

 

ใช้คำวินิจฉัยคดีเก่าเทียบเคียง

 

               ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มกราคม รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีดังกล่าวหากนำไปเปรียบเทียบกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2557 กรณีนายนริศร ทองธิราช ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย เสียบบัตรแทนกัน ช่วงพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ… หรือร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท ในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษิณ ชินวัตร

 

               โดยครั้งนั้นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การลงคะแนนเสียงแทนกันในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 2 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ตัดสินให้ร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวต้องตกไป เนื่องจากเนื้อหาและกระบวนการไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญตามมาตรา 122 และ 126 วรรคสาม

 

               รายงานข่าวแจ้งต่อว่า ในคำวินิจฉัยช่วงหนึ่งได้ระบุถึงการพิจารณารัฐธรรมนูญ “มาตรา 122” บัญญัติว่า ส.ส.และ ส.ว.ย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยโดยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใด และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์

 

               ส่วน “มาตรา 126 วรรคสาม” บัญญัติว่า สมาชิกคนหนึ่งย่อมมีเสียงหนึ่งในการออกเสียงลงคะแนน ถ้ามีคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด ซึ่งตรงนี้เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ฝ่ายค้านมั่นใจว่า คดีเสียบบัตรแทนกันเมื่อปี 2556 ได้ปรากฏความผิดจนมีผลทางกฎหมายอย่างชัดเจนต่อร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน เช่นเดียวกับการเสียบบัตรแทนกันในปี 2563

 

ชี้ศาลมีแนวโน้มรับพิจารณา

 

               อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 29 มกราคม จะเข้าสู่ขั้นตอนกำหนดไว้อยู่ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 เพื่อให้ศาลพิจารณาว่าเข้าข่ายจะสามารถวินิจฉัยคดีตามมาตรา 7 ที่ระบุไว้ในด้านใด โดยศาลจะแต่งตั้งตุลาการไม่น้อยกว่า 3 คนเป็นผู้พิจารณาว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ ใน 2 เส้นทาง ประกอบด้วย

 

               1.คณะตุลาการมีความเห็นควรสั่ง “ไม่รับคําร้อง” ไว้พิจารณาวินิจฉัยศาลจะอธิบายเหตุผลประกอบพร้อมแจ้งให้คู่กรณีรับทราบ และ 2.หากศาลสั่ง “รับคำร้อง” ศาลจะส่งสำเนาคำร้องหรือมีคำสั่งแจ้งให้ “ผู้ถูกร้อง” มารับสำเนาคำร้องภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้องหรือภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด

 

               รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับสำนวนนี้มีแนวโน้มว่าศาลรัฐธรรมนูญ “รับคำร้อง” พิจารณากระบวนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัย เนื่องจากกรณีนี้มีมูลปรากฏ “หลักฐาน” ชัดเจน ต่อประเด็นที่ 90 ส.ส.รัฐบาลถามศาลถึงหลักการการออกเสียงลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 120 โดยเมื่อศาลรับคำร้องแล้ว ต้องรอศาลพิจารณาว่าจะเปิดไต่สวน หรือขอให้ยื่นพยานหลักฐานหรือคำให้การเพื่อประกอบการพิจารณาหรือไม่ แต่คาดว่าศาลจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 30-45 วันก่อนมีผลคำวินิจฉัย

 

“บิ๊กตู่”สั่งหาทางออกงบประมาณ

 

               เมื่อเวลา 13.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเสนอให้นำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 เข้าสู่การพิจารณาของสภา เพื่อลงมติใหม่อีกครั้งว่า คงต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน ซึ่งรัฐบาลได้ศึกษาหาแนวทางเรื่องนี้ไว้บ้างแล้ว ข้อกังวลที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นเรื่องของสภานิติบัญญัติและศาล ที่จะต้องหาทางออกให้ประเทศร่วมกัน

 

               “ผมมั่นใจว่าทุกฝ่ายจะร่วมมือกัน ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ช่วยกันหาทางออกในสถานการณ์ที่กำลังวิกฤติในขณะนี้ ทั้งเรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณและส่งผลกระทบต่างๆ ให้ได้มากที่สุด ก็หวังว่าทุกฝ่ายจะตั้งใจที่จะทำให้ประเทศของเราและประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุดในภาวะที่มีปัญหารุมเร้ามากมายในปัจจุบัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

 

ไม่หวั่นตกเป็นเป้าซักฟอก

 

               พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมรับมือในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ที่พุ่งเป้ามาที่ “3 ป.” ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ออกมาทางสื่อสารมวลชนในลักษณะการคาดเดาต่างๆ แต่ส่วนตัวคิดว่าในเรื่องนี้ทุกคนก็พร้อมที่แจง และได้สั่งการในที่ประชุม ครม.ไปแล้ว ให้รัฐมนตรีได้ช่วยกันชี้แจง

 

               “วันนี้ต้องยอมรับว่า เข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตยเต็มรูปแบบแล้ว เป็นประเทศที่มีการเลือกตั้ง สื่อต่างประเทศก็ยอมรับปรับลำดับความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยขึ้นมาถึง 38 ลำดับ เพราะฉะนั้นจะมาบอกว่าไม่ได้รับการยอมรับได้อย่างไร วันนี้เราเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ถือว่าเลื่อนลำดับขึ้นมากที่สุดในโลก การตรวจสอบผ่านสภาและองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งส่วนตัวก็ปฏิบัติตามมาโดยตลอด และคิดว่าไม่เคยหาวิธีที่จะหลบเลี่ยง จึงขอให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในนายกฯ และรัฐบาลต่อไป” นายกฯ กล่าว

 

บิ๊กป้อมเชื่อเด็กพปชร.รู้อะไรควร

 

               วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมพรรคจะมีการกำชับเรื่อง ส.ส.เสียบบัตรแทนกันหรือไม่ ว่า เป็นเรื่องของ ส.ส. เขารู้กันอยู่แล้วว่ามันเป็นระเบียบของสภา เดี๋ยวจะพูดในที่ประชุมเอง ส่วนจำเป็นต้องกวดขันให้ ส.ส.ปฏิบัติตามระเบียบให้รัดกุมกว่านี้หรือไม่นั้น เอาน่า ส.ส.เขาโตแล้ว เขาอายุมากแล้ว กว่าเขาจะมาเป็นส.ส.ได้ เขารู้อะไรควร หรือไม่ควร เราไม่ต้องพูดอะไรมาก

 

มั่นใจรัฐบาลไม่ถูกน็อก

 

               นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านมีความมั่นใจว่าจะสามารถน็อกรัฐบาลได้อยู่หมัดในการอภิปรายไม่ไม่ไว้วางใจในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ว่า จะมาน็อกได้อย่างไร เราทำตามขั้นตอนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 หรือไวรัสโคโรนา ได้ทำทุกอย่าง และจะชี้แจงไปตามนั้น เช่น มาตรการป้องกัน นอกจากนี้ยังมีเรื่องการรับมือภัยแล้งก็ดำเนินการมาตลอด ไม่ต้องห่วง

 

               เมื่อถามว่า มั่นใจว่ามาตรการของรัฐบาลในการรับมือปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 และไวรัสโคโรนาจะไม่มีช่องโหว่ให้ฝ่ายค้านโจมตี พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า มั่นใจ เพราะทำตามขั้นตอนทุกอย่าง เพื่อให้ประชาชนปลอดภัย อีกทั้งต้องขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือ

 

อ่านข่าว ไผเป็นไผ '3 ส.ส.' เสียบบัตรเอื้ออาทร

 

               ส่วนที่ถามว่า รัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายเป็นรายบุคคลมั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถชี้แจงถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องได้นั้น มั่นใจเนื่องจากทุกคนทำงานมา 6 เดือนกว่าแล้ว และมีความตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนก็ไม่น่ามีอะไรต้องห่วง ส่วนที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ จะถูกอภิปรายนั้น ต้องไปถาม ร.อ.ธรรมนัสเอง

 

สุริยะไม่หวั่นพร้อมตอบปมสารพิษ

 

               ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ กรณีที่มีกระแสข่าวมีชื่อถูกฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ยังไม่แน่ใจว่าจะมีชื่อถูกอภิปรายจริงหรือไม่เพราะชื่อเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ แต่คาดว่าเรื่องที่จะถูกอภิปรายคือเรื่องการเลื่อนการยกเลิกใช้สารเคมีอันตรายในภาคการเกษตร

 

               จึงขอชี้แจงว่า ที่จริงเรื่องนี้ไม่เกี่ยว แต่เป็นการทำงานในรูปแบบของคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่เห็นร่วมกันว่าให้เลื่อนการยกเลิกใช้สารดังกล่าวออกไปอีก 6 เดือน เพื่อให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับผู้นำเข้าสารเคมี และร้านที่จำหน่ายรวมถึงเกษตรกรที่ต้องใช้สารดังกล่าวได้เตรียมตัว ไม่เช่นนั้นต้องจ่ายค่าชดเชยให้คนเหล่านี้ ยืนยันว่าสามารถตอบข้อสงสัยเรื่องดังกล่าวได้ ตอนนี้ร่างกายแข็งแรงแล้ว สามารถนั่งนานได้ ไม่กังวล สบายมาก

 

ปชป.เชื่อจุรินทร์-อนุทินเคลียร์กัน​

 

               ส่วนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์​ กล่าวถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข​ ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ฝากบอกให้พรรคประชาธิปัตย์จัดการ ส.ส.ภายในพรรค หลังออกมาแฉ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เรื่องการเสียบบัตรแทนกันว่า "เดี๋ยวภูมิใจไทยคงจะคุยกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เอง”

 

               เมื่อถามถึงการเตรียมตัวรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลได้เตรียมตัวอย่างไรบ้าง นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เป็นพรรคร่วมรัฐบาลส่วนหนึ่งต้องรับผิดชอบร่วมกัน ส่วนที่ถามย้ำว่า ในการอภิปรายครั้งนี้พรรคร่วมรัฐบาลจะเสียงแตกหรือไม่นั้น ยืนยันว่า ไม่ เพราะยังเหนียวแน่นแน่นอน

 

‘สมศักดิ์’รอลุ้น29ม.ค.ศาลรธน.ชี้ชัด

 

               นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะต้องมีทุกปี ซึ่งมีได้ครั้งเดียวต่อปี เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่ต้องดำเนินการไปตามปกติ ในส่วนที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือเรื่องงบประมาณมากกว่า เพราะหลายคนเป็นห่วงว่าจะไม่มีงบประมาณมาใช้ตามกรอบเวลานั้น

 

               ขอให้ดูที่ศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 29 มกราคมนี้ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาในข้อสอบถามของ ส.ส.ที่สอบถามไปว่า จะมีวิธีการพิจารณาอย่างไร การลงคะแนนเสียงที่มีปัญหาในการเสียบบัตรแทนจะมีวิธีการปฏิบัติอย่างไร ศาลรัฐธรรมนูญคงจะให้คำตอบมาในวันที่ 29 มกราคม และคงปฏิบัติตามได้เพื่อที่จะได้เดินกันต่อไป

 

ฝ่ายค้านยื่นกระทู้สด“ไวรัส”ระบาด

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 29 มกราคม ฝ่ายค้านจะยื่นกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรี กรณีการป้องกันและแก้ไขการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่ส่งผลกระทบทั้งเรื่องเศรษฐกิจ และสุขภาพของประชาชน โดยเห็นว่า นายกรัฐมนตรีควรจะบัญชาการการแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง เหมือนในอดีตที่ประเทศไทยเคยเกิดปัญหาการระบาดของโรคซาร์ส นอกจากนี้ จะเสนอญัตติด้วยปากเปล่า ขอตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาไวรัสโคโรนา

 

               โดยจะเสนอกมธ.ทั้งหมดจำนวน 25 คน และพิจารณาอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ทันกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในขณะนี้ ส่วนญัตติขอให้สภาตั้ง กมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคต ที่เสนอโดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นั้น คาดว่าจะพิจารณาในที่ประชุมสภาได้วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคมนี้

 

เฉลิมอัดรัฐบาลสีเทามีแต่คนเกลียด

 

               เมื่อเวลา 14.10 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) คณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย (กศพ.พท.) ได้มีการประชุมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน กพศ.พท. กล่าวว่า นายวิษณุ เครืองงาม รองนายกฯ กรุณาหุบปากเสียบ้าง เพราะพวกเราอ่านกฎหมายเป็น เรื่องมาตรา 143 ท่านออกมาพูดเร็วเกินไป เพราะเรื่องนี้ใช้ในกรณีปกติ แต่เรื่องนี้คุณเสียบบัตรแทนกัน เรียกทุจริต
 

               อยากให้สื่อช่วยตรวจสอบรัฐบาล เพราะรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลสีเทา รัฐมนตรีบุกรุกป่าเงียบ ส.ส.บุกรุกที่เงียบ แต่พอฝ่ายค้านทำอะไรบ้างเอาตายตามจี้ หายใจดังยังไม่ได้ รัฐบาลไม่มีหลักเกณฑ์ วันนี้พี่น้องประชาชนส่งข้อมูลมามากมายก่ายกอง เพราะเขาเกลียดรัฐบาลนี้ ทั้งนี้ ยืนยันว่า การอภิปรายครั้งนี้ไม่ทำให้พี่น้องประชาชนผิดหวัง ขอให้ฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ ไม่ต้องให้ทนายหน้าหอ ให้พวกม้าไม่มีชั้นออกมาพูดว่าฝ่ายค้านไม่มีข้อมูล ก็ถ้าไม่มีข้อมูลจะยื่นญัตติอภิปรายได้อย่างไร

 

               เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าที่เลื่อนไปเลื่อนมา ไม่มีใครมาล็อบบี้ไม่ให้อภิปราย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ได้มีการล็อบบี้ใดๆ ทั้งสิ้น แต่ไม่มีข้อมูลว่าจะอภิปรายเรื่องอะไร ถ้าพรรคอื่นมีข้อมูล และขอใส่ชื่อก็เอา กพศ.พท. เรากลัวเสียฟอร์มว่าถ้าไม่มีข้อมูลอะไรแล้ว ไปพูดในสภาก็จะโดนด่าอีก

 

พท.ชี้ยื่นซักฟอก29-31ม.ค.

 

               เมื่อถามถึงกรอบเวลาที่จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายภูมิธรรม กล่าวว่า จะเรียกประชุมหัวหน้าพรรคทั้ง 7 พรรคในวันที่ 29 มกราคมอีกครั้ง แล้วจะตัดสินใจยื่นในช่วงวันที่ 29-31 มกราคม ทั้งนี้ เพราะรอดูเรื่องการสรุปตัวบุคคล โดยขณะนี้เรามีความเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์คือศูนย์กลางของปัญหา ซึ่งหากหาข้อสรุปได้ วันศุกร์นี้ก็ยังถือว่าอยู่ในไทม์ไลน์ที่กำหนดอยู่

 

               ขณะที่ตัวบุคคลที่จะถูกอภิปรายก็ยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะกี่คน เนื่องจากวันนี้ยังมีการประชุมของหลายๆ พรรคในกลุ่มพรรคร่วมอยู่ และตัวบุคคลก็ซ้ำกัน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่ได้รอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการเสียบบัตรแทนกันแต่อย่างใด

 

อ่านข่าว 'เสียบบัตรแทนกัน' พ่นพิษ(แรงกว่าที่คิด)
 

               เมื่อถามถึงพรรคเศรษฐกิจใหม่ (ศม.) นายภูมิธรรม กล่าวว่า ร่วมอภิปรายด้วย แต่ยังไม่ได้สรุปว่าใครจะเป็นผู้อภิปราย เพราะต้องรอดูการกำหนดตัวผู้ถูกอภิปรายก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าใครมีข้อมูลอะไรที่ไปทำการบ้านมา

 

อนค.จองซักฟอก‘บิ๊กป๊อก-วิษณุ’

 

               ที่พรรคอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวถึงการเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ ว่า พรรคอนาคตใหม่ได้เตรียมการที่จะอภิปรายรัฐมนตรีหลายคน เช่น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และนายวิษณุ เครืองาม ที่จะเป็นผู้ถูก ส.ส.พรรคอนาคตใหม่อภิปรายเป็นหลัก

 

               ส่วนภาพรวมในการอภิปรายของพรรคอนาคตใหม่ จะไม่ได้เน้นแค่เรื่องการเปิดโปงการทุจริต หรือการใช้อำนาจในทางมิชอบ แต่จะเป็นเรื่องของการมีส่วนที่เกี่ยวกับการบริหารประเทศในทางที่ผิดพลาด ความไร้วิสัยทัศน์ที่จะนำพาประเทศ จนไปผิดทิศผิดทาง ซึ่งบางทีสร้างความเสียหายมากกว่าการทุจริต หรือการใช้อำนาจในทางมิชอบเสียอีก

 

กกต.จ่อฟัน“ธนาธร”ปมถือหุ้นสื่อ

 

               ด้านความคืบหน้ากรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากวันสมัครยังคงถือหุ้นสื่อของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัดนั้น ล่าสุดคณะกรรมการสืบสวนของสำนักงาน กกต. รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว โดยที่ประชุม กกต.เตรียมพิจารณาเพื่อมีคำสั่งทางคดีอาญาในเร็วๆ นี้

 

กกต.แจงผลคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ

 

               สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงว่า กกต.มีมติประกาศผลการคำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ หลังจากศาลฎีกามีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ของ นายชาติชาย วรพิพัฒน์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาจากกรณีปราศรัยใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จเพื่อจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมตามมาตรา 73 วรรคหนึ่ง (5) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.โดยวิธีการคำนวณเป็นไปตามมาตรา 131 ของกฎหมายเดียวกัน

 

               คือ นำคะแนนรวมทั้งประเทศที่ทุกพรรคการเมืองได้รับจากการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 และการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 8 เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2562 ที่ กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งครบทั้ง 350 เขตเลือกตั้ง ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2562 ซึ่งรวมถึงคะแนนของพรรคประชาชนปฏิรูปด้วยนั้น มาเป็นตัวตั้ง แล้วตัดคะแนนของนายชาติชายที่ได้รับในการเลือกตั้งเขต 2 จ.จันทบุรี จำนวน 19,711 คะแนน ออกจากผลรวมคะแนนทั้งประเทศของพรรคประชาธิปัตย์ แล้วคิดคำนวณตามมาตรา 129 วรรคสี่ และวรรคห้า

 

               ทั้งนี้ปรากฏผลการคำนวณที่เปลี่ยนแปลงไป โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลดลงจากเดิม 20 คน เหลือ 19 คน และพรรคไทรักธรรม จากที่ไม่ได้รับจัดสรร ก็ได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพิ่มจำนวน 1 คน คือ นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรม ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค ลำดับที่ 1

 

“พีระวิทย์”ได้เก้าอี้กลับคืน

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายพีระวิทย์ เคยได้รับจัดสรรเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ มาแล้ว หลังการประกาศผลการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2562 แต่ก็เป็น ส.ส.อยู่ได้เพียง 65 วัน ก็ต้องพ้นจากการเป็น ส.ส. เนื่องจากมีการเลือกตั้ง ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 แทนตำแหน่งที่ว่าง และมีการนำผลคะแนนมาคำนวณใหม่ ส่งผลให้นายพีระวิทย์ กลับไปเป็นผู้สมัครอยู่ในบัญชีของพรรคไทรักธรรม เช่นเดิม

 

ปชป.แห้ว‘เสี่ยไก่ชน’หลุด

 

               ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ที่จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ต้องลดลงนั้น ทำให้ปัจจุบัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับสุดท้ายของพรรค ก็คือ นายจักรพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ หรือเสี่ยไก่ ซึ่งเพิ่งเข้ามาทำหน้าที่ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2563 แทน นายกรณ์ จาติกวณิช ที่ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง และกลับไปเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เช่นเดิม

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ