ข่าว

จตุพร เตือน ณฐพร ชักจะมากเกินไป ร้องยุบ อนค.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"จตุพร" เตือน "ณฐพร" ชักจะมากเกินไป ให้หยุดได้แล้ว ปมร้องยุบ อนาคตใหม่ พร้อมจี้ "บิ๊กตู่" แสดงความรับผิดชอบ ขอโทษ ปชช.หลังเกิดเหตุเสียบบัตรแทนกันของพรรครัฐบาล

 

 

          เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2563 ที่ร้านกาแฟ พีซคอฟฟี่แอนด์ ไลบรารี่ อิมพีเรียล ลาดพร้าว ชั้น 5 มีการจัด รายการลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์  ที่ออกอากาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซทีวี โดยมีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.มาพบปะพูดคุย ร้องรำทำเพลงกันสนุกสนานกันเป็นประจำทุกสัปดาห์ 

 

          นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า วันนี้สนทนากันในลักษณะของการวิเคราะห์ทางการมเมืองในหัวข้อ ตั้งสติกับการเมืองตอนขาลง โดยระบุว่า สถานการณ์ของประเทศไทยตั้งแต่ประเทศเจอกับวิกฤตเศรษฐกิจปากท้องอย่างรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ เจอกับภัยแล้งมากที่สุดในรอบกว่าครึ่งศตวรรษและล่าสุด มีเรื่องไวรัสโคโรน่าที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อการท่องเที่ยว แต่หากดูทางการของจีนที่สั่งปิดเมืองอู่ฮั่นจะเห็นถึงมาตรการ เบ็ดเสร็จเด็ดขาดถึงขั้นคนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า สภาพเมืองเหมือนกับเมืองร้าง ทุกอย่างทางการจีนมีมาตรการอย่างเด็ดขาด แต่ยังมีการแพร่เชื่อจากคนอู่ฮั่นที่เดินทางไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลกทำให้มีการติดเชื้อ ไวรัสโคโรน่ากว่า 2000 คนทั่วโลกและเสียชีวิต 56 ราย แต่ไม่ใช่จะต้องวิตกกังวลเกินเหตุ เพราะสาระสำคัญคือ การวางแผนรับมือกันอย่างเป็นระบบของประเทศไทยนั้นเป็นอย่างไร 
 

          นายจตุพร กล่าวว่า ในทางการเมืองที่ตนบอกว่า ต้องตั้งสติกันในช่วงขาลง ตนอยู่กับเหตุการณ์ในหลายรัฐบาลและมองเห็นในจุดศูนย์กลางของช่วงเวลาคำว่าขาลง ซึ่งมีผลตรงกันข้ามกับเวลาช่วงขาขึ้น เพราะขาขึ้นทำผิดคนก็ยังเห็นว่าเป็นถูกและการขึ้นก็ขึ้นอย่างช้าๆ แต่หากเป็นขาลงก็จะลงอย่างรวดเร็ว วันนี้ชัดเจนว่า การเมือง อยู่ในช่วงของขาลงกันจริงๆ ดังนั้นการวิเคราะห์ของตนต่อไปนี้จะเป็นการวิเคราะห์ในเชิงการเมืองที่เป็นวิทยาศาสตร์ การตั้งหลักทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านรวมถึงประชาชนจะดำเนินชีวิตกันต่อไปอย่างไร ซึ่งตนพยายามอธิบายมาตลอดว่ารัฐบาลเมื่อได้โอกาสจะด้วยวิธีการใดก็ตาม รัฐบาลจะต้องมีภาระหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและหากรัฐบาลใดไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ตามที่สัญญาไว้กับประชาชนแม้รัฐบาลจะมีเสียงข้างมากก็ตามรัฐบาลนั้น ก็ไม่สามารถอยู่ได้ 
 

          วันนี้ไม่เห็นหนทางว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างไร มาตรการการแก้ไขภัยแล้งไม่มีระบบมาตั้งแต่ต้นและแก้ไขกันในลักษณะเฉพาะหน้าจะพูดปัญหาภัยแล้งและจะหยุดพูดเมื่อฝนมา สภาพของประเทศไทยเป็นแบบนี้มาโดยตลอดแม้จะพยายามอธิบายเรื่องราวต่างๆก็เป็นเพียงแค่คำพูด คือร้อยคำพูดสู้ 1 การกระทำไม่ได้ จนถึงขณะนี้เห็นได้ชัดเจนว่า การกระทำในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องและการแก้ไขภัยแล้งล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังมีการปล่อยปละละเลย ให้สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลไปกดบัตรแทนกัน โดยเฉพาะเรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ซึ่งการกระทำในลักษณะเช่นนี้ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัย และคนที่กดบัตรแทนถูกถอดถอนในชั้นวุฒิสภา และป.ป.ช.ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีอาญาในศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  
 

         ดังนั้นวันนี้หากไม่มีคำวินิจฉัยเดิม ที่เกิดเหตุในปี 2556 และศาลวินิจฉัยในปี 2557 เรื่อง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยในกรณีเดียวเท่านั้น คือ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล มีภาพและคลิปปรากฏกรณีการกดบัตรแทนกัน จนที่สุดแล้วศาลวินิจฉัยว่า เป็นการออกเสียงลงคะแนนไม่สุจริต ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่แท้จริงของผู้แทนปวงชนชาวไทย เมื่อกระบวนการออกเสียงลงคะแนนในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญจึงถือว่ามติของสภาผู้แทนราษฎรในกระบวนการตราร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นมติไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญส่งผลให้ร่างพ.ร.บ.เงินกู้ ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ แม้จะมีการโต้แย้งในประเด็นต่างๆ ศาลรัฐธรรมนูญก็ตีตกทุกกรณี ดังนั้นการที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ส่งคำร้องของทั้งสองฝ่าย ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยก่อนนำความกราบบังคมทูลนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

 

          ทั้งนี้ จึงอยากส่งเสียงไปถึงรัฐบาลว่า อย่าดื้อดึงกันอีกเลย อย่าได้ใช้อภินิหารทางกฎหมาย หรือข้อยกเว้น เพราะหากไม่มีการวินิจฉัย ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2ล้านล้านบาทก็อาจจะมีการแถไปอย่างไรก็ได้ แต่นี่ คำวินิจฉัยตำตาและโมฆะทั้งฉบับ วันนี้ก็เช่นเดียวกัน แต่ตนจะไม่ก้าวล่วงว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร แต่หลายปีมานี้ เรามีความรู้สึกสูญเสียความเชื่อมั่น ในเรื่องการวินิจฉัยในแต่ละเรื่องราว เราจะพูดเรื่อง 2 มาตรฐาน ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง แต่ก็ไม่มีการแก้ไข แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องนี้ไม่มีใครไปทำอะไรรัฐบาล แต่รัฐบาลใช้บัตรเชือดคอตัวเอง ตนก็ไม่เชื่อว่าเรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข จะรู้เห็นเรื่องนี้ แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วคนเป็นหัวหน้ารัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบ วันนี้ตนอยากเห็น พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลออกมาขอโทษกรณีการกดบัตรแทน แม้ว่าจะไม่รู้เห็นก็ตาม 

 

          นายจตุพร กล่าวถึงการที่นายณฐพร โตประยูร เดินทางไปยื่นเอกสารฟ้องร้องยุบพรรคอนาคตใหม่เพิ่มเติมอีก หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านว่า อยากให้เสียงนี้ไปถึงนายณฐพร ที่ยังไม่หยุดทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่ไปแล้ว ซึ่งตนก็เข้าใจว่า เป็นความพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความแตกร้าวขึ้นในแผ่นดิน เมื่อเขาถอดสลักกันเรื่องนี้ นายณฐพร ควรจะหยุดได้แล้ว แต่กลับไม่หยุด ซึ่งตนมีความรู้สึกว่ามันชักจะมากไป ดังนั้น การต่อสู้ทางการเมืองควรที่จะพอกันได้แล้ว ในกรณีที่พยายามสร้างความแตกแยก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ทุกฝ่ายพยายามทำกันในช่วงที่ผ่านมานั้น คือการเป็นพสกนิกรของพระเจ้าแผ่นดินกันทุกชีวิตทุกคน การที่จะไปแบ่งแยกกันว่าคนนี้ไม่ใช่พสกนิกร นี่เป็นเรื่องของความเสียหายทั้งปวง ดังนั้น ตนได้แต่ภาวนาว่า กกต. จะไม่ไปเพิ่มอุณหภูมิความขัดแย้งทางการเมือง ฉะนั้นสิ่งที่อยากได้ยินคือ นายณฐพรได้แสดงความรับผิดชอบหยุดเรื่องนี้กันเสียที อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนพูดในวันนี้หวังว่าทุกฝ่ายจะได้ยินกันว่า ควรจะเห็นแก่ชาติบ้านเมือง มากกว่าเห็นแก่ตัวกันเสียที.

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ