ข่าว

กรมป่าไม้ฟ้องปารีณา 4 ข้อหา ทวีโผล่ป้องลูกสาว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กรมป่าไม้ฟ้องปารีณา 4 ข้อหา โทษหนัก 20 ปี ปรับ 2 ล้าน ทวี ไกรคุปต์ โผล่ป้องลูกสาว ทวงถามความเป็นธรรม​​ อ้างแผนที่​ 1:400,000​ ยันไม่รุกป่า 

 

2 ธันวาคม 2562 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แถลงข่าวการแจ้งความดำเนินคดีฟาร์มไก่เขาสน 2 จำนวน 46 -1-40 ไร่ ในพื้นที่ ม.6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  

 

โดยกล่าวว่า หลังจากที่น.ส.ปารีณาได้ร้องเรียนมายังกรมป่าไม้ ว่ามีการรังวัดที่ดินไม่ถูกต้อง เนื่องจากมาตราส่วนแผนที่ของ ส.ป.ก. และกรมป่าไม้ไม่เหมือนกัน กรมป่าไม้จึงตรวจซ้ำไม่ได้ประวิงเวลา หรือมีหลายมาตรฐานกับประชาชนที่บุกรุกป่า ทุกรายที่ถูกตรวจสอบ มีสิทธิจะแย้ง คัดค้านได้ ซึ่งเป็นการดี เพราะเราจะได้ข้อมูลที่ครบถ้วน

 

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2552 คณะทำงานตรวจสอบของกรมป่าไม้และสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม​ จังหวัดราชบุรี​ ได้เข้าตรวจสอบรังวัด​ ถ่ายทอดแนวเขตอีกครั้งหนึ่ง​ และคณะทำงานของกรมป่าไม้ได้สรุปยืนยัน​ ผลการตรวจสอบออกมาพบการบุกรุกที่ดินในเขตป่าในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ดังนี้

 

จำนวนที่ตรวจยึดทั้งหมด  46 ไร่ 1 งาน 49 ตารางวาอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี​ จำนวน 41 ไร่ 1 งาน 59 ตารางวา โดยที่ดินส่วนนี้ยังไม่มีบุคคลได้มาตามกฎหมายจึงถือว่าเป็นป่าตามมาตรา 4​ วงเล็บ 1 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484  โดยบทสันนิษฐานแห่งกฎหมายอยู่ในเขตป่าตามมาตรา 40 วงเล็บ 1 แห่งพ.ร.บ.ป่าไม้พุทธศักราช 2484 จำนวน 4 ไร่ 3 งาน 81 ตารางวา 

 

โดยจะมีการแจ้งความใน 4 ข้อหา 1 กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 มาตรา 54 ฐานก่อสร้างแผ้วถางป่าเผาป่าทำด้วยประการใดๆอันเป็นการทำลายป่าเข้ายึดครองและครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องระวางโทษตามมาตรา 72 ตรี

 

2 กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14 ยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดินก่อสร้างแผ้วถางทำด้วยประการใดๆอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องระวางโทษตามมาตรา 31 

 

3 กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9 ฐานเข้าไปยึดครอบครองตนสร้างเผาป่าทำด้วยประการใดๆให้เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดินในที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิ์ครอบครองหรือไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

 

และ​ 4​ ถือได้ว่าเป็นการกระทำหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการทำลายหรือทำให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติที่มีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรที่ถูกทำลายสูญหายหรือเสียหายไปนั้น​ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมคุณภาพตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2535 มาตรา 97 

 

โดยจะมอบหมายให้คณะทำงานนำเรื่องราวร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในบ่ายวันนี้เพื่อดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายต่อไป
 

นับตั้งแต่วันที่ 20-29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ได้ดำเนินการเราใช้เวลาไม่ถึงสัปดาห์ ยืนยันว่าทำเต็มที่ รัดกุม รอบคอบ และคงมาตรฐานการใช้กฎหมายเดียวกัน ส่วนประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณดังกล่าวก็ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะมีสิทธิตามกฎของคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินแห่งชาติ (คทช.)

 

นายธวัชชัย กล่าวว่า ลงพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมาไม่มีแรงกดดันใด ๆ จากการตรวจสอบที่ดินน.ส.ปารีณา รุกป่าสงวนแห่งชาติ 46 ไร่ จนขณะนี้ก็มีพื้นที่บุกรุก 46 ไร่ เช่นเดิม

 

นายชีวะภาพ กล่าวว่า อะไรที่ผิดก็คือผิด เพราะตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา แต่ไม่ขอพูดทางคดีมาก เพราะอาจมีผลต่อคดี ซึ่งในครั้งนี้จะดำเนินคดีต่อ น.ส.ปารีณา ใน 4 ข้อกฎหมาย คือ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14, กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 และ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 มาตรา 97 ซึ่งทั้ง 4 ข้อกล่าวหา จะผิดจะถูกขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อกล่าวหาทั้ง 4 คดี จะมีโทษอย่างไร นายอรรถพล กล่าวว่า โทษขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล โดย พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติฯ มีโทษสูงสุด 20 ปี และโทษปรับสูงสุด 2 ล้านบาท

 

ต่อข้อถามที่ว่า กรมป่าไม้จะมีแนวทางในการตรวจสอบที่ดินในภาพรวมอย่างไร อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ต่อไปคงมีการสแกนทั้งประเทศ ขอบเขตป่าในแต่ละพื้นที่ มีแผนงานทำงานร่วมกับหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ทับซ้อน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการแถลงข่าว นายทวี ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี และอดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม บิดาของ น.ส.ปารีณา ได้เข้ามาในห้อง โดยหลังอธิบดีพูดจบ นายทวีลุกขึ้นและกล่าวว่า ไม่ได้ตั้งใจมาที่นี้ แต่ตั้งใจทำหนังสือความเป็นธรรมกับอธิบดี ระหว่างการแถลงข่าวตนก็ฟังอย่างเดียว แต่เมื่อมาที่นี่แล้วก็มีคำถาม ซึ่งตนไม่ได้มาหาเรื่องอธิบดี แต่มาขอความเป็นธรรม อีกทั้งขณะนี้ยังติดต่อลูกสาวไม่ได้

 

“อยากบอกลูกสาวว่า อย่าไปฟ้องอธิบดีกรมป่าไม้เพราะทำตามกฎหมาย อยากให้ลูกสาวหาหลักฐานมาสู้คดีอย่าไปฟังทนายมาก เพราะต้องจ่ายเงินให้ทนายทั้งขึ้นทั้งร่องทุกกรณี ให้ฟังพ่อ ผมคิดผิดที่ส่งลูกไปเรียนที่อเมริกาตั้งแต่ 11 ขวบ จนจบปริญญาโท ทำให้เขามีความมั่นใจในตัวเองสูง คิดแบบฝรั่ง ไม่ฟังใคร แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่เชื่อ” นายทวี กล่าว

 

ขอถามอธิบดีกรมป่าไม้ ว่าครอบครัวตนบุกรุกป่า 46 ไร่บริเวณใด เนื่องจากแผนที่เล็กมาก เหมือนเอาผิดกันหัวโต อีกทั้งในพื้นที่นี้มีอำเภอ ชุมชน อยู่ในบริเวณเดียวกัน แผนที่แต่ละหน่วยงานก็ทับซ้อนกัน เชื่อถือได้หรือไม่ ตนได้โอนสิทธิครอบครองจากชาวบ้าน ก่อนปี 2523 ซื้อจากชาวบ้านที่ทำไร่ โดยที่เราไม่รู้ว่าเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรือเขตป่าไม้ หรือเขต ส.ป.ก. เพราะไม่มีป้ายปักแม้แต่ป้ายเดียวว่าเป็นเขตอะไร ไม่มีหลักหมุด

 

อยู่มา 40 ปีเศษ ไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ ชาวบ้านทั่วไปก็เหมือนกับตน ไม่รู้ว่าพื้นที่ใด และที่ไปโอนสิทธิครอบครองก็ไม่มีพื้นที่ป่าแม้แต่พื้นที่เดียว เป็นชุมชนไปหมด ซึ่งป่าสงวนได้ประกาศตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ปี 2484 แม้แต่ที่ทำการอำเภอก็อยู่เขตป่าหมด นี่คือข้อเท็จจริง น.ส.ปารีณา ก็ไม่รู้การซื้อที่นี่ ไม่รู้เรื่องนี้ และตนซื้อมาจากชาวบ้าน ก็ไม่รู้ว่าเป็นมือไหน มีใบ ภ.ท.บ.5 ก็ซื้อไป และใบภทบ. ทางราชการเขาแจ้งมาว่า ใครที่ครอบครองที่ดินและใช้ประโยชน์ให้ไปเสียภาษีให้ท้องถิ่นนั้น ซึ่งตนก็เสียที่เขต ช่วงหลังก็อำเภอ แสดงว่าตนได้ทำประโยชน์และเสียภาษี คล้ายๆอย่างนั้นไป


นายทวี ได้ยื่นแผนที่ให้กับอธิบดีกรมป่าไม้ โดยอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ไม่อยากพูดในรายละเอียดมาก เพราะมีผลทางคดี ซึ่งพื้นที่รุกป่า 46 ไร่ นั้น ให้ไปสู้ในชั้นศาล

 

" ยืนยันว่าไม่มีการบุกรุกป่า​ โดยอ้างแผนที่ตามอัตรา​ส่วน 1 ต่อ 400, 000​ ซึ่งหากมีการรังวัดจะมีพื้นที่ทับซ้อนเป็นแสนไร่ และมีความสงสัยว่า​ เจ้าหน้าที่ป่าไม้รังวัดแล้ว​รู้ได้อย่างไรว่ามีที่จำนวน 46 ไร่​ อยู่ในป่าสงวนอีก 40 ไร่​ มันอยู่ตรงไหน​ "
 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น อธิบดีกรมป่าไม้ได้มอบหมายให้คณะทำงานนำเรื่องราวเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เพื่อดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายต่อไป

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ