ข่าว

 'สมบัติ อุทัยสาง' รอดถูกยึดทรัพย์ คดีร่ำรวยผิดปกติ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"สมบัติ อุทัยสาง"รอดถูกยึดทรัพย์คดีร่ำรวยผิดปกติ บัญชีเงินฝากกว่าร้อยล้าน หลังศาลฎีกานักการเมืองยกคำร้อง เหตุกล่าวหาช้าเกิน 2 ปีหลังจากพ้นตำแหน่ง

       เมื่อวันที่ 29  พ.ย.  62 ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่น คำร้องขอให้ทรัพย์สิน นายสมบัติ อุทัยสาง  อดีต รมช.มหาดไทย ผู้ถูกกล่าวหาที่1 นางสุจิวรรณ อุทัยสาง กับพวกรวม 4 คนผู้คัดค้านที่เพิ่มขึ้นผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน

    โดยศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง   มีคำพิพากษา  ว่า พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 18 พ.ย.2552 โดยมาตรา 75 ของพระราชบัญญัติ ดังกล่าวกำหนดว่ากรณีที่จะมีการกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดร่ำรวยผิดปกตินั้นจะต้องมีการกล่าวหาต่อคณะกรรมการป. ป.ช.เสียก่อน และการกล่าวหาดังกล่าวจะต้องกระทำในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่เกิน2ปีเท่านั้น

   

          คดีนี้ทรัพย์สินที่เป็นมูลเหตุของการร่ำรวยผิดปกติคือ เงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์สาขาคอนแวนต์ 3 บัญชีและเงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์สาขาพุทธมณฑล 5 บัญชีมีการนำฝากระหว่างวันที่ 12มี.ค.40 -18 ต.ค.43 อันเป็นช่วงระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาเข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและเข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยแต่ระหว่างนั้นไม่ปรากฏว่ามีบุคคลใดกล่าวหาผู้ถูกกล่าวหาต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่าผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติจนกระทั่งผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพหรือตำแหน่งประธานกรรมการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยไปเกินสองปีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 75 แล้วเช่นนี้ย่อมมีผลทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจที่จะรับพิจารณากรณีผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและตำแหน่งประธานกรรมการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยได้อีกต่อไป

         ประกอบกับคณะกรรมการป.ป.ช..มีคำสั่งที่ 23/ 2552ลงวันที่ 14 ม.ค.2552แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกกล่าวหาเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยและตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่ำรวยผิดปกติก็เป็นกรณีที่จะต้องบังคับแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่ได้มาเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยและตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโดยร่ำรวยผิดปกติตามที่ระบุไว้ในคำสั่งดังกล่าวเท่านั้นคณะกรรมการป.ป.ช.ไม่มีอำนาจที่จะออกคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนโดยอ้างอิงตำแหน่งทั้งสองนี้เพื่อเป็นเหตุทำให้เกิดอำนาจไต่สวนย้อนหลังไปถึงทรัพย์สินที่ได้มาเมื่อล่วงพ้นกำหนดเวลาไต่สวนแล้วได้ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้สั่งให้เงินฝากดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดินได้ พิพากษายกคำร้อง

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้เมื่อช่วงปลายปี 2560 คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายสมบัติ อุทัยสาง กรณียื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน พร้อมเอกสารประกอบของตนและคู่สมรส ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรณีเข้ารับตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี รวมทั้ง 3 ตำแหน่ง เป็น 9 บัญชี โดยไม่แสดงบัญชีเงินฝากของตนหรือคู่สมรสที่อยู่ในชื่อของบุตร หรือที่คู่สมรส มีชื่อร่วมกับบุตร เพื่อปกปิดจำนวนทรัพย์สินที่แท้จริงของตน เป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ให้ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย

       ต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษา ว่านายสมบัติ อุทัยสาง จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ โดยเห็นว่าเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาคอนแวนต์ รวม 5 บัญชี ในระหว่างปี 2540 – 2541 รวมเป็นเงิน 112,820,749 บาท นายสมบัติ อุทัยสาง และนางสุจิวรรณ อุทัยสาง ร่วมกันเป็นเจ้าของเงิน และมีคำพิพากษาว่านายสมบัติ อุทัยสาง จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ

      ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่านายสมบัติ อุทัยสาง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ ร่ำรวยผิดปกติ

        เเละฟังได้ว่าเงินฝากที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาคอนแวนต์ และสาขาพุทธมณฑล ในนามของนางสุจิวรรณ อุทัยสาง คู่สมรสและบุตร 3 คน ที่นายสมบัติ อุทัยสาง ไม่ได้แสดงไว้ในการยื่นบัญชีกรณีต่างๆ มียอดเงินฝากคงเหลือ ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2547 ซึ่งเป็นการยื่นบัญชีครั้งสุดท้ายในกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จำนวน 106,291,109 บาท โดยนายสมบัติ อุทัยสาง สามารถพิสูจน์การได้มาของเงินฝากธนาคารดังกล่าวว่าได้มาโดยชอบตามวิถีทางปกติ จำนวน 15,000,000 บาทดังนั้น เมื่อนำจำนวนเงินที่ไม่สามารถพิสูจน์การได้มาโดยชอบ จำนวน 91,291,109 บาท รวมกับดอกเบี้ยเงินฝากที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นดอกผลทางนิตินัยของเงินฝากดังกล่าวอีกจำนวน 17,283,247 บาท มารวมคำนวณแล้ว เห็นว่า นายสมบัติ อุทัยสาง มีทรัพย์สินที่ไม่สามารถพิสูจน์การได้มาโดยชอบ รวมมูลค่า 108,574,356 บาท จึงมีมติให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินรายการเงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในนามของนางสุจิวรรณ อุทัยสาง คู่สมรส และบุตร 3 คน ที่สาขาคอนแวนต์ และสาขาพุทธมณฑล เป็นทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดิน แต่สุดท้ายศาลฎีกาฯยกคำร้อง ด้วยเหตุผลข้างต้น

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ