ข่าว

ชูชาติ  ชี้ โอ๊ค รอดคดีฟอกเงิน ได้อานิสงส์จากข้อกฎหมาย

ชูชาติ ชี้ โอ๊ค รอดคดีฟอกเงิน ได้อานิสงส์จากข้อกฎหมาย

26 พ.ย. 2562

อดีตผู้พิพากษา ชูชาติ กางข้อกฎหมาย เผยเหตุยกฟ้อง โอ๊ค พานทองแท้ คดีฟอกเงิน เพราะองค์คณะเสียงแตก จึงเอาตามผู้พากษาที่มีผลร้ายต่อจำเลยน้อยกว่า คือยกฟ้อง

        นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา  ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว  ถึงคดีนายพานทองแท้ ที่ถูกฟ้องคดีฟอกเงิน ความว่า ..

       คดีที่พนักงานอัยการฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร เป็นจำเลยในความผิดฐานฟอกเงิน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง และศาลได้พิพากษายกฟ้อง 
 

     .....โดยองค์คณะพิพากษา ๒ ท่าน มีความเห็นต่างกัน คือ ท่านหนึ่งเห็นว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องและให้ลงโทษจำคุก แต่อีกท่านหนึ่งเห็นว่าจำเลยไม่มีความผิดและให้พิพากษายกฟ้อง
      .....ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  มาตรา ๑๘๔ บัญญัติว่า ในการประชุมปรึกษาเพื่อมีคําพิพากษาหรือคําสั่ง ฯลฯ การวินิจฉัยให้ถือตามเสียงข้างมาก ถ้าในปัญหาใดมีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่ายหรือเกินกว่าสองฝ่ายขึ้นไป จะหาเสียงข้างมากมิได้ให้ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จําเลยมากยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จําเลยน้อยกว่า
       .....ดังนั้นเมื่อคดีนี้มีองค์คณะเพียง ๒ ท่าน เมื่อปรึกษาหารือกันแล้วหาเสียงข้างมากไม่ได้ องค์คณะผู้พิพากษาที่เห็นว่า จำเลยมีความผิดและให้ลงโทษจำเลย จึงต้องยอมเห็นด้วยองค์คณะผู้พิพากษาที่เห็นว่าจำเลยไม่มีความผิดและให้พิพากษาให้ยกฟ้องซึ่งเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า คดีนี้จึงต้องพิพากษายกฟ้อง ตามบทบัญญัติของมาตรา ๑๘๔ ดังกล่าว 
        .....ส่วนความเห็นขององค์คณะผู้พิพากษาที่เห็นว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องและให้ลงโทษจำคุกให้ถือว่าเป็นความเห็นแย้งในคำพิพากษาคดีนี้ตามกฎหมาย
      .....กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นได้ในศาลชั้นต้นที่มีองค์คณะผู้พิพากษา ๒ ท่านบ่อย แต่ไม่เป็นข่าวเพราะจำเลยไม่ได้เป็นคนที่ประชาชนให้ความสนใจ ในศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา มีองค์คณะผู้พิพากษา ๓ ท่าน จึงต้องหาเสียงข้างมากได้อยู่แล้ว
   .....ขอเรียนว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาประกาศใช้บังคับมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๗ จนถึงปัจจุบันก็เป็นเวลา 85 ปีแล้ว