
'ปชป.'ติง'รัฐ'แก้ปัญหาแบบปากว่าตาขยิบ
รองโฆษกฯปชป." ติง ยิ่งลักษณ์" ทำงานแก้ปัญหาอุทกภัย แบบ ปากว่าตาขยิบ ใช้เสียงตามสายให้ร้ายการทำงาน ผู้ว่ากทมฯ เตือน อย่าเล่นการเมือง-อย่าเอาคนไม่มีความรู้เรื่องน้ำมาสั่งงาน
วันที่ 23 ต.ค.54 นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือให้ผ่านสถานการณ์วิกฤตน้ำท่วมไปด้วยดี ซึ่งทุกฝ่ายพร้อมให้การช่วยเหลืออยู่แต่ แต่รู้สึกเหมือนายกฯปากว่าตาขยิบ เรียกร้องทุกฝ่ายให้ร่วมมือ แต่คนของตัวเองกลับนำการเมืองมาปะปน
“นายกฯไม่รู้หรืออย่างไรว่าแกนนำพรรรคภาคกทม.ได้มีการประชุมส.ส.ในเขตที่ประสบภัยพิบัติ คือ มีนบุรี หนองจอก คลองสามวา และลาดกระบัง โดยมีลักษณะให้ทำการขัดแข้งขัดขาผู้ว่าฯกทม เช่น ให้ทีมงานใช้เสียงจากหอกระจายข่าวสาร พูดตำหนิการทำงาน ให้ข้อมูลบิดเบือน สร้างความเกลียดชัง เช่นกรณีน้ำเอ่อล้นคลองประปา ก็ระบุว่าเป็นฝีมือผู้ว่าฯกทม. ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าฯกทม. จึงเรียกร้องให้รู้กาลเทศะบ้าง ตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส อย่าเล่นการเมืองมากไป ไม่ใช่สถานการณ์ให้ใครมาเล่นบทวีระสตรีเพื่อหวังลงสมัครผู้ว่ากทม.ในปีหน้า” รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายสกลธี กล่าวว่า ตลอดช่วง 3 สัปดาห์ ที่มีการแต่งตั้งศปภ. การทำงานยังเหมือนพายเรือในอ่าง มีปัญหามากมายกัดกิน โดยเฉพาะปัญหาความน่าเชื่อถือการให้ข่าวสร้างความแตกตื่นมากมาย และมีความขัดแย้งภายใน ศปภ. ทั้งรัฐมนตรีในแถวสาม สี่ ห้า กับ คนไม่มีอำนาจในบ้านเลขที่111 ที่เตรียมจะกลับมาปีหน้า มีการแย่งซีนกันทำให้การทำงานของศปภ.ไม่ลื่นไหล รวมถึงส.ส.เพื่อไทยขัดแย้งกันเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้นายกฯต้องเข้ามาจัดการ เพราะประชาชนอยากเห็นมากสุดคือภาวะผู้นำของนายกฯ ซึ่งที่ผ่านมายังได้ไม่แสดงภาวะผู้นำอย่างเพียงพอ และจากการลงพื้นที่ของพรรคพบว่า ประชาชนอยากเห็นรัฐบาลพูดความจริง แถลงอย่างตรงไปมา ไม่ใช่พอถามนายกฯถึงสถานการณ์น้ำว่าเป็นอย่างไร ตอบอย่างเดียวว่ายังไม่ทราบให้ไปถามผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งคนระดับนายกฯไม่รู้แล้วจะไปถามใคร
“ตอนนี้ประชาชนเลิกกลัวน้ำท่วม กลับกลัวการแถลงของศปภ.มากกว่าว่าจะบิดเบือนความจริง ถ้าพูดความจริงคนกทม รับได้ เพราะมีการเตรียมรับสถานการณ์ เพียงแต่อยากรู้ว่าจะท่วมตรงไหนบ้าง ท่วมเท่าไหร่ ถ้านายกฯไม่สามารถให้คำตอบได้ ทั้งมีข้อมูลที่จะประมาณการได้อยู่แล้ว” นายสกลธี กล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องนายกฯ 7 ข้อ คือ 1.ต้องเร่งทำให้ประชาชนเบาใจ ด้วยการแสดงภาวะผู้นำจริงจัง แถลงความจริงอย่าง รวดเร็วเพื่อรับต่อสถานการณ์ และปรับปรุงรูปแบบการแถลงของศปภ.หาโฆษกที่พูดจารู้เรื่องกว่านี้ 2.ต้องเตือนลูกหาบและผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่าเอาความเดือดร้อนของประชาชน มาเป็นตัวประกันเพื่อเพื่อหาเสียงเก็บคะแนน หรือเตรียมตัวสมัครผู้ว่ากทม.สมัยหน้า 3.ตักเตือนส.ส.ที่ไม่เกี่ยวข้องมือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำ ออกมามาบริภาษผู้เกี่ยวข้องทั้งที่คนเหล่านี้ได้ทำงานอย่างเต็มที่
นายสกลธี กล่าวว่า 4.บอกลูกพรรคให้หยุดสร้างความแตกแยกแบ่งพวกแบ่งสี เช่นบังคับให้อาสาสมัครใส่เสื้อสีแดง หรือส่งของให้กับพวกตัวเอง หรือเช่นที่เขตดอนเมืองบางแห่งน้ำท่วมครึ่งแข้งก็รีบเอาของไปแจกให้ทันที ทั้งที่พื้นที่อื่นที่ประสบความเดือดร้อนก่อนหน้านี้ยังไมได้รับการช่วยเหลือ 5.ให้ตักเตือนเรื่องการขาดตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค ต้องจัดการผู้ที่กักตุนสินค้า และขึ้นราคาสินค้าอย่างเด็ดขาด 6.ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษากฎหมายดูแลทำงานให้เต็มที่ โดยเฉพาะการแต่งตั้งญาติขึ้นมาเป็นผบ.ตร.แล้ว ก็ควรจะเร่งทำงาน เพราะเริ่มมีการซ้ำเติมประชาชน เช่นการโจรกรรม และกรณีเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างเมืองนนท์กับ ดอนเมือง ซึ่งตัวคนทำผิดชัดเจน อยากให้แสดงฝีมืองเป็นงานแรกหลังจากรับตำแหน่ง และ 7.ขอให้นายกฯเลิกดื้อดึง ฟังความเห็นทุกภาคส่วนอย่างจริงจัง และหยุดเล่นการเมืองสักพัก อย่ากีดกันที่ไม่ใช่พวกตนเองออกไป
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะเรียกประชุมสภาในวันที่ 26 -27 ต.ค. ว่า ตนเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นต้องการความเห็นจากทุกภาคส่วน แต่อย่าอาศัยชุลมุนหมกเม็ดนำเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าในระเบียวาระ โดยเฉพาะร่างแก้ไขพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม แม้ยืนยันว่าไม่มีเรื่องนี้ในวาระ แต่ประธานสภาก็มีสิทธิ์เลือกวาระเข้ามาประชุมในสภาได้
จี้ “ยิ่งลักษณ์” รับผิดชอบ ปชช.ถูกไฟดูดตาย อัด ศปภ.กั๊กของช่วยน้ำท่วม ใช้งบฯไม่คุ้มค่า
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า หลังการประกาศใช้พ.ร.บ.ป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 31 เพื่อรวบอำนาจสั่งการไว้ที่นายกรัฐมนตรี จากนั้นได้มีการระบายน้ำลงไปทาง จ.นนทบุรี ซึ่งนายกฯรู้ทิศทางน้ำ รู้ข้อมูลทั้งหมดแต่บกพร่องอย่างร้ายแรงเมื่อทำให้ชาวจ.นนทบุรีโดนไฟดูดตายภายในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ในวันเดียวมากถึง 8 ศพ
“ดิฉันขอเรียกร้องนายกฯรับผิดชอบ เรียกร้องการไฟฟ้าร่วมรับผิดชอบเพราะพวกคุณ ทำไมไม่ออกคำสั่งตัดไฟฟ้า โดยแจ้งเตือนชาวบ้านให้ทราบหลังจากที่มีคำสั่งให้คนอพยพออกจากพื้นที่ เพราะระดับน้ำท่วมสูงเสี่ยงอันตราย เพื่อให้ชาวบ้านได้รู้ตัวและเตรียมการได้ จึงถือเป็นความบกพร่องอย่างร้ายแรงของนายกฯ แต่เพราะความไม่ประสาในการสั่งการ ตามอำนาจตัวเอง เรื่องนี้จะจบแค่คำว่าเสียใจไม่ได้ เพราะนี่ไม่ใช่เพียงทรัพย์สิน เงินทอง ของมีค่า แต่คือ ชีวิตของคน ที่ต้องตายด้วยความบกพร่องของผู้นำ ทั้งที่มีสื่อประจำที่ศูนย์ศปภ.สามารถแจ้งเตือนได้ ซึ่งเรื่องนี้ประชาชนสามารถร้องศาลปกครอง เอาผิดจากรัฐและนายกฯได้ ดิฉันจะให้คำนำแนะนำในกรณีนี้ด้วยตัวเอง” น.ส.มัลลิกา กล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ล่าสุดได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและเหล่าอาสาสมัคร ที่เข้าไปช่วยแพ็คสิ่งของบริจาคที่ศูนย์ ศปภ. ว่า มีการกั๊กของบริจาคที่ทางศปภ.ได้รับบริจาคมาจากองค์กรต่างๆ ทำให้ส่งถุงยังชีพถึงมือผู้เดือดร้อนล่าช้าและไม่ทั่วถึง และเมื่อตรวจสอบการใช้งบประมาณของ ศปภ.ก็พบว่า ใช้งบประมาณไปแล้ว 1,700 ล้านบาทในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม จากงบประมาณที่ครม.อนุมัติให้ 2,000 ล้านบาท โดยที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดกับประเทศชาติ และประชาชนไทยเลยแม้แต่น้อย เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ครม.ของน.ส..ยิ่งลักษณ์ก็เพิ่งจะอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมให้ ศปภ.อีก 1,500 ล้านบาท รวมเป็นยอด 3,500 บาท ที่ให้อำนาจกับ ศปภ.แต่ผลที่ออกมาคุ้มค่าหรือไม่ กับผลงานที่ออกมา
น.ส.มัลลิกา กล่าวว่า ที่บอกไม่เกิดประโยชน์ เนื่องจากวันนี้ยังได้ยินเสียงร่ำไห้ ของความทุกข์ระทมจากการอดน้ำ-อดข้าวของประชาชนอยู่ บางแห่งรออพยพเป็นหมื่นๆคน คนเฒ่าคนแก่ลูกเล็กเด็กแดงไม่ได้กินอิ่ม ทั้งที่มีบริจาคจากชาวไทยกองโตเท่าภูเขาที่ศูนย์ ศปภ.ดอนเมือง แต่สิทธ์ขาดขึ้นอยู่กับคนอนุมัติ ซึ่งก็ไม่อยู่ประจำที่ เพราะต้องรอลายเซ็นของส.ส.เจ้าพ่อใหญ่คนหนึ่งและเป็นคนเดียวเท่านั้น ที่มีสิทธิ์อนุมัติให้ของบริจาคกับชาวบ้านตาดำๆ ที่รอความช่วยเหลือจากศูนย์ ศปภ.
“จึงอยากขอร้องว่า ขอให้ทำ ศปภ.เป็นศูนย์ช่วยผู้ประสบภัยจริงๆ ไม่ใช่ทำให้กลายเป็น “ศูนย์ประจานภูมิปัญญาปู” เพราะเต็มไปด้วย “แกนนำคนเสื้อแดง” ที่เข้าไปชี้นิ้วสั่งการกันอย่างเอิกเกริกจนกลายเป็น “ศูนย์รวมสารพัดแดง” ทั้งที่แต่ละคนไม่ได้มีความรู้ความสามารถในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ทั้งหมดเป็นเหตุผลที่ทำให้ประชาชน ผู้คนต่างหมดศรัทธาจนเหล่าอาสาสมัครและองค์กรภาคประชาชนเหลืออดในพฤติกรรมต่างๆจึงได้มีการถอนตัวออกจากศูนย์ ศปภ.” รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ กลุ่มไทยฟลัด ดอตคอม ถอนตัวออกจากการทำงานร่วมกับศปภ. น.ส.มัลลิกา กล่าวว่า ไม่ได้มีเฉพาะ “ไทยฟลัด” เท่านั้นที่ถอนตัว แต่มีอาสาสมัครจำนวนมากขอถอนตัวเพราะได้เห็นข้อมูลการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของศปภ. สาเหตุเพราะนายกฯใช้คนไม่ถูกกับงาน ทำให้ขั้นตอนการเบิกจ่ายอยู่ที่คนเพียงคนเดียวที่มีอำนาจเซ็นอนุมัติ แต่ไม่นั่งประจำที่ทำให้ปัญหาทุกอย่างติดขัดไปหมด