ข่าว

ภรรยาร้อง สายไหมต้องรอด สามีโดนพี่สาวอุ้มออกจากบ้านพัก ปมมรดก 100 ล้าน

ภรรยาร้อง สายไหมต้องรอด สามีโดนพี่สาวอุ้มออกจากบ้านพัก ปมมรดก 100 ล้าน

11 ก.ค. 2567

ภรรยาร้อง สายไหมต้องรอด สามีป่วยโดนพี่สาวอุ้มออกจากบ้านพัก กักขัง ไม่ให้พบเจอ ปมมรดก 100 ล้าน เจอพี่สาวสามีโต้กลับอีกมุม

จากกรณี ภรรยา ร้องเพจ สายไหมต้องรอด ช่วยเหลือ นายวิศิษฎ์ (สงวนนามสกุล) สามีที่กำลังป่วย หลังถูกพี่สาวสามีบุกอุ้ม จากบ้านพักย่านจรัญสนิทวงศ์ 25 ไปกักขังที่ย่านสำโรง จ.สมุทรปราการ กีดกันไม่ให้เจอครอบครัว โดยล่าสุดทางเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทนาย ได้เดินทางมาที่บ้านของ พี่สาวสามี ที่ จ.สมุทรปราการ ก่อนที่จะพา นายวิศิษฎ์ พร้อมพี่สาว ไปที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อลงบันทึกประจำวัน เรื่อง มรดก ที่ นายวิศิษฎ์ ได้เซ็นไป โดยที่เจ้าหน้าที่ได้รับเรื่อง พร้อมตรวจสอบหลักฐาน

 

 

 

โดย พี่สาว ของ นายวิศิษฎ์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม ได้เดินทางไปเยี่ยมน้องชายที่บ้าน พบว่าน้องชายมีอาการป่วย และสภาพการเป็นอยู่ไม่ดี ส่วนตัวรับไม่ได้ รู้สึกสงสารน้องชาย วันนั้นยังเห็นอาหารที่น้องชายกิน สังเกตว่าเป็นโจ้กที่เททิ้งไว้นานแล้ว จึงเชื่อว่าน้องชายได้รับสารอาหารไม่ครบ ตัวเองเห็นว่าน้องชายบ่นอยากกินอาหารหลายอย่างแต่ไม่ได้กิน 

 

นอกจากนี้น้องชายถูกภรรยาและลูกทำร้ายร่างกาย เพราะตัวเองเห็นบาดแผลและทราบมาว่าน้องชายถูกภรรยา ลูกชาย และ ลูกสาว ทำร้ายร่างกายจนเกิดแผลคล้ายรอยเล็บ บริเวณหลังของน้องชายด้วย สำหรับปัญหาเรื่องการ ชิงมรดก 100 ล้าน ยืนยันว่า เกิดจากภรรยาน้องชายเพียงคนเดียว ตัวเองไม่ได้เป็นคนเริ่ม เป็นความคิดของน้องสะใภ้ที่หวังฮุบสมบัติ ฝั่งญาติพี่น้องไม่เคยพูดถึงเรื่องสมบัติเลย ที่ตัวเองทำไปเพราะเป็นห่วงสุขภาพของน้องชาย ซึ่งตั้งแต่พาน้องชายไปอยู่ด้วยไม่ได้มีการบังคับให้เซ็นเอกสารแต่อย่างใด ทุกอย่างเป็นความคิดของน้องสะใภ้ 

 

สำหรับมรดกทั้งหมดนั้น ยังไม่ได้มีการจัดการหรือแบ่งให้ใคร เพราะเพิ่งได้หนังสือรับรองแต่งตั้งผู้จัดการมรดก โดยทายาททั้งหมดรวมถึงน้องชาย ได้เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน ส่วนประเด็นที่น้องสะใภ้ไปแจ้งความว่าตัวเองพาน้องชายไปกักขังไว้ที่บ้านนั้น ได้ชี้ไปที่น้องชายพร้อมถามกลับว่าแบบนี้คือการกักขังหรือไม่ เพราะอยู่กับตัวเองได้กินอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนแม้จะไม่ได้กินยารักษาโรคประจำตัวก็ตาม เพราะตัวเองได้พาน้องชายไปกายภาพบำบัดและออกกำลังกายด้วย

 

 

ภรรยาร้องสามีโดนอุ้มปมมรดก 100 ล้าน

 

 

เมื่อถามว่าน้องชายได้เจอกับภรรยากับลูกหรือไม่ พี่สาว บอกว่าเพิ่งเอามาได้ 10 วัน ส่วนวันที่น้องสะใภ้เดินทางไปหาที่หน้าบ้านตนไม่ได้ปิดประตูใส่ ส่วนที่น้องสะใภ้อ้างว่าตัวเองผลักหัวน้องชายตอนที่ตำรวจไปตามที่บ้านนั้น ตนไม่ได้ผลัก สามารถไปสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ตัวเองเคยถูกน้องสะใภ้และหลานทำร้ายร่างกาย โดยเน้นไปบริเวณต้นคอเพื่อหวังให้ตัวเองเป็นอัมพาตด้วย 

 

ฝั่งคนกลางกัน คือ นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า พี่สาว บอกกับตนว่าจะพาอยู่ด้วยและจะดูแลดีกว่าครอบครัว ครอบครัวดูแลดี แต่ทางพี่สาวดูแลดีกว่า ยืนยันทั้งสองฝ่ายไม่มีฝั่งไหนทำร้ายร่างกายตน แต่ตอนนี้ขออยู่กับพี่สาวไปก่อนยังไม่พร้อมที่จะกลับไป เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามว่าให้ติดต่อกับทางภรรยาให้ไหม นายวิศิษฐ์ ปฏิเสธพร้อมบอกว่า ยังไม่พร้อมคุย แม้จะไม่ได้กินยารักษาโรคประจำตัว แต่ตอนนี้สุขภาพแข็งแรงดีกว่าเมื่อก่อน เพราะพี่สาวพาไปกายภาพบำบัดและเล่นโยคะ 

 

 

ร้องสายไหมต้องรอดสามีโดนอุ้ม

 

 

สำหรับประเต็นเรื่อง มรดก ทีมข่าวได้พยายามสอบถามว่าเป็นปมสาเหตุที่ทำให้เกิดการทะเลาะกันในครั้งนี้หรือไม่ นายวิศิษฐ์ ยอมรับว่าปัญหาเกิดจากมรดกของพี่สาวคนโตจริง โดยทั้งตนและพี่น้องอีก 4 คน มีมรดกคนละส่วน ซึ่งตั้งแต่ตนไปอยู่บ้านพี่สาว พี่สาวก็มีการนำเอกสารบางอย่างมาให้นเซ็นซึ่งตนมาทราบภายหลังว่าเป็นเอกสารเกี่ยวข้องกับมรดก และตนได้เซ็นไปแล้ว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อยากได้มรดกหรือไม่ นายวิศิษฐ์ นิ่งเงียบและไม่ตอบคำถาม 

 

ด้าน ภรรยา เผยว่า หลังจากนี้ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนเรื่องการที่ นายวิศิษฎ์ นั้น จะกลับไปอยู่ที่บ้านด้วยนั้น ก็ต้องดูแลกัน ซึ่งก็ดูแลกันอยู่แล้ว ส่วนอะไรที่ นายวิศิษฎ์ เซ็นนั้นก็น่าจะเป็นโมฆะเนื่องจากสติของเขาไม่เต็มร้อยเหมือนโดนบังคับ ส่วนเรื่องมรดกนั้นตอนนี้ไม่ใช่ประเด็นแล้ว

 

 

โดย : สุธินันท์ คงสินธ์