
เปิดคำสารภาพ "ส.ต.อ." มือลั่นไกหนุ่มเมียนมา พบประวัติป่วยซึมเศร้า
เปิดคำสารภาพ "ส.ต.อ." มือลั่นไกหนุ่มเมียนมา อ้างทำเพราะอารมณ์ชั่ววูบ พบประวัติป่วยซึมเศร้า ด้าน ผู้การฯ ขอนแก่น สั่งให้ออกจากราชการ
ความคืบหน้ากรณีการจับกุม ส.ต.อ.วีระพงษ์ บัวเย็น ตำรวจสังกัด สภ.พระยืน จ.ขอนแก่น ก่อเหตุอุกอาจยิงคนไข้ชาวเมียนมา ขณะกำลังนอนอยู่บนเตียงคนไข้ เพื่อรอเข้ารับการผ่าตัดก้อนเนื้อ เหตุเกิดในอาคารศัลยกรรมระบบปัสสาวะ ชั้น 5 อาคาร 6 โรงพยาบาลขอนแก่น ก่อนจะขับรถกระบะหลบหนีไป เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- รวบคนร้าย ยศ ส.ต.อ. มือยิง "หนุ่มเมียนมา" ดับคาเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล
- เช็กวงจรปิดล่า คนร้าย "บุกโรงพยาบาล" ยิงผู้ป่วยดับ ตั้งรางวัลนำจับ 1 หมื่น
- อุกอาจ บุกยิง "หนุ่มเมียนมา" ในโรงพยาบาล ขณะรอผ่าตัดก้อนเนื้อ เสียชีวิต
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 8 มิ.ย. 2567 ที่ กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น และ พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญญานิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ร่วมกันแถลงผลการจับกุม ส.ต.อ.วีระพงษ์ บัวเย็น
พล.ต.ต.อนุวัตร กล่าวว่า จากการสอบปากคำ ส.ต.อ.วีระพงษ์ เบื้องต้นยังให้การได้ไม่มากนัก เนื่องจากผู้ต้องหาอยู่ในอาการเครียด สับสน และพูดน้อย มีพฤติกรรมที่เสี่ยงจะทำร้ายตัวเอง เจ้าตัวบอกกับว่าที่ทำไปเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ เนื่องจากวันและเวลาที่ก่อเหตุนั้น ผู้ต้องหาได้เดินทางไปเยี่ยมพ่อของตนเอง ซึ่งเข้ารักษาตัวอยู่ที่อาคารศัลยกรรมระบบปัสสาวะ ชั้น 5 โรงพยาบาลขอนแก่น และเตียงของพ่อ อยู่ติดกับเตียงของผู้ตาย
ส.ต.อ.วีระพงษ์ อ้างว่า ผู้ตายพูดจาก่อกวนพ่อของตนเอง จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจนเสียชีวิต โดยที่ผู้ตายและผู้ต้องหาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ส่วนประเด็นสงสัยที่ว่าเกี่ยวกับการใช้รถยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาก่อเหตุนั้น จะมีการสอบปากคำต่อไปเพื่อให้สิ้นสงสัย แต่ข้อจำกัดในตอนนี้คือ ผู้ต้องหามีความเครียดและสับสน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้สอบถามประวัติการรักษาของผู้ต้องหา ทราบว่ามีอาการป่วยซึมเศร้า แต่ขาดการทานยารักษา ส่วนในประเด็นที่มีการใช้สารเสพติดหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
พล.ต.ต.อนุวัตร กล่าวอีกว่า ช่วงที่ ส.ต.อ.วีระพงษ์ ปฏิบัติหน้าที่เป็น ผบ.หมู่ ที่ สภ.พระยืน จ.ขอนแก่น ทราบว่ายังคงทำหน้าที่ที่โรงพักตามปกติ เพียงแต่ไม่ได้ออกไปปฏิบัติงานที่ต้องพบปะกับผู้คน เป็นคนค่อนข้างเก็บตัว หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง เพื่อเอาผิดทางวินัยควบคู่ไปกับคดีอาญา โดยจะต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อน
เบื้องต้นแจ้งข้อหา "ฆ่าคนตายโดยเจตนา, พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้พกและยิงปืนโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน" นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



